ชาวนาชาวไร่ ฟังวิทยุ มากกว่าดูโทรทัศน์ มากกว่าดูหนัง มากกว่าอ่านหนังสือ เพราะการงานในไร่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่เอื้ออำนวยให้เอาสายตาและเวลาไปใช้อย่างอื่น
เสียงเพลงและ เสียงข่าว จึงดังแว่วมาตามลมตั้งแต่ริมคลองส่งน้ำด้านทิศเหนือไปจนจรดทุ่งนาติดชายป่า ด้านทิศใต้
สมัยนี้วิทยุเครื่องเล็กๆ ใช้ถ่านก้อนเดียว เครื่องละแค่ไม่กี่ร้อย ใครๆ ก็ซื้อได้
ขนาดเจ้าโหน่ง เด็กเลี้ยงวัว ยังห้อยโทรศัพท์มือถือฟังวิทยุได้ ... น่าน! เท่ห์ซะไม่มี
ฟังกันมากที่สุด ก็ต้องเป็นเพลงลูกทุ่งทั้งเก่าทั้งใหม่ รองลงมาก็สตริง ส่วนคนมีอายุก็ชอบฟังข่าว ฟังเทศน์ฟังธรรม
แล้วก็เหมือนๆ กับสื่อชนิดอื่น วิทยุ ก็ต้องมีโฆษณาหรือผู้สนับสนุนเช่นเดียวกัน
“...ยาสตรีตราตะพาบน้ำ ช่วยกระชับมดลูก บำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ ใช้แล้วประจำเดือนมาปกติ อารมณ์ดี ผิวพรรณนวลเนียน ใครเห็นใครก็ทัก ชายเห็นชายก็หลง...”
“...ปุ๋ยอินทรีย์ตราหมากระโดด เหมาะสำหรับข้าว พืชไร่ พืชสวน ผักทุกชนิด เป็นปุ๋ยเม็ด ใช้หว่าน แตกตัวเร็ว เห็นผลทันตา ข้าวเขียวทันใจ ผลไม้ออกผลทันควัน พืชผักจะโตเร็ว งอกงาม จนท่านต้องร้องว่า อู้หู! ...”
“...หลี่ ไป๋ โต๊ะจีน รับจัดโต๊ะจีนทั่วราชอาณาจักร ราคาเจ็ดร้อยถึงสองพันห้าร้อยบาทต่อโต๊ะ เรามีเมนูอาหารให้ท่านเลือกมากกว่าห้าสิบชนิด สะอาด รสชาติไม่เป็นรองใคร ทำเร็ว เสิร์ฟไว ทันใจแขก ประทับใจเจ้าภาพ ต่อให้แขกมากถึงร้อยโต๊ะ เราก็บ่ยั่น...”
ฯลฯ
จะว่าไป โฆษณาวิทยุก็ฟังเพลินๆ ดี ใช้ภาษาชาวบ้าน ตรงไปตรงมา ให้ภาพเกินจริงบ้างเล็กน้อย โฆษณาบางตัวก็จะขายอย่างเดียว บางตัวก็เอาขำเข้าว่า ใครจะรักจะชอบจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรยี่ห้อไหน ก็แล้วแต่รสนิยมและกำลังทรัพย์
ที่แน่ๆ รายการไหนโฆษณาเยอะซ้ำๆ บ่อยๆ คนฟังก็มักจะหมุนคลื่นไปฟังสถานีอื่น
หลายบริษัท จึงนิยมใช้อีกวิธีหนึ่ง นอกจากการโฆษณาวิทยุ นั่นคือการขายตรง ส่งพนักงานขายเข้าไปประชิดถึงในหมู่บ้าน
แต่ก็อีกนั่นแหละ แต่งตัวดีๆ ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็ค รองเท้าหนัง ถือแฟ้ม ถือกล่องใส่สินค้า เดินมา ชาวบ้านเห็นแต่ไกลก็รู้ทันที
“...มาขายของอีกแล้ว...”
เซลล์แมน ถึงรู้ทั้งรู้ว่า ไม่มีใครชอบ แต่ก็ต้องยิ้มสู้เข้าไว้ ยกมือไหว้ และพูดแนะนำตัวตามสคริปต์
“...สวัสดีครับ พี่ครับ ผมมีสินค้าดีๆ มาเสนอครับ พี่พอมีเวลาให้ผมสักห้านาทีมั้ยครับ? ...”
ที่นั่งฟังก็มี ที่ลุกหนีก็มาก แต่เซลล์แมนต้องหน้าหนา มีความอดทนสูง ยิ้มรับต่อทุกสภาวการณ์
ถึงจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างโบราณ กระนั้น ก็ยังขายสินค้าได้บ้าง ภาพเซลล์แมนแต่งตัวดีที่เดินตากแดดเปรี้ยงๆ ในหมู่บ้านจึงยังมีให้เห็นอยู่
วิธีที่ยังใช้ได้ผลเสมออีกวิธีหนึ่ง คือขายตรงแบบสร้างเครือข่าย
เซลล์แมนจะเอาสินค้าเข้ามาขายให้ แล้วบอกว่า หากหาคนมาช่วยซื้อสินค้าตัวนี้ได้เท่านั้นเท่านี้คน ก็จะได้เงินคืนเท่านั้นเท่านี้บาท หรือได้ส่วนลดในการซื้อสินค้าเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซนต์ แม้จะแตกต่างในรายละเอียด แต่สิ่งที่เหมือนๆ กันก็คือ เอาผลประโยชน์เป็นตัวล่อ
อย่างเช่น ผงซักล้างยี่ห้อ Super Extra Clean Deluxe Royal Number 5 ราคากล่องละ หนึ่งพันเจ็ดร้อยแปดสิบบาท เซลล์แมนโฆษณาว่ามีประสิทธิภาพในการซักล้างสูงมาก ใช้ทำความสะอาดในชีวิตประจำวันได้ทุกงาน ตั้งแต่ซักเสื้อผ้า ไปจนถึงล้างจาน ล้างรถ ล้างห้องน้ำ ล้างครัว ล้างเครื่องมือการเกษตร ฯลฯ กล่องหนึ่งใช้ได้นานถึงสามเดือน
หากใครซื้อสินค้าตัวนี้ ก็จะสามารถสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทได้โดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ถ้าหากพาเพื่อนมาสมัครเป็นสมาชิก(ด้วยการซื้อสินค้า)อีก ก็จะได้รับเปอร์เซนต์จากการขายอีก คนละแปดร้อยบาททันที
งานนี้มีคนในหมู่บ้าน สมัครเป็นสมาชิกกันยี่สิบกว่าคน แต่ละคนก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะไปหาเพื่อนฝูงมาช่วยกันสมัครเป็นสมาชิก
เซลล์แมนรับปากว่า อีก 2-3 วันจะกลับมาใหม่พร้อมกับแบ่งเปอร์เซนต์ให้ ทว่า ผ่านไปสองเดือนแล้ว เซลล์แมนคนนั้นก็หายเงียบไป แถมพอโทรไปที่บริษัท ก็ไม่มีคนรับสาย
ต่อมา มีสินค้าตัวใหม่เข้ามาอีก เป็นปุ๋ยเข้มข้นยี่ห้อ Greatest Life Energy เซลล์แมนโฆษณาว่า ใช้แค่หนึ่งฝาต่อน้ำยี่สิบลิตร รดพืชผักได้ทุกชนิด เพียงแค่แกลลอนละ สองพันห้าร้อยบาทเท่านั้น หากใครซื้อตอนนี้ และไปหาเพื่อนมาซื้อได้อีกห้าคน จะได้เงินคืนทั้งสองพันห้าร้อยบาททันที
งานนี้ มีคนหลงซื้อไปอีกหลายคน แล้วพอจะติดต่อกลับ ก็เข้าอีหรอบเดิม
เซลล์แมนหายสาบสูญ เบอร์โทรที่บริษัท โทรไปกี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยติด
น้าเป้า ป้าจัน บ่นเสียดายตังค์อยู่ตั้งหลายวัน
ทุกครั้ง ที่เซลล์แมนประเภทนี้เข้ามา ก็มักจะแนะนำสินค้ากันที่บ้านของของ ลุงใจ เนื่องจากบ้านแกขายเคมีเกษตร แม้จะมีอยู่แค่ไม่กี่อย่างก็ตาม ลุงใจ จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ไปตามคนนั้นคนนี้มาฟัง จัดหาน้ำท่ามาให้ แต่พอเข้าอีหรอบเดิมบ่อยเข้า ก็ไม่ค่อยมีใครอยากไป
“...ขี้เกียจไปฟัง กลับมาจากไร่เหนื่อยๆ ขอนั่งดูทีวีดีกว่า...” น้าจ่อย ว่า
“...ก็ไปช่วยกันหน่อยซี้ แค่ไปฟัง ไม่เหนื่อยอะไรหรอก...” ลุงใจ ขยั้นขยอ
ด้วยความที่ลุงใจเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มีงานอะไรก็มักจะไปช่วย ทำให้ใครๆ เกรงใจแก สุดท้ายก็ต้องไปนั่งฟัง
สินค้ากี่ตัวต่อกี่ตัว ลุงใจเป็นต้องไปตามชาวบ้านมาฟังครั้งละไม่ต่ำกว่าสิบยี่สิบคน แล้วพอไปฟังกันเยอะๆ เข้า ก็ต้องมีคนซื้อสินค้าจนได้
“...ข้าละเบื่อลุงใจจริงๆ ไม่อยากไป ก็มาตามได้ทุกที...” น้าจ่อย นั่งบ่นที่ร้านขายลูกชิ้นทอด
“เอ็งเบื่อเอ็งก็ไม่ต้องไปสิ” พี่หวี ว่า
“...ไม่ไปไม่ได้สิ เขาเป็นน้า...” น้าจ่อย ทำหน้าเซ็ง “...พวกมาขายของนี่ก็เหมือนกัน มาบอกว่า ถ้าซื้อแล้วจะได้นั่นได้นี่ ข้าน่ะหมดไปตั้งหลายพันแล้ว ยังไม่เห็นจะได้อะไรเลย...”
“...ก็ถือว่าซื้อของใช้ก็แล้วกัน” พี่หวี ปลอบ แต่น้าจ่อย ส่ายหน้า
“มันแพงเกินไป ปุ๋ยน้ำแกลลอนละสองพันห้า น้ำยาทำความสะอาดกล่องละพันเจ็ด ข้ายังงงตัวเองอยู่เลยว่าซื้อมาทำไมวะ”
“ข้าว่า...” พี่หวี พยายามคิดหาเหตุผล “...ลุงใจนี่ก็แปลกนะ รู้ทั้งรู้ว่า พวกนี้มาทีไรก็เหมือนเดิมทุกทีก็ยังมาตามพวกเอ็งให้ไปฟัง”
“ก็นั่นน่ะสิ ข้าก็สงสัยว่าแกจะทำไปทำไม”
“แกก็คงได้...” พี่หวีหัวเราะหึๆ
“เปอร์เซนต์ !” น้าจ่อย หันมาต่อประโยคให้
นี่ละ...คำตอบเดียวของยุคสมัย
หากไม่ได้เงิน คนก็คงไม่ลวงหลอกคน พี่น้อง ก็คงไม่ลวงหลอกพี่น้อง
เมื่อเอาเงินเข้าล่อ สินค้า จะคุณภาพดีหรือไม่ ก็กลายเป็นเรื่องรอง
ชาวบ้านที่ยังไม่รู้ หรือ คิดฝันถึงผลประโยชน์อย่างที่เขาโฆษณาไว้สวยหรู
ย่อมหนีไม่พ้น ที่จะกลายเป็นเหยื่อ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ความโลภ ยังใช้เป็นเครื่องล่อมนุษย์ได้ ทุกยุคทุกสมัย