Skip to main content

ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

 

ไม่ต้องการโทษใคร
ไม่ต้องการแพะรับบาป แต่เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นจากสึนามิ บอกอะไรเราได้หลายอย่างหลายด้าน ผู้เกี่ยวข้องการศึกษาคงต้องออกมาแสดงความเคลื่อนไหวอย่างเร่งด่วน จริงจังต่อเนื่อง น่าเสียดายถ้าทำได้เพียงฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ซ่อมแซมปรับปรุงที่พัก ชายหาด ทำบุญให้ผู้เสียชีวิต ช่วยเหลือเงินทุนผู้ประกอบการ แต่ละเลยการปฏิรูปการศึกษา ก็คือปฏิรูปการเรียนการสอนนั่นเอง

หลักสูตรคืออะไร
หลักสูตรหมายถึง ความรู้ กิจกรรม และประสบการณ์ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนที่นักเรียนได้รับ หรือหมายถึงมวลประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้แก่เด็ก หรืออีกความหมายหนึ่ง หมายถึงกิจกรรมการเรียนการสอน แยกย่อยได้อีกเป็นการเรียนกับการสอน ก็คือการเรียนของนักเรียน และการสอนของครู

หลักสูตรแบ่งเป็น 3 ระดับ
หนึ่งหลักสูตรระดับชาติหรือหลักสูตรแม่บท คือหลักสูตรที่เขียนไว้กว้างๆ บรรจุเนื้อหาสาระที่ทุกคนต้องเรียนรู้เหมือนกันหมด เช่น ภาษาไทย สองหลักสูตรระดับท้องถิ่น คือนำเอาหลักสูตรแม่บทมาปรับใช้ให้เหมาะกับชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน นำไปใช้ได้จริงในชีวิต สามหลักสูตรระดับห้องเรียน เป็นหลักสูตรสำคัญที่สุด สังคมจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อยู่ที่หลักสูตรระดับนี้ เพราะการปฏิรูปการศึกษาคือการเปลี่ยนแปลงวิธีสอนของครูและเปลี่ยนแปลงวิธีเรียนของนักเรียนนั่นเอง

บุคคลสำคัญที่สุด
ที่รับผิดชอบคือครู การพัฒนาหลักสูตรระดับห้องเรียน มีความจำเป็นและสำคัญยิ่งที่ครูจะนำหลักสูตรระดับชาติ ระดับท้องถิ่น มาปรับใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร จะได้หรือไม่อยู่ที่การพัฒนาการสอนของครู กล่าวได้ว่าการพัฒนาหลักสูตรกับการสอนจะแยกกันไม่ได้ ต้องพัฒนาหลักสูตรและพัฒนาการสอนไปด้วยกัน

ล่าสุด
มีบุคลากรรับผิดชอบการศึกษาระดับสูง ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคือ ดร.บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) ได้กล่าวถึงการศึกษา การปรับระบบการเรียนการสอนว่า

“…ต้องปฏิรูปที่ระบบใหญ่ ทั้งปฏิรูปครู หลักสูตรการเรียนการสอน
รวมถึงระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วย…”

ข้อความที่ผู้เขียน
กล่าวไว้เบื้องต้นว่า การปฏิรูปการศึกษาก็คือการพัฒนาการเรียนการสอนนั่นเอง สอดคล้องกับคำกล่าวของ ดร.บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จึงพออนุมานได้ว่า การปฏิรูปการศึกษา ต้องปฏิรูปอะไร เดินมาถูกทิศทางแล้ว

เหตุการณ์สึนามิ
เกี่ยวโยงระหว่างเด็กไทยกับเด็กฝรั่ง เป็นอุทาหรณ์ที่เราต้องเร่งพัฒนาหลักสูตรและพัฒนาการสอน เพื่อให้ได้ครูแบบเดียวกับ “แอนดรูว์ เคิร์นนีย์” ครูของเด็กหญิงฝรั่งชื่อ “ทิลลี่ สมิธ”  ฉายานางฟ้าชายหาด

มีข่าวน่ายินดี
เรื่องการปฏิรูปการศึกษา เมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่อาคารนวัตกรรม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว.)ประสานมิตร ได้มีกลุ่มนักวิชาการ นักการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม และกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดประชุมหารือ แนวทางข้อเสนอแนะปฏิรูปการศึกษา เพื่อส่งมอบต่อ พล.ร.อ.
ณรงค์ พิพัฒนาสัย ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และ ดร.สุทธิศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ได้ข้อเสนอมากมาย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะรวบรวมข้อเสนอต่างๆมาสรุปรวมกับแผนที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ก่อนเสนอ คสช.ต่อไป ซึ่งจะมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอีกครั้ง ในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.
2557

เคยถามตนเอง
ควรมีบทบาทใดในฐานะประชาชนคนไทย สมาชิกคนหนึ่งของสังคม ที่มีความห่วงใยบ้านเมืองและผู้คนของประเทศตนเอง ตอบว่า อาจเป็นหน้าที่ อาจเป็นจิตสำนึก ก็จะทำตามกำลังที่มีในตัวสุดแรง เขียนหนังสือ แสดงข้อมูล ความคิดเห็น แชร์ประสบการณ์ที่เคยเป็นครูและศึกษานิเทศก์มายาวนาน    เขียนเพื่อนำเสนอ เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อขยายพื้นที่ความคิด สู่การแก้ไขเปลี่ยนแปลง โดยบุคลากรในส่วนต่างๆ  เรื่องที่เขียนนี้ อาจไม่มีเสียงดังพอให้ใครได้ยิน…ฟังแต่ไม่ได้ยิน แม้ตะโกนสุดเสียงจากซอก หลืบเล็กๆของสังคม อ่านแล้วอ่านเลย ขอเพียงสักคนได้ให้เกียรติอ่าน แล้วเกิดความตระหนัก เกิดพลังสร้างสรรค์ด้านความคิด และอาจมากจนเกิดการปฏิบัติ…เพียงแค่นี้ก็มากพอสำหรับผู้เขียนแล้วครับ.

…………………………………………………………

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน