ที่บ้านทุ่งแป้ง
อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ฝนตกตลอดคืนวันที่ 6 , 9 , 13 กันยายน พ.ศ. 2554 พอเช้าวันที่ 14 กันยายน แม่น้ำขานเริ่มมีระดับสูงขึ้นรวดเร็ว และล้น บ่าข้ามถนนข้างแม่น้ำเข้าท่วมบ้านทุ่งแป้งจำนวน 90 กว่าหลังคา ระดับน้ำสูงขึ้นช้าๆ ต่อมาเริ่มท่วมถนนข้างบ้าน ที่คั่นระหว่าง บ้านผมกับวัดทุ่งแป้ง ได้ยินเสียงน้ำไหลซ่าเข้าประตูวัด บริเวณบ้านผมได้ถมดินให้สูงก่อนปลูก น้ำ จึงยังไม่ท่วม บ้านอื่นรอบๆถูกน้ำท่วมหมดแล้ว มีเพื่อนบ้านนำรถยนต์มาฝาก 2 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน จักรยานอีก 1 คัน มาเลยพี่น้องบ้านเฮา ยินดีต้อนรับ
ข่าวโทรทัศน์
รายงาน สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ ปริมาณน้ำปีนี้(2554) มากกว่าปีที่ผ่านมา(2553) บางจังหวัดต้องวางกระสอบทรายกั้นน้ำ บางแห่งบ้าน ถูกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคา บางหมู่บ้านต้องย้ายมาอยู่ริมถนน บางหย่อมบ้าน ทะเลาะระหว่างชาวบ้านกับชาวนา ถกเถียงเรื่องการวางกระสอบทรายกั้นน้ำบน ถนน ถ้ากั้นตลอดแนวน้ำจะท่วมบ้านฝั่งชาวบ้าน หากเอากระสอบทรายออกหมด น้ำจะ ไหลท่วมนาจำนวนหมื่นไร่ จะหาทางออกอย่างไร มีคนกลางไกล่เกลี่ย ให้นำกระสอบ ทรายออกบ้าง แบ่งปันน้ำท่วมทั้งสองฝั่งในสภาพพอทนอยู่ได้ มีหลายคนต้องหลั่ง น้ำตาต่อการดำรงชีวิตที่ลำบากขณะน้ำท่วมนานเป็นเดือน การกินอยู่การเดิน ทาง ยุ่งยากไปหมด ชาวนาต้องรีบเกี่ยวข้าวที่ยังไม่ทันแก่ น้ำท่วมรุนแรงใน รอบ 30-40 ปีทีเดียว
ข่าวน้ำท่วมรุนแรงกว่าทุกปี
ทำ ให้ผมแอบวิตกในใจ แม่น้ำขานใกล้บ้านอาจจะท่วมบริเวณตัวบ้านผมได้ วันนี้ (14 ก.ย.2554) หากน้ำท่วมบริเวณบ้านแล้วไหลเข้าชั้นล่าง ท่วมตู้เย็น เครื่อง ครัวทั้งหลาย ปลั๊กไฟที่อยู่ต่ำ คงลำบากไม่น้อยเลย ทุกปีหมู่บ้านทุ่ง แป้ง น้ำจะท่วมครึ่งเช้า ครึ่งบ่ายน้ำจะลง มันเป็นเส้นทางผ่านของน้ำ แต่ปี นี้เที่ยงวันผ่านไป ระดับน้ำยังไม่ลดลง ตรวจดูระดับน้ำจะขึ้นแต่ช้ามาก ใกล้ เที่ยงวัน เทศบาลตำบลบ้านกลาง นำอาหารกล่องและน้ำมาแจก ชาวบ้านพากันเดิน ท่องน้ำสูงแค่หน้าแข้ง ไปรับข้าวกล่อง เป็นข้าวผัด ผัดกระเพรา ข้าวมัน ไก่ ก่อน 5 โมงเย็นนำอาหารมามอบให้อีกรอบ พอถึงเวลา 5 โมงเศษระดับน้ำจึงเริ่มลดลงช้าๆ
ปีนี้ผิดปรกติ
น้ำ ท่วมบ้านทุ่งแป้งตลอดวันจึงลดลง หายใจโล่งอกไม่ทันไร ท้องฟ้าเริ่มมีเมฆหนา ทึบอีก ฟ้าคำรามเหมือนประกาศพิษร้ายยังไม่หมด ผมแหงนมองตำแหน่งที่ได้ยิน เสียงฟ้าร้องอย่างไม่สบายใจนัก โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ลมแรงขึ้น แผ่นดินไหว บ่อย ล่าสุดแผ่นดินไหวที่อินเดียขนาด 6.9 ริกเตอร์ มีคนตายถึง 19 คน แรงสั่นไหวอาจทำให้น้ำแข็งบนภูเขาหิมาลัยแยกจากกัน แล้วไหลเลื่อนลง มา คาดการณ์ว่าปีนี้แม่น้ำขานอาจท่วมมาก เป็นไปได้หมด หากน้ำขึ้นสูงจนท่วม รถยนต์ใต้ถุนบ้านแล้วไซ้ร คงต้องก้มหน้ารับสภาพ ฤดูหนาว ฤดูแล้ง ยืนเรียง กันอยู่ข้างหน้า เตรียมตบเท้าเข้ามาทักทาย จะหนาวจัด ร้อนจัด ก็ต้องกัดฟัน รับไป สถานกาณ์ต่างๆของโลกดังกล่าว บางคนเรียกว่า "โลกกำลังจะเอาคืน" บ้างเรียกว่า “การชำระล้างตัวของโลก” เข้าใจตั้งชื่อนะ คงหมายถึงการปรับสมดุลของโลก.
บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
อ่านกวีนิพนธ์
ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า
อันความรัก คืออะไร ควรใคร่คิด
…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เนาวรัตน์กวาดสายตา
เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง ข้างหลังนั่งล้อมวง สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา ที่อยู่ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น
รับกับเสียงผู้ขับซอ เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม ยามผู้ชายขับซอ ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ
นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส
“กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า จะเห็นด้วยไหม ?”
มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า
ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด
“ ฮัลโหล ! ฮัลโหล ! ครับ ! ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน อย่าได้ขาดกันเน้อ บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ได้ยินเสียงหมอเรียก
เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมมองผ่านทางเดิน
ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พออากาศเริ่มเย็น
เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย
ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน