Skip to main content

มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
พลิกปฏิทินย้อนหลัง ในวงสังคมชั้นสูง เอ่ยนามสกุลใครย่อมรู้จัก สามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีชอบพรรคหนึ่ง ภรรยาชอบอีกพรรค ความคิดเห็นทางการเมืองไปคนทาง ถกเรื่องการเมืองด้วยกันได้ ต่างเคารพความคิดเห็นอีกฝ่ายหนึ่ง ใจกว้างพอจะฟังอีกคนแสดงความเห็น ตามมุมมองอย่างสงบ ไม่มีการวิวาทตุบตีด่าว่าหรืองอนกัน ทั้งสองยังใช้ชีวิตร่วมกันอย่างปรกติสุข อย่างผู้เจริญอย่างผู้ใช้ปัญญา รู้จักแยกแยะ

อีกคู่หนึ่ง
น่าสนใจมากเช่นกัน ระหว่างพ่อกับลูกสาว เป็นเรื่องราวข่าวดังทั่วประเทศ คุณพ่อรู้จักกันดีในชื่อ เสธ.แดง ใช่ ! พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ลูกสาวคือนางสาวขัตติยา สวัสดิผล จบปริญญาโททางกฎหมายจากสหรัฐอเมริกา วัย 26 ปี ภรรยาท่าน เสธ.แดงคือคุณ จันทรา สวัสดิผล เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี พ.ศ. 2547 บุตรสาวสวมเสื้อเหลือง ไปร่วมกิจกรรมชาวเสื้อเหลืองเสมอ ส่วนพ่อทุ่มกายใจให้เสื้อแดง เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อลูกคนละขั้ว ยังห่วงใยกันรักกันเหมือนเดิมเหมือนครอบครัวทั่วไป ยังหยอกเย้ากอดกันเป็นปรกติ ท่าน เสธ.แดงยังคงครองความโสดเรื่อยมา วันแสนเศร้าโหดร้ายมาถึงครอบครับที่มีเพียง 2 คนพ่อลูก เสธ.แดงถูกมือปืนซุ่มยิงหรือ “สไนเปอร์”

จากตึกสูง เสียชีวิตขณะร่วมกิจกรรมคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

อีกคู่หนึ่ง
ที่ออกรายการ “เช้าดู วู้ดดี้” เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555 ได้แก่คุณ จตุพร พรหมณ์พันธุ์ แกนนำสำคัญคนเสื้อแดงกับคุณสริยะใส กตะศิลา อดีตแกนนำสำคัญคนเสื้อเหลือง ปัจจุบันเป็นแกนนำกลุ่มกรีน อยู่คนละขั้ว ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้รู้จักกันนาน 20 ปี แต่เดินถนนคนละสาย มองดาวคนละดวง ดาวที่มีแสงสว่าง ต่างมุ่งหวังให้แสงแห่งดาว ให้ความกระจ่างแก่ผู้เดินทางยามค่ำคืน คุณ

จตุพรเผยว่า
“สุริยะใส เป็นคนที่มีไมตรีจิตที่ดีเสมอมา มีความห่วงใยให้เพื่อนฝูงเสมอ ในประชาธิปไตย คือความแตกต่าง และความแตกต่างนั้นแหละ คือความงดงามที่ซ่อนเร้นอยู่.”

นอกจากนี้คุณสุริยะใสบอกคุณวู้ดดี้ว่า
“ตู่เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี พูดคุยตลก เป็นกันเอง...”

ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้ต่างขั้ว แต่ภาพที่เห็นในรายการนี้ ทั้งคู่ยื่นมือที่ถือธงคนละสี คนละข้าง มาจับกันด้วยรอยยิ้ม มันคือไมตรีจิต มิตรภาพ ความเคารพในความเห็นของอีกฝ่าย...อีกมุมมองว่า

นี่คือ
“...ฉากปรองดองฉากเล็ก...” (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ.2555) ถึงอย่างไร แม้จะจัดฉากสร้างภาพ หรือภาพจริง ภาพนี้ยังคงความสวยงาม เป็นภาพเดียวที่หาดูได้ยากยิ่ง.

...................................................

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน