กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล ศูนย์ข่าว TCIJ
เหตุการณ์คลื่นวิปโยคพัดทำลายเมืองชายฝั่งของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 เผยให้สังคมไทยเห็นวิธีการบางด้านที่ชาวญี่ปุ่นใช้รับมือโศกนาฏกรรม ภาพหนึ่งที่ประทับใจคนไทยเกินกว่ามาก คือการเข้าคิวรอซื้อสินค้าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งในภาวะมิคสัญญีและอำนาจรัฐง่อนแง่นเช่นนั้น หากมีภาพการรุมทึ้ง ยื้อยุดฉุดกระชาก แย่งชิงเสบียง ผมเชื่อว่าชาวโลกก็คงเข้าใจและไม่ประณามหยามหมิ่นชาวญี่ปุ่นแต่อย่างใด
ผมจำได้ว่าความนิ่งและวินัยของคนญี่ปุ่นใน พ.ศ. นั้น สร้างอาการฟูมฟายใหญ่โตในสังคมไทยและโลกโซเชียล มิเดีย เกิดการเปรียบเทียบว่าหากเกิดขึ้นกับบ้านเรา ภาพที่ปรากฏอาจต่างกันราวฟ้ากับเหว บ้างแดกดันว่าแค่ห้วงเวลาปกติยังยากเย็นกับการมองหาวินัย มิพักต้องพูดถึงห้วงยามภัยพิบัติ (เป็นคนละประเด็นกับ ‘น้ำใจ’ นะครับ เพราะเรื่องนี้ รับรองว่าคนไทยไม่เป็นรองใคร ดูได้จากมหาอุทกภัยที่เกิดกับเราในปีเดียวกัน)
ผู้ที่แดกดันประชันประชดไม่ใช่มีเพียงคนเดียว และผมเชื่อว่าหนึ่งในจำนวนนี้ต้องมีรถยนต์เป็นของตัวเอง ณ ห้วงยามนั้น ด้วยความไร้เดียงสาของความเป็นคนเดินถนนที่ไม่มีรถและขับรถไม่เป็น ผมฟุ้งฝันไปไกลว่า ภาพประทับใจจากญี่ปุ่นจะกระเตื้องวินัยพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันของสังคมเมืองกรุง ผมเพ้อฝันไปไกลๆ ว่า จะมีปริมาณผู้ใช้รถยนต์ที่หยุดรถให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลายเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสิทธิบนท้องถนนที่ใกล้เคียงกันระหว่างรถยนต์และคนเดินเท้า
อย่างว่าครับ ในสังคมไทย บางเรื่องอนุญาตให้เราทำได้แค่ฝัน
ความไม่ลงรอยกันระหว่างคำพูด-ความรู้สึกและการกระทำของคนเมืองหรือปากว่าตาขยิบ อันเนื่องจากอาการกำเริบของพิษดราม่า ซินโดรม ถูกเอาไปเหน็บแนมชนิดสาดเสียเทเสียว่าเป็นความดัดจริต
...........
การคอร์รัปชั่นเป็นหนึ่งในความเสื่อมทรามที่คนเมืองยอมรับไม่ได้ (รวมทั้งผมด้วย) ครั้งที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยนำโดยคุณดุสิต นนทนาคร จัดงานสัมนาใหญ่โตและรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่น ผมเคยเขียนรายงานลงใน TCIJ ว่า สภาหอการค้าฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของภาคธุรกิจไทยจะต่อต้านคอร์รัปชั่นได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันบนเส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ นักธุรกิจเองนั่นแหละที่เข้าไปพัวพันเรื่องดำมืดต่างๆ ยังไม่นับกฎหมายและนโยบายรัฐอีกไม่น้อยที่เอื้อประโยชน์แก่ภาคธุรกิจจนน่าเกลียด ที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นการคอร์รัปชั่นเชิงสังคม
พูดอย่างทอดอาลัย ผมไม่เห็นหนทางเลยว่า จะล้างบางคอร์รัปชั่นอย่างไร ในเมื่อมันซึมลึกถึงกระดูกเพียงนี้ ซึมลึกชนิดที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า เราเองคือส่วนหนึ่งของการคอร์รัปชั่น
............
สำนักงานของ TCIJ อยู่ในย่านสะพานควาย คนไม่มีเงินเช่นผมมักเดินทอดน่องไปย่านคนมีเงินอย่างอารีย์บ่อยๆ จึงมีความจำเป็นต้องเดินผ่านสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อทุกครั้ง
ฟุธปาธหน้า สน.บางซื่อ ทาสีขาวแดง แต่ผมก็เห็นรถตำรวจ รถยนต์ (เข้าใจว่าก็คงเป็นของเจ้าหน้าที่กระมัง) จอดกันเต็ม จนเกะกะรถที่มุ่งหน้ามาจากสี่แยกสะพานควาย รถเมล์แทนที่จะชิดซ้ายมาแต่ไกลก็ทำไม่ได้ ต้องจอดชะลอเลนกลาง แล้วรถก็ติดไปเป็นพืด นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของอาการซึมลึกจากความเมาอำนาจ เดาว่ากฎหมายคงเออออให้เจ้าหน้าที่ทำได้ด้วยข้อยกเว้นบางประการ
แต่ปัญหารุงรัง เรื้อรัง ของบ้านเมืองทุกวันนี้ก็เพราะมีการนำเอา ‘ข้อยกเว้น’ มาเป็น ‘ข้อปฏิบัติ’ กันอย่างฟุ่มเฟือย ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ กระทั่งเรื่องใหญ่ๆ มิใช่หรือ?
เดินต่อมา ผมจะผ่านซอยพหลโยธิน 12 ในซอยนี้มีผับฮิปๆ สิงสถิตเรียกลูกค้า วันศุกร์สิ้นเดือน ผมจะเห็นรถยนต์จอดเป็นแนวริมฟุตปาธตั้งแต่เลยหน้า สน.บางซื่อ มาไม่ไกลยาวไปจนถึงอีกปากซอยหนึ่ง โดยไม่ต้องอินังขังขอบว่าไอ้ฟุตปาธที่จอดอยู่นั้น ทาสีอะไร บางคันขึ้นมาจอดบนฟุตปาธกันเลยทีเดียว
เอ๊ะ!?!? แล้วทำไมจอดได้? ตำรวจไม่จับ ...นี่ต้องให้ผมตอบจริงๆ หรือ? ผมว่าคุณรู้คำตอบดีกว่าผมอีก
เดินเลยไปถึงหน้าธนาคารกสิกรไทย ฝั่งตรงข้ามเป็นภัตตาคารจีนหน้าตาน่าอร่อย รถของแขกผู้มาเยือนร้านก็สิงสู่ ณ ริมถนนและบนฟุตปาธเป็นที่เอิกเกริกในลักษณาการเดียวกัน
การเสาะแสวงหาความสุขจากราตรีเมืองคือไลฟ์สไตล์อันจำเป็น (ในความคิด) ของ Urbanistas และชนชั้นกลางขึ้นไปผู้มีอันจะกิน ...และพวกเขาชิงชังคอร์รัปชั่น
กรณีอื่นผมไม่รู้ แต่กับกรณีนี้ วิธีการแสวงหาความสุขดูจะมีรายละเอียดเล็กๆ ที่สวนทางกับอาการชิงชังคอร์รัปชั่น ผมเชื่อว่าคนจอดรถทุกคนรู้เต็มอกว่า กำลังทำผิดกฎจราจร ทว่า ห้วงยามที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ลิ้นกำลังต้องการความอร่อย และต่อมความสุขกำลังจะระเบิดหากไม่ได้เสพสุขโดยเร็ว ใครจะยอมเสียเวลาไปจอดรถที่อื่น ไปหาผับ-ร้านอื่นที่มีที่จอดรถสะดวกกว่า
พวกเขารู้เต็มอกเช่นกันว่า อือ...เขาคงเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว
ผมไม่มีความรู้ว่าการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่นหรือหลักสูตรประเภทโตไปไม่โกงสอนอะไรบ้าง แต่การพักพิงในสังคมคดโกงมีรายละเอียดซับซ้อนมากกว่านักการเมืองเรียกหัวคิวแน่นอน ดีไม่ดี-ด้วยความเผลอไผล รับรู้ หรืออันใดก็ตาม-เราเองนั่นแหละที่อยู่ในฟันเฟืองของกระบวนการคดโกง กระบวนการที่ฝังอยู่ในกระบวนการหาความสุข อยู่ในกระบวนการสร้างตัวตน อยู่ในไลฟ์สไตล์ของเราอีกทีหนึ่ง
ผมจึงไม่รู้ว่า คนเมืองที่ยังคอร์รัปชั่นเชิงไลฟ์สไตล์กันอุ่นหนาฝาคั่ง จะล้างคราบไคลคอร์รัปชั่นที่ตนชิงชังได้อย่างไร
(หวังว่าหลังจากนี้ผมจะไม่โดนตีหัวระหว่างเดินไปอารีย์ สาธุ)