Skip to main content

 


24 พฤษภาคม 2554

ให้ลูกชายคนเล็กเป็นคนขับรถ พาผมไปสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเชียงใหม่ ผมยังไม่เคยไปมาก่อน หลานสาวบอกว่า เมื่อรถวิ่งถึงอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยแล้ว ให้รถเลี้ยวขวาจนถึงวัดศรีโสดา วัดนี้จะอยู่ซ้ายมือ สถานที่ผมจะไปอยู่ห่างไปเล็กน้อยด้านขวามือนะ เมื่อถึงอนุสาวรีย์
ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ผมพาลูกไปกินข้าวเช้าให้อิ่มหนำสำราญก่อน กาแฟราคาแก้วละ 30 บาท คนละแก้ว รสชาติหวานมันเข้มข้นดี ขณะนั่งรอลูกกินข้าว ผมอดนึกถึงเรื่องครูบาศรีวิชัยไม่ได้ว่า เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2477 ครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา พร้อมด้วยประชาชนในเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และจังหวัดใกล้เคียงจำนวนหลายหมื่นคน ได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ ไม่ได้บังคับกะเกณฑ์ มาด้วยหัวใจจริงๆ ช่วยกันสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ ระยะทาง 11 กิโลเมตร 530 เมตร สร้างเสร็จภายใน 5 เดือน 22 วัน พร้อมกับนำกระแสไฟฟ้าขึ้นไปใช้บนดอยสุเทพ โดยไม่เสียงบประมาณของทางราชการเลย แรงศรัทธามีพลังมหาศาลจริงๆ ผมนึกในใจ
 
เมื่อลูกชายกินอาหารเช้าเสร็จ 
ลูกขับรถพาไปยังสถานที่เป้าหมาย ไม่เคยไปมาก่อน ผมจึงเหลียวมองซ้ายขวาหน้าหลังตลอด พบแล้วรถเลี้ยวขวาเข้าซอย แต่ทำไมประตูปิดกุญแจ ได้จอดรถถามผู้ชายกวาดใบไม้ในรั้ว เขาบอกว่าที่นี่เป็นสถานีวัดความสั่นสะเทือน กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ส่วนสถานที่ตรวจวัดแผ่นดินไหวนั้น อยู่ข้างวัดศรีโสดา ต้องขับรถย้อนลงไปอีกเล็กน้อย จะมีป้ายบอก ผมกล่าวขอบคุณ ลูกผมขับรถย้อนออกมา ขับรถมาช้าๆ เห็นป้ายแล้วก่อนถึงวัด บอกให้ลูกเลี้ยวขวาเข้าไป
“ เอ่อ ! ถึงเสียทีนะ.” ผมบอกตนเอง

อยากเห็นนัก เครื่องมือวัดแผ่นดินไหว รูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร มันจะมีขนาดเท่าใดนะ ถนนเป็นคอนกรีต รถคลานเข้าไปช้าๆ ตาผมมองซ้ายขวาและข้างหน้า ซ้ายมือเห็นประตูเข้าวัดศรีโสดา รถผ่านบ้านพัก 2-3 หลังที่อยู่ซ้ายมือ ถัดไปเป็นที่จอดรถ มีหลังคาด้วย บอกลูกเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอด มีรถจอดก่อนแล้ว 1 คัน พอลงรถ ผมกวาดตามองโดยรอบ ไม่เห็นใครสักคน เจ้าหน้าที่ไปไหนกัน ถามตนเอง นี่เป็นเวลาใกล้เที่ยงวัน เขาคงออกไปหาอาหารกลางวันกิน ผมตอบเองอีก ลูกชายบอกผมว่า
“ พ่อ น้องจะเข้าไปเที่ยวในวัดศรีโสดาก่อนเน้อ ! .”

ผมบอกไปได้เลยลูก ให้ลูกมารอเราสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ คนรอก็เบื่อ ผมก็อึดอัด ต้องทำงานเร่งรีบ เราต่างแยกไปหามุมของตน ผมเดินลึกเข้าไปข้างใน ก้าวขึ้นบันไดสู่ห้องสี่เหลี่ยม   ประตูปิดอยู่ เป็นครึ่งไม้ครึ่งกระจก พอถึงหน้าประตู ผมส่งเสียงเรียกเจ้าหน้าที่ ต้องแสดงตนก่อนว่ามาดีนะ ไม่ใช่ขโมย เกรงถูกข้อหาบุกรุก ไม่มีเสียงตอบ ตัดสินใจเคาะประตูโดยไม่คาดหวังว่าจะพบใคร ประตูเปิดออก มีศีรษะชายสวมแว่นโผล่ออกมา ความหวังผมแจ่มใสขึ้น ส่งเสียงทักทายเจ้าของสถานที่
“ สวัสดีครับ ผมมาหาข้อมูลแผ่นดินไหวครับ.”
“ เชิญข้างในครับ.” เสียงแห่งมิตรไมตรีตอบกลับมา

มือผมถือกล้อง บ่าสะพายกระเป๋าที่มีสมุดปากกาพร้อมจดบันทึก เดินตามเข้าไป ข้างซ้ายประตูด้านในมีอุปกรณ์บางอย่างตั้งอยู่ ผมนั่งเก้าอี้ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ แอร์เย็นสบาย ท่านนั่งเก้าอี้หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นห้องคอนกรีตขนาดกว้างราว 6 เมตร ยาวราว 6 เมตรครึ่ง แบ่งห้องเป็น 2 ส่วน ส่วนซ้ายแบ่งเป็นห้องเล็กอีก 2 ห้อง ซึ่งผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นห้องอะไร   ส่วนขวามือเป็นส่วนที่ผมกำลังนั่งคุยกับเจ้าของสถานที่ ผมแนะนำตนเอง ท่านบอกว่า ท่านคือผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาเชียงใหม่.
 
 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน