เรจินัลด์ เรย์ เขียน
วิจักขณ์ พานิช ถักทอและร้อยเรียง
เชอเกียม ตรุงปะ เคยกล่าวไว้ว่า “หากคุณสามารถหลีกเลี่ยงการเดินทางทางจิตวิญญาณได้ คุณก็ควรจะทำเสีย” การฝึกฝนทางจิตวิญญาณที่เข้มข้นจะนำพาคุณไปยังสถานที่ที่ซึ่งอัตตาของคุณถูกสั่นคลอนและถอนรากอย่างถึงที่สุด ราวกับกำลังถูกท้าทายด้วยเพลิงไฟแห่งการตื่นรู้ ดังนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณได้ย่างก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตน เรากำลังพูดถึงคุณค่าทางจิตวิญญาณที่แท้ หาใช่ความเป็นศาสนาที่ฉาบฉวยหรือการโหยหาความสุขสงบด้วยการภาวนาวันละนิดวันละหน่อย เรากำลังพูดถึงการอุทิศตนบนธรรมแห่งการตื่นรู้ในทุกลมหายใจเข้าออก
ยิ่งผู้ปฏิบัติสามารถเข้าไปสัมผัสกับพื้นที่ภายในอันเปิดกว้างและว่างจากข้อจำกัดทางความคิดอันเป็นพลังพื้นฐานแห่งการตื่นรู้อันไพศาล เมื่อนั้นพลังชีวิตที่สดใหม่ก็จะงอกงามขึ้นตามธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง เพราะพลังเหล่านั้นจะฉีกชีวิตที่คับแคบของคุณเป็นชิ้นๆ ยิ่งประสบการณ์แห่งความว่างลุ่มลึกมากขึ้นเพียงไร พลังชีวิตที่สดใหม่ก็จะปรากฏให้เราสัมผัสได้อย่างตรงไปตรงมามากขึ้น มันเหมือนกับเราหลุดเข้าไปอยู่ในเพลิงไฟอันร้อนแรงอย่างไม่มีทางเลือก และมันกำลังเผาผลาญการยึดมั่นทางความคิดทั้งหลายจนหมดสิ้น หลงเหลือเพียงพลังแห่งประสบการณ์ตรงอันเปลือยเปล่าในทุกปัจจุบันขณะ
การภาวนาเป็นการฝึกฝนที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลก มันเป็นเรื่องที่เสี่ยงและอันตรายมาก เราจะพบกับผู้คนมากมายที่เคยฝึกฝนตนเองอย่างมอบกายถวายชีวิต จนถึงจุดหนึ่งพวกเขาก็สารภาพว่า “พอกันที...ฉันไม่อยากที่จะฝึกมันอีกต่อไปแล้ว” เพราะหากพวกเขายังฝึกไปอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงภายในจะเกิดขึ้นอย่างเข้มข้น จนเขาจะกลายเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง พวกเขาต้องยอมตายและเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยการยอมศิโรราบให้กับพลังชีวิตที่โชดช่วงจากการปฏิบัติ
ในแง่มุมนั้น จะเห็นได้ว่าเราต่างใช้ชีวิตที่คับแคบอยู่ในโครงสร้างสังคมที่แข็งทื่อ เต็มไปด้วยกฏกรอบ และข้อจำกัดมากมาย แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับผู้คนที่ฝึกฝนตนเองจนบรรลุสู่พลังแห่งการรู้แจ้งในขั้นนั้น มันไม่ง่ายเลยจริงๆ...ไม่ใช่ว่าคุณฝึกเทคนิคเหล่านั้นไป แล้วจะสามารถกลับออกไปใช้ชีวิตหลับใหลในแบบเดิมๆตามปกติได้ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะในแง่มุมหนึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าการภาวนาจะทำลายชีวิตของคุณอย่างไม่เหลือชิ้นดี หากคุณฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และให้คุณค่ากับการภาวนาในฐานะพื้นฐานของการดำเนินชีวิตประจำวัน วันหนึ่งคุณจะพบว่าคุณไม่ใช่คนคนเดิมอย่างที่เคยเป็นเมื่อสิบปีก่อน การปฏิบัติเหล่านี้ได้เขย่าชีวิตของคุณอย่างถึงราก และแสดงให้คุณเห็นถึงจุดที่คุณกล้าและกลัวไปพร้อมๆ กัน แม้คุณจะปฏิบัติมามากเพียงไร คุณก็ยังเห็นแนวโน้มของการพยายามจะใช้เทคนิคหรือภาพลักษณ์ทางจิตวิญญาณ ในฐานะหนทางที่จะควบคุมชีวิต โดยยึดเอาแต่สิ่งที่คุณคิดว่าดีหรือสูงส่งเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งอัตตาทางจิตวิญญาณเช่นนั้นจำเป็นต้องถูกท้าทายด้วยการกลับมาดำเนินชีวิต ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้อื่น
ยิ่งคุณกล้าที่จะใช้ชีวิตอย่างเปลือยเปล่ามากขึ้นเท่าไร คุณก็สามารถสัมผัสได้ถึงความไม่แน่นอนของชีวิตและความตาย อันเป็นฉากหลังของการดำเนินชีวิตในทุกขณะ คุณไม่มีบ้านให้กลับไปพักพิงเหมือนเก่า ประสบการณ์ชีวิตในทุกขณะได้เชื้อเชิญให้คุณก้าวออกมาสู่หนทางแห่งการตื่นรู้ เผชิญอุปสรรคทั้งภายในและภายนอกที่ท้าทายตัวตนของคุณยิ่งขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าคุณมีใจที่เปิดกว้างต่อธรรมชาติที่แท้จริงของชีวิต ไม่ว่ามันจะสวยงามหรือน่าหวาดกลัวเพียงไร ในขณะเดียวกันคุณได้กลายเป็นคนเดินดินธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เข้มแข็งและกล้าหาญ อีกทั้งหัวใจยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในทุกรูปแบบ คุณเลิกเกาะเกี่ยวเสาหลักทางความเชื่อ และความคาดหวังทั้งหลาย สู่การดำเนินชีวิตจากความเต็มเปี่ยมภายในด้วยหัวใจที่ตื่นรู้ ทุกปัจจุบันขณะคือก้าวเดินของการเอาชีวิตเข้าแลก พร้อมให้เพลิงไฟแห่งชีวิต เผาไหม้อัตตาตัวตนจนไม่เหลือซาก ทิ้งไว้เพียงพื้นที่ว่างของหัวใจ เป็นฐานให้แก่พลังแห่งการตื่นรู้ภายในได้เลื่อนไหลและปรากฏ
ข่าวฝากประชาสัมพันธ์
“สัมผัสแห่งการตื่นรู้”
กระบวนทัศน์ใหม่ในวิถีการภาวนา
โดย วิจักขณ์ พานิช
๑๑ - ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
ณ สวนโมกข์นานาชาติ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
“สัมผัสแห่งการตื่นรู้” เป็นพื้นที่การฝึกภาวนาแบบเข้มข้น สำหรับกัลยาณมิตรในแวดวงจิตตปัญญาศึกษา พุทธศาสนาเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม และบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจในเรื่องของการเรียนรู้ด้านใน ให้ได้มาพบปะพูดคุยและภาวนาร่วมกัน กิจกรรมจะประกอบด้วยการนั่งสมาธิภาวนาและเทคนิคที่หลากหลายเพื่อการเข้าไปสัมผัสพลังแห่งการตื่นรู้ในกาย สลับกับการนำเสนอแนวทางการปฏิบัติและความเข้าใจพื้นฐานโดยวิทยากร และการถามตอบคำถาม พูดคุย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติของผู้เข้าร่วม ด้วยภาษาในชีวิตประจำวันที่เข้าใจได้ง่าย
ใน “สัมผัสแห่งการตื่นรู้” วิทยากรจะผสมผสานคุณค่าของการภาวนาที่ที่ฝึกฝนกันในสายการปฏิบัติทั้งในสายเถรวาท มหายาน และวัชรยาน จากประสบการณ์ตรงของวิทยากร เพื่อให้เกิดความเข้าใจกระบวนการภาวนาในฐานะการเดินทางทางจิตวิญญาณ และพื้นฐานแห่งการตื่นรู้ของชีวิต
สนใจติดต่อรับใบสมัครและสำรองการเข้าร่วมได้ที่ shambhala04@gmail.com