Skip to main content

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

 

กลับบ้านเฮา
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน เมื่อน้ำท่วมครั้งใหญ่ค่อยเข้าสู่ภาวะปรกติทุกพื้นที่ จึงได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด การมาครั้งนี้ของท่าน ท่านได้ไปแอ่วกาดหลวง(ตลาดวโรรส)ในวันที่ 17 ธันวาคม 2554 ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดสำคัญของเมืองเชียงใหม่ เป็นตลาดที่ผูกพันกับผู้คนเชียงใหม่มายาวนาน เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ที่แทนความเป็นเชียงใหม่ เช่นเดียวกับ กาดต้นลำไย(ตลาดต้นลำไย) ขัวเหล็ก(สะพานนวรัฐ) คือเวียง(คูเมือง) เจดีย์กิ๋ว(เจดีย์งาม เจดีย์ขาว) ถนนท่าแพ วัดดอยสุเทพ ฯลฯ

เช้าวันที่
17 ธันวาคม 2554 นั้น นอกจากท่านนายกรัฐมนตรีหญิงจะมาแอ่วกาดหลวงแล้ว ยังได้มีรายการ
ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่อง 11 “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” กลางตลาดนี้ โดยจัดโต๊ะเก้าอี้ตรงช่องทางเดินระหว่างแถวขายของในตลาด พิธีกรเป็นคุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ทำหน้าที่สัมภาษณ์ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ข้างหลังท่านนายกมีบุคลากรสำคัญนั่งเรียงจากขวาไปซ้าย อันดับแรกเป็นท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ คุณทัศนัย บูรณปกรณ์ ถัดไปคนที่สาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณสุรพงษ์ โตจักษณ์วิชัยกุล อีกท่านเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ มีการถามตอบระหว่างพิธีกรและนายกฯในหลายเรื่องหลายประเด็น ได้แก่น้ำท่วม น้ำเน่า ขยะ การฟื้นฟู การวางแผนป้องกันน้ำท่วมระยะสั้น-ระยะยาว โครงการรับจำนำข้าว โครงการบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก โครงการพักหนี้เกษตรกร งบประมาณจัดการน้ำ 120,000 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 40,000 กว่าล้านบาท พิธีกรได้ถามถึงความแตกต่างการบริหารราชการกับบริหารบริษัท ท่านนายกตอบว่า ผิดกันมาก แต่น่าจะใช้หลักการเดียวกันได้ คือให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการทำงาน เราเรียกว่าทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงเศรษฐกิจโลก-ไทย ยาเสพติด ความร่วมมือทางด้านลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ การเดินทางไปพม่า ถือโอกาสพบนางออง ซาน ซูจี ผู้นำขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศพม่าในวันที่ 20 ธันวาคม 2554

การถ่ายทอดสดใช้เวลาประมาณ 30 นาที กล้องโทรทัศน์จับภาพประชาชนบนชั้นสองของตลาด ยืนดูอย่างสงบ เต็มไปหมด บ้างถือกล้องดิจิตอล กดถ่ายเป็นระยะ เมื่อรายการนายกฯพบประชาชนจบลง เสียงปรบมือให้นายกฯก้องตลาดวโรรส นายกฯไหว้ตอบและโบกมือทักทาย ท่านพาคณะเยี่ยมชมตลาด ดูไส้อั่ว จิ้นทอด น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู และอื่นๆ ประชาชนคนเมืองเข้ามาห้อมล้อม มอบดอกกุหลายสีแดงสดให้นายกฯหญิง ดูสีหน้าท่าทางท่านนายกฯมีความสุข ยิ้มแย้มสดใส ผ่อนคลาย ผู้หญิงบางคนเดินเข้ามาจับมือ บ้างเข้ามากอด มาขอถ่ายรูปบ้าง มีเสียงผู้หญิงพูดได้ยินชัดเจน

“ นายกฯจาดงาม (สวยมาก).” เสียงผู้ชายดังขึ้นบ้าง

“ นายกฯจะไปปึ้ง จะไปฟังเสียงเขา (นายกฯอย่าหมดกำลังใจ อย่ามัวฟังเสียงฝ่ายที่โจมตี).”

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน