6 กรกฎาคม 2010
รอบรองชนะเลิศ แข่งขัน เวลา 1.30 น. ทีมอุรุกวัยพบฮอลแลนด์ สู้กันดุเดือด สนุกมาก ใครเป็นโรคหัวใจ โรคความดันต้องหลีกเลี่ยง ขณะดู นิ้วมือผมกำเกร็งไปโดยไม่รู้ตัว พอรู้สึกตัวตน ต้องปรับอารมณ์ใหม่ เป็นทีมชาติของเราก็ไม่ใช่ ไฉนต้องปล่อยกายใจอยู่ใต้เกมการแข่งขัน จึงได้ดูแบบไม่เครียดต่อไป ทั้งนี้เพื่อชีวิตที่ยืนยาว รอทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกสักครั้ง จำได้ว่า ทีมชาติไทยเคยไปฟุตบอลโอลิมปิกครั้งหนึ่ง ยุคสมัยคุณสราวุธ ประทีปกรชัย เป็นผู้รักษาประตู ทีมเราพ่ายไปหลายลูกในแต่ละนัด คุณสราวุธ ประทีปกรชัย เคยให้สัมภาษณ์ว่า ฝรั่งตัวโตมาก ยิ่งประตูทีเหมือนปืนใหญ่ตูมๆ รับลูกแทบไม่ไหว เหตุการณ์ตอนนี้ใครจำได้ โปรดส่งข้อความมาให้ทราบด้วยนะครับ อยากรู้จริงๆ
ขอย้อนมาเขียนถึงเกม
ระหว่าง อุรุกวัยกับฮอลแลนด์ต่อนะครับ ทั้งสองทีมเล่นเกมรุกเข้าหากัน ถ้าเป็นมวยไทยคงประเภท คุณศอกมาผมก็ศอกไป ต่อยมาก็ต่อยสวน ไม่มีใครกลัวใคร ในนาทีที่ 18 ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ แบ็กซ้ายฮอลแลนด์จับลูกได้ บริเวณด้านซ้ายของสนาม ในเขตของทีมอุรุกวัย
ระยะประมาณ 30 หลา คุณฟานซัดด้วยเท้าซ้ายสุดแรง เจ้า “จาบูลานี่” ฟุตบอลที่มีคุณภาพพิสดาร พุ่งโด่งลอยไปด้วยความเร็วและแรง ลูกโค้งลงกระทบสามเหลี่ยม มุมบนด้านซ้ายของประตู เข้าประตูอุรุกวัย สุดปัญญาผู้รักษาประตูจะปัดได้ เป็นลูกที่รุนแรงทรงประสิทธิภาพ และสวยงามมากครับ ทีมฮอลแลนด์นำ 1 ประตูต่อ 0 ทีมอุรุกวัยก็ไม่น้อยหน้า นาที่ 41 ดาวเตะกำลังสำคัญของทีมอีกคน คือ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ยิงด้วยเท้าซ้าย ระยะ 30 หลา ลูกพุ่งโด่งเข้ากลางประตู ถูกมือผู้รักษาประตู แต่ลูกมันแรงมากจึงพุ่งเข้าประตูไป จบครึ่งแรกเสมอกัน 1 ประตูต่อ 1 นับเป็นการยิงประตูที่รุนแรงเด็ดขาดพอๆกัน ยิงระยะไกล 30 หลา เช่นเดียวกัน แล้วยังเป็นการยิงด้วยเท้าซ้ายเหมือนกันอีก นับว่าต่างก็โดนอาวุธของคู่ต่อสู้ สับศอกมาก็สับศอกไป…ครึ่งหลังการแข่งขันยังดุเดือดตื่นเต้นเหมือนเดิม จบการแข่งขัน ฮอลแลนด์ชนะไป 3 ต่อ 2 ประตูไปรอชิงชนะเลิศกับผู้ชนะระหว่างเยอรมันกับสเปน ในวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคม 2010 และผู้แพ้ ระหว่างทีมเยอรมันกับสเปน ไปชิงที่ 3 กับทีมอุรุกวัย ในวันเสาร์ที่ 10 กรกฏาคม 2010
7 กรกฏาคม 2010
รอบรองชนะเลิศอีกคู่หนึ่ง ระหว่าง เยอรมันกับสเปน เป็นคู่หยุดโลกอย่างที่ใครๆพูดกัน แต่หยุดผมไม่ได้ เพราะแข่งขันกันเวลา 1.30 น. เป็นเวลาที่ดึกมาก กำลังหลับสบายทีเดียว ผมเข้านอนตามปรกติ แต่ใจยังจดจ่อกับทีมฟุตบอลทั้งสอง จนม่อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ อยากให้ทีมสเปนชนะ เพราะมีเด็ก 2 คนที่เชียร์ คนหนึ่งลูกชายผม อีกคนเป็นหลานภรรยา คนนี้เล่นฟุตบอลด้วย อยู่ชั้น ม.3 รู้จักชื่อนักฟุตบอลทุกทีม ใจลึกๆนั้น ผมอยากให้ทีมฮอลแลนด์ชิงกับทีมสเปน เพราะทั้งสองทีมไม่เคยเป็นแชมป์โลกเลย ฮอลแลนด์ได้เข้าชิงสองครั้ง คือใน ปี 1974 และ 1978 ได้แค่รองแชมป์ รองแชมป์กับแชมป์ ความยิ่งใหญ่และอารมณ์ความรู้สึก มันผิดกันมากเลย ผู้แพ้ เหงาเศร้า น้ำตาหลั่งไหล ผู้ชนะปรีดาปราโมทย์กระโดดโลดเต้น โห่ร้องเหมือนโลกนี้ไม่มีความทุกข์.
บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
อ่านกวีนิพนธ์
ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า
อันความรัก คืออะไร ควรใคร่คิด
…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เนาวรัตน์กวาดสายตา
เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง ข้างหลังนั่งล้อมวง สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา ที่อยู่ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น
รับกับเสียงผู้ขับซอ เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม ยามผู้ชายขับซอ ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ
นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส
“กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า จะเห็นด้วยไหม ?”
มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า
ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด
“ ฮัลโหล ! ฮัลโหล ! ครับ ! ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน อย่าได้ขาดกันเน้อ บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ได้ยินเสียงหมอเรียก
เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมมองผ่านทางเดิน
ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พออากาศเริ่มเย็น
เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย
ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน