Skip to main content

 


                                                           

                                                                                                           ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

เป็นที่ทราบกันดี
ในหมู่ประยูรญาติทั้งสองฝ่ายว่า  นางนั้นผู้ใหญ่มุ่งหมายให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับพระดอน  มีการตกลงกันระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองตั้งแต่ทั้งคู่ยังเด็ก  ส่วนนางนั้นพึงพอใจพระดอนด้วยจิตใจแท้จริงของตน เมื่อได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่  นางยิ่งยินดีอิ่มเอม  เพิ่มความใกล้ชิดพระดอนมากขึ้น  นางคาดหวังในใจเงียบๆ  หากวันใดพระดอนลาสิกขาบท  ผู้ใหญ่คงจะจัดงานมงคลของทั้งคู่ให้เรียบร้อยโดยเร็ว  พระดอนนั้นจิตใจใฝ่แต่พระธรรม  เรื่องความรักความใคร่ทางโลกมิใส่ใจนัก  เนื่องจากเป็นคนพูดน้อย  เกรงจะกระทบจิตใจญาติทั้งสองฝ่าย  จึงเงียบไว้มิได้ทัดทานเรื่องนี้  นางมาถึงกุฏิแล้ว  ถาดอาหารถูกนำขึ้นกุฏิ  พระดอนยังอยู่ในห้อง  นางส่งเสียงกระแอม  คนใช้ส่งสียงเรียกพระดอน  มีเสียงขานรับจากในห้องแล้วออกมา  ทักทายทั้งสองนาง  พลางนั่งขัดสมาธิบนผ้าที่ปูด้านหน้าหิ้งพระ  นางผู้ที่จะเป็นคู่ชีวิตพระดอน  ยกถาดอาหารประเคน  พระดอนใช้ผ้ารองรับ  จากนั้นให้ศีลให้พร

                               “ วันนี้ตื่นเช้ากว่าทุกวันกา ?.”  พระดอนถามขึ้น
                               “ ข้าเจ้าตื่นแต่เช้ามืด  ทำอาหารที่พระชอบมาถวายตั้งหลายอย่าง  รวมทั้งของหวานและผลไม้.” 
                               แม่นางที่จะเป็นคู่หมั้นของพระดอนชื่อ “ปถมาภรณ์”  บอกเรื่องอาหารที่นำมา
                               “ ยินดีเน้อ !  ที่เอาของมาถวายบ่อยๆ.”
            
พระเจ้าฝางองค์ปัจจุบันชราภาพมากแล้ว  เริ่มเจ็บป่วยมากขึ้น  หลายโรครุมเร้า  หมอสารพัดระดมเข้ารักษา  สมุนไพรนานาชนิด  แต่ไม่อาจยืดชีวิตนานต่อไปได้  ที่สุดถึงแก่พิราลัย  
                                                           
ปัญหายิ่งใหญ่ตามมา  จะมีผู้ใดขึ้นครองเมืองฝางแทน  ฝ่ายขุนนางแม่ทัพนายกอง  เหล่าญาติผู้ใหญ่  ประชุมหารือกันเคร่งเครียด  อีกทั้งต้องรีบจัดงานพระศพให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว  มีการหาผู้ครองเมืองคนใหม่  ไล่เรียงตามลำดับสายเลือดญาติวงศ์  ยังหาผู้เหมาะสมไม่ได้จนแทบหมดหนทาง  บางคนใกล้ชิดแต่เป็นสตรีเพศ  ใฝ่แต่กิจการบ้านเรือน  หลายฝ่ายหวั่นเมืองฝางจะวุ่นวายหนักขึ้น  หากว่าการเลือกผู้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองฝางชักช้าเนิ่นนานไป  หัวเมืองที่เข้มแข็งกว่า  รวมทั้งพม่าศัตรูสำคัญ  จะถือเป็นจุดอ่อนในเชิงสงคราม  นำทัพมาโจมตีได้ง่าย เมื่อมองไม่เห็นใคร  เหล่าขุนนางและเชื้อสายผู้ครองเมืองฝางชั้นผู้ใหญ่  จึงหาทางออกโดยเชิญโหรเมืองมาทำนายให้คำตอบ

                         “  ลองตรวจดูชะตาบ้านเมืองน่อยเต๊อะ  บ้านเมืองฝางจะสงบสุขต่อไป 
                           หรือจะวุ่นวาย  และไผมีบุญบารมีจะขึ้นมาเป็นเจ้าเมืองฝาง  หื้อความร่มเย็น
                          เป็นสุขแก่ราษฎรทั่วหน้า.”

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน