Skip to main content


ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

 

อาศัยอยู่บ้านทุ่งแป้ง
ตำบลท่าวังพร้าว อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ย่างเข้าปีที่ห้า ตรงกับ พ.ศ.2555 ปลูกบ้านไม้สักใต้ถุนโล่งข้างวัดทุ่งแป้ง(วัดมงคล) ห่างวัดแค่ถนนลาดยางคั่น ชื่อหมู่บ้านน่าฉงนว่า “ทุ่งแป้ง” ทุ่งนาหน้าบ้านมีพื้นที่นาเหลือเพียง 11 ไร่เศษ ไม่พบแป้งสักกิโลเดียว ผมเกิดความสงสัยอยากรู้ ไม่มีเอกสารหลักฐานอื่นใดให้ค้นหา จึงใช้วิธีสอบถามคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้าน ถามเหตุการณ์ย้อนรอยถอยหลังจากปัจจุบันให้ไกลที่สุด ได้คำตอบ 3 แนวทาง
         
แนวทางแรก ก่อนนั้นบ้านทุ่งแป้งแห้งแล้งมาก ไม่มีร่องน้ำระบายสู่ทุ่ง ดินขาวราวกับแป้ง
จึงเรียกชื่อว่าบ้านทุ่งแป้ง บ้านทุ่งแป้งอยู่ฝั่งตะวันออกน้ำแม่ขาน เดิมมีบ้านเรือนราว 60 หลังคา บ้านสบอาวอยู่ฝั่งตะวันออกแม่น้ำแม่ขานมีราว 30 หลังคา ทั้งสองหมู่บ้านอยู่ตรงข้ามกัน โดยมีน้ำแม่ขานไหลผ่ากลาง เป็นเรื่องราวเล่าขานนานกว่า 601 ปีมาแล้ว ประมาณ พ.ศ.2495
          
แนวทางที่สอง บ้านทุ่งแป้งมีพื้นที่นาตั้งแต่หัวขัว(สะพาน)แม่ขาน เลียบขึ้นเหนือตามลำน้ำแม่ขาน ชื่อว่าทุ่งแป้งเพราะมีการปั้นแป้งเหล้าแล้วนำไปตากแดดที่กลางทุ่ง แป้งนี้จะนำมาคลุกข้าวเหนียว หมักไว้ในปี๊บหรือถังนาน 2-3 เดือน แล้วนำไปต้มในหม้อ ทำการกลั่นเป็นเหล้า
           
แนวทางที่สาม บ้านทุ่งแป้งนั้นเดิมมี 2 พี่น้อง ชื่อปู่โต้งกับย่าโต้ง มีอาชีพปั้นแป้งเหล้าขาย จึงเรียกทุ่งกว้างนี้ว่า “โต้งแป้ง” ต่อมาเพี้ยนเป็น “ทุ่งแป้ง” ทั้งนี้เพราะ โต้ง” เป็นภาษาไทยพายัพ(คำเมือง) แปลเป็นภาษาไทยกลางว่า “ทุ่ง”

ปัญหาที่อยากรู้ต่อมา

เริ่มเป็นหมู่บ้านเมื่อใด ปี พ.ศ.เท่าไร ส่วนวัดนั้นสร้างเมื่อใด ระหว่างบ้านกับวัดสิ่งใดสร้างก่อน

มันน่าจะสร้างไล่เลี่ยกัน เราจะอาศัยอะไรเป็นจุดเริ่มต้นคลำหาปี พ.ศ.สร้างวัดสร้างหมู่บ้าน มองดูสิ่งก่อสร้างในวัด วิหารหลังกลางเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่สุด สอบถามเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน(พ.ศ.2555) รวมทั้งสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน ไล่เรียงลำดับเจ้าอาวาสถอยหลังจนถึงรูปที่สมญาว่า “ครูบาชมพู” ผู้เฒ่าบางคนว่า เจ้าอาวาสองค์นี้เป็นผู้สร้างวัด เจ้าอาวาสรูปถัดมาสมญา “ครูบาหย่อง”(เป็นทวดภรรยาผู้เขียน) พระดอนศักดิ์เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันกล่าวแย้งว่า เจ้าอาวาสรูปก่อนครูบาชมพูที่สร้างวัดน่าจะมีอีกหลายรูป การสืบค้นเส้นทางนี้จึงเริ่มสู่ทางตัน ผมกับเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเดินสนทนากันเข้าไปในวิหารหลังเก่าที่สุดของวัด ท่านชี้ให้ดูพระประธานและบอกว่าชื่อ “พระเจ้าเก้าตื้อ” เพียงได้ยินชื่อ แสงแห่งปัญญาเริ่มสว่างขึ้น ผมมองเห็นทางเดินทอดไปหาคำตอบ วิหารกับพระประธานน่าจะสร้างพร้อมกัน หรือไล่เลี่ยกัน หากว่าเราค้นหาประวัติการสร้างพระเจ้าเก้าตื้อในวิหารเบื้องหน้า ณ บัดนี้ได้กระจ่าง เราก็จะรู้ได้ว่า พระเจ้าเก้าตื้อสร้างโดยผู้ใด ในปี พ.ศ.เท่าใด จะทำให้เราทราบปีที่สร้างวิหารเก่าแก่ที่สุดของวัดโดยปริยาย และยังขยายความถึงปีที่สร้างวัดนี้ได้อีกด้วย.

                                    ...................................................................

 

 

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน