Skip to main content

 ถนอมรัก เดือนเต็มดวง 

1.

ลุถึง พ.ศ. 2176  พระเจ้าอุดมสินได้ขึ้นปกครองเมืองฝาง  พระองค์มีพระมเหสีองค์หนึ่งพระนามว่า  ”พระนางสามผิว”  พระมเหสีทรงมีพระสิริโฉมงดงามยิ่ง  ความงามของพระนางเลื่องลือไปทั่วเมืองทั่วแคว้นต่างๆ  ในวันหนึ่งๆ  สีผิวพระนางจะเปลี่ยนไปถึง 3 สี  เวลาเช้าผิวพรรณจะขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องดุจน้ำโคนม  เวลาเที่ยงผิวจะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน  นุ่มนวลตา  ส่วนเวลาเย็นจะเป็นสีแดงระเรื่อดังผิวหญิงเริ่มเป็นสาว  ผิวพระนางที่เปลี่ยนเป็น 3 สีในวันเดียว  ดุจดังดอกชบาพันธุ์หนึ่ง  ยามเช้าดอกจะบานเป็นขาวพิสุทธิ์  กลางวันกลับกลายเป็นสีชมพูหวานนุ่มนวล  ยามเย็นแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดใส  กิติศัพท์ความงามแห่งนาง  ได้ยินถึงพระกรรณของพระเจ้าสุทโธธรรมราชา(พระเจ้าตลุน)กษัตริย์พม่า  เสียงเล่าลือนั้นมิอาจเชื่อได้เต็มที่  อาจงดงามกว่าหรือน้อยกว่า  หากกล่าวเกินจริงย่อมเป็นไปได้  ยิ่งเนิ่นนานไป  พระเจ้าสุทโธธรรมราชาสุดทนความต้องการชมโฉมพระนางสามผิวต่อไปได้  จึงออกอุบายปลอมเป็นพ่อค้าต่างแดน  อ้างว่านำสินค้ามาจากเมืองตะโก้ง(ร่างกุ้ง)มาขายยังเมืองฝาง  และได้ไปพบนายทหารที่เฝ้าประตูเมือง  แจ้งขอนำผ้าเนื้อดีและของมีค่าอื่น  เพื่อถวายแก่พระเจ้าอุดมสินและพระนางสามผิว  เมื่อได้เห็นพระพักตร์พระนางสามผิวก็หลงรักพระนางทันที  มีความปรารถนาอยากได้เป็นมเหสี  แต่ติดขัดที่นางมีพระสวามีแล้ว  ความงามของพระนางสามผิว  เร่งเร้าให้พระองค์อยากได้พระนางมาครอบครอง  แม้จะผิดศีลธรรมก็ต้องยอม  การจะได้พระนางมาเป็นของตน  มีเพียงใช้วิธีแย่งชิงโดยกำลังกองทัพ  หากว่ายกทัพพม่าไปโจมตีเมืองฝาง  ด้วยเหตุผลเพียงแย่งชิงผู้หญิงนางหนึ่ง  จะเป็นที่ติฉิน  ทำลายความเคารพยำเกรงจากเมืองใหญ่น้อยในล้านนาและคนทั่วไป  จะต้องมีสาเหตุอันสำคัญที่ทุกฝ่ายเห็นดีเห็นชอบ  มิอาจท้วงติงได้ 

เวลาผ่านไปหลายวัน  พระองค์ยังคิดหาลู่ทางหาเหตุอ้างอิงเพื่อยกทัพไปตีเมืองฝางมิได้  กระทั่งวันประชุมข้อราชการในท้องพระโรง  มีการกล่าวรายงานเหตุการณ์บ้านเมืองจากฝ่ายขุนนางและฝ่ายทหารต่อเจ้าเมือง

                        “...บรรดาเมืองขึ้นของเราทั้งหมด   17 หัวเมือง  ได้ส่งเครื่องราชบรรณาการ

                    ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง  ผ้าชนิดต่างๆ  สมุนไพร  ช้าง  ม้า 

                    ถวายพระองค์ครบ  15  หัว   เมืองพะยะค่ะยัง...บ่ส่ง  2  หัวเมือง...”

                                                                      2

          ยังมิทันขุนนางฝ่ายเก็บส่วยจะกล่าวต่อให้จบ  พระเจ้าสุทโธธรรมราชากล่าวขึ้นด้วยสุรเสียงดังอย่างไม่พอพระหทัยยิ่ง

                     “ เมืองใด  มันบังอาจขัดขืน  บ่ส่งส่วย  เร่งบอกมาโดยพลัน .”

                     “ เป็นเมืองฝาง กับเมืองเชียงรุ้ง  พะยะค่ะ.”  ขุนนางคนเดิมกล่าวตอบด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย

                      “ ทำไม   เมืองฝาง  เมืองเชียงรุ้งบ่ส่งเครื่องราชบรรณาการ  บ้านเมืองมัน

               ยากแค้น  ประชาชนอดอยาก  หรือมีภัยอันใดรึ ?”

                      “ บ่ใช่พระเจ้าข้า  ได้ข่าวจากสายสืบว่า  พระเจ้าอุดมสินกำลังคิดแข็งเมือง

                มีการซ่องสุมอาวุธและผู้คน  เมืองเชียงรุ้งก็เช่นกันพะยะค่ะ.”

                        “ เจ้าเมืองพวกนี้  บ่หลั่งเลือดบ่รู้สึกตัว  เห็นจะต้องยกทัพไปปราบปราม

                 ให้สิ้นซาก  ในเร็ววัน  หากเฮาบ่ปราบปรามหื้อรู้สำนึกเสียบ้าง 

                  จะเป็นเยี่ยงอย่างแก่เมืองอื่นของเฮา แข็งเมืองได้...ให้แม่ทัพนายกองเตรียม

                  ระดมไพร่พลได้เลย  อีกบ่กี่เพลา  ข้าจะนำทัพไปขยี้เจ้าสมันน้อยเหล่านี้

                  ให้แหลกลาญ   ฮะๆๆ...”

พระเจ้าสุทโธธรรมราชาทรงหัวเราะโดยมีความหมายสองประการ  ประการแรกจะได้ยกกำลังไปปราบปรามผู้แข็งเมือง  เป็นการแสดงพระราชอำนาจแห่งพระองค์  ประการที่สองนี้สำคัญนักบ่งถึงจิตใจเร้นลับของพระองค์  พระองค์แน่พระหทัยว่า  เหล่าขุนนางแม่ทัพคงมิรู้ถึงความนัยแห่งจิตใจนี้แน่นอน  คราวนี้ละ  พระองค์จะได้มีข้ออ้างการยกทัพไปตีเมืองฝางโดยชอบธรรม  ไม่มีใครกล้าติฉินนินทาได้  การตีเมืองฝางหาใช่งานยากดังเข็นครกขึ้นภูเขา  ตีเมืองฝางได้  พระนางสามผิวก็ต้องตกเป็นของพระองค์  จะสถาปนานางขึ้นเป็นพระมเหสีโดยมิชักช้า ส่วนสวามีของนางก็กำจัดให้พ้นทาง  จะโดยวิธีใดนั้นมีปรากฏเป็นภาพชัดในพระทัยแล้ว  พระเจ้าสุทโธธรรมราชาประทับยืนมองผ่านหน้าพระบัญชรสู่ภายนอก  พระเนตรฉายแววสมหวัง  พระโอษฐ์แย้มเหยียดเหี้ยมโหด.

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน