ขออภัย ผมปัสสาวะบ่อย
หลายครั้งต่อวัน บางครั้งกลั้นไม่อยู่ อยากฉี่เต็มที ต้องรีบปลดปล่อยอย่างเร่งด่วน บางครั้งอยากฉี่โดยไม่เลือกที่เลือกเวลา ร่างกายเราควบคุมมันไม่ได้เสียแล้ว กำลังคุยกันหลายคนเสียด้วย ต้องรีบขอตัวเข้าห้องน้ำ บางทีก่อนออกบ้านได้ไปทำธุระในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ขับรถยนต์เข้าเชียงใหม่ เวลาผ่านไปไม่เท่าไร อยากไปห้องน้ำอีกแล้ว โธ่ๆ...เป็นไปได้ เป็นบ่อยเข้า ผิดปรกติแน่นอน จึงเดินทางไปพบหมอที่โรงพยาบาลสวนดอก(โรงพยาบาลมหาราช)
หมอเอ่ยคำถามสำคัญ
“ฉี่วันละกี่ครั้ง ?” คำถามเหมือนง่าย นึกทบทวนแล้วตอบให้ตรงความจริงยาก บอกจำนวนครั้งไม่ได้ เพียงกะประมาณเอาว่า 5-6 ครั้งต่อวัน ผมบอกไปอย่างนั้น หมอมองหน้านิ่งครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า ควรจะจดไว้ ฉี่เสร็จก็จดลงไป หมอให้ยามากินเพื่อดูอาการ ครั้งต่อไปต้องบอกหมอตรงความจริงได้ว่า ฉี่วันละกี่ครั้ง จะได้วินิจฉัยโรคได้ว่าเป็นมากหรือเป็นน้อย เพื่อรักษาครั้งต่อไปได้ถูกต้อง...ผมซื้อสมุดบันทึกมา 1 เล่ม เริ่มบันทึกประจำวันเรื่อยมา เข้านอนกี่นาฬิกา ตื่นเท่าไร กินข้าว 3 มื้อเวลาเท่าไร กลางคืนฉี่กี่ครั้ง กลางวันกี่ครั้ง ออกกำลังการตอนเย็นเวลาเท่าไร นานกี่นาที บันทึกประจำอย่างนี้ พอนานเข้าเริ่มขยายเนื้อหามากขึ้น อุณหภูมิประจำวัน เวลาพระอาทิตย์ขึ้นตก สมุดบันทึกหมดไปหลายเล่ม
นานวันเข้าชักเบื่อ
ไม่ทราบจะบันทึกลงไปทำไม เช่น พระอาทิตย์ขึ้นตก อุณหภูมิสูงสุดต่ำสุด คิดแล้วเปลี่ยนแนวบันทึกดีกว่า ต่อไปจะบันทึกเฉพาะเหตุการณ์สำคัญๆ เช่นเหตุการณ์บ้านเมือง ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เหตุการณ์สำคัญในชีวิต วันสำคัญ เป็นต้นว่า
-5 กันยายน 2552 นกยางจำนวนมากบินเต็มท้องฟ้า อพยพจากทิศตะวันออก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
-13 ธันวาคม 2552 แม่ยายหกล้มที่พุ่มไม้ข้างบันไดบ้านน้องสาว ที่ปลูกบ้านติดกัน หมอสวนดอกเอ็กซเรย์แล้วบอกว่า กระดูกต้นขาหัก ต้องผ่าตัด
-4 มกราคม 2553 ไส้กรองรถยนต์พัง ต้องซ่อมด่วน เสียค่าซ่อม 5,075 บาท
-6 มกราคม 2553 หลานสาวภรรยา กำลังเรียนปี 4 ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถูกแมลงมีพิษต่อย ไม่ทราบชนิด นิ้วนางขวาบวมเป่ง ร้องไห้น้ำตาไหล ต้องขับรถเองไปโรงพยาบาล โดยมีป้าไปเป็นเพื่อน
-12 มกราคม 2553 วันเกิดน้องสาวภรรยา
5 กันยายน 2552
เป็นเหตุการณ์สำคัญด้านปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ผมได้บันทึกไว้ มันเป็นเช้าวันเสาร์ แสงอาทิตย์ยังไม่ปรากฏริมขอบฟ้าลิบๆโน่น ผมเปิดประตูห้องนอน เดินมาเปิดหน้าต่างด้านทิศตะวันออก เห็นนกยางฝูงหนึ่ง บินจากโค้งฟ้าทิศตะวันออก บินพะเยิบพะยาบข้ามหลังคาบ้านไป นึกว่าปรกติเหมือนทุกวัน นั่นมันเกิดอะไรขึ้น...นกยางฝูงอื่นๆทยอยบินตามมาอีกเรื่อยๆ ดาหน้าผ่านหัวผมเต็มท้องฟ้า จากจุดดำเล็กที่สุดขอบฟ้า ทยอยตามกันมาเป็นกองทัพ เหมือนเครื่องบินรบ เริ่มเห็นส่วนแหลมของปีก ใกล้เข้ามาๆ จนเห็นชัดเจน เห็นปากแหลมตัวขาวเท้าเหยียดไปข้างหลัง ชิดลำตัว คงเป็นนกยางอพยพครั้งใหญ่ตามฤดูกาล หนีจากที่แห้งแล้ง อาหารหายาก ไปสู่แหล่งอาหารที่ดีกว่า สมบูรณ์กว่า เพื่อยังชีวิตแห่งเผ่าพันธุ์ แผ่นดินของนกไร้ขอบเขต ไม่มีเขตประเทศของนก ไม่มีการปักป้ายบอกว่า นี่เขตนกประเทศไทยนะ ห้ามสูเจ้านกต่างประเทศเข้ามา ไม่ใช่รักไม่มีพรมแดน แต่เป็นแหล่งอาหารไม่มีพรมแดนต่างหาก.
บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
อ่านกวีนิพนธ์
ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า
อันความรัก คืออะไร ควรใคร่คิด
…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เนาวรัตน์กวาดสายตา
เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง ข้างหลังนั่งล้อมวง สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา ที่อยู่ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น
รับกับเสียงผู้ขับซอ เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม ยามผู้ชายขับซอ ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ
นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส
“กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า จะเห็นด้วยไหม ?”
มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า
ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด
“ ฮัลโหล ! ฮัลโหล ! ครับ ! ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน อย่าได้ขาดกันเน้อ บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ได้ยินเสียงหมอเรียก
เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมมองผ่านทางเดิน
ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พออากาศเริ่มเย็น
เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย
ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน