Skip to main content

เพลงคุ้นเคยหลายเพลงดังแว่วมาจากวิทยุข้างบ้าน สลับกับการเล่าเรื่องของดีเจ เธอบอกว่าเทศกาลลอยกระทงปีนี้ไม่คึกคักอย่างปีก่อนๆ คงเพราะบรรยากาศทางการเมือง บวกกับงานราชพิธีและผลจากพิษเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวจึงบางตา ประเพณีจึงไม่สวยงามอย่างเคยเป็น


แต่นั่นเป็นเรื่องที่สวนทางกับภาพที่ฉันกำลังได้เห็น


คุณลุงบรรจงทำซุ้มอย่างช้าๆ สบายๆ กับแดดยามสาย


คุณลุงข้างบ้านตื่นแต่เช้า เช่นเดียวกับทุกวัน แต่วันนี้ลุงไม่ไปทำงานในไร่ เช่นเดียวกับพี่สาวบ้านตรงข้ามที่ปกติออกไปขายเสื้อผ้าแต่เช้ามืด พวกเขามายืนผิงแดดอุ่นอยู่หน้าบ้าน แล้วทำความตกลงเจรจาแลกเปลี่ยนทรัพยากรจากสวนหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นก้านมะพร้าว ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ดอกลำโพง ลวด เชือก กระดาษ ทั้งหมดนั้นคืออุปกรณ์การทำ “ประตูป่า” หรือซุ้มดอกไม้ในเทศกาลลอยกระทง



บ้านนี้หยุดงานทั้งครอบครัว ช่วยกันทำซุ้มประตูป่า


ผู้ใหญ่บ้านประกาศย้ำมาอีกครั้งในเช้าวันนั้น ว่าการทำซุ้มประตูป่าไม่ใช่เรื่องบังคับ แต่เป็นการสืบทอดประเพณีของหมู่บ้านที่มีมาช้านาน สิ้นเสียงประกาศก็เหมือนแรงกระตุ้นให้ทุกคนเร่งมือ ฉันเก็บกวาดบ้านอยู่ไม่นานนัก ออกไปมองอีกที ซุ้มประตูป่าก็เริ่มปรากฏขึ้นหน้าบ้านทีละหลัง ทีละหลัง ยืนมองดูการมัดไม้ไผ่เป็นเสา แล้วพาดยาวแนวขวางไว้ห้อยดอกไม้ เหมือนจะยากแต่ก็ไม่ง่าย เหมือนจะง่ายแต่ยังไม่รู้วิธีทำ


ในที่สุดเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาขอตัดไม้ไผ่ที่บ้าน ฉันจึงได้โอกาสถามขั้นตอนที่ง่ายที่สุดกับเขา

เดี๋ยวพี่บอกวิธีให้ ไม่ยากเลย”

 

ซุ้มของพี่สาวใจดีข้างบ้าน ละเอียดละออกับการสานใบมะพร้าวประดับประดา


พี่สาวข้างบ้านบอก เธอคว้ามีดด้ามใหญ่มาจับ เดินอาดๆ เข้าไปหลังบ้านของฉันเอง จากนั้นตัดก้านมะพร้าวมา
2 อัน แล้วใช้กรรไกรตัดปลายใบมะพร้าวออกเพื่อความสวยงาม

จากนั้นก็ทำแบบนี้นะ จับที่ปลายสุดของก้านมะพร้าว แล้วฉีกมันเลย”

เธอทำแค่นั้นจริงๆ ก้านมะพร้าว 1 อัน ฉีกออกจากกันกลายเป็นรูปทรงโค้งสวยงาม ได้ 2 อัน เหลือด้านล่างสุดของก้านเอาไว้ให้ยึดกัน ฉันลากก้านมะพร้าวหนักๆ นั้นออกมาแล้วมัดติดกับประตูรั้วบ้าน ปลายที่โค้งเข้าหากันก็ผูกเชือกไว้ แค่นั้นเองฉันก็มีซุ้มประตูป่ากับเขาแล้ว

รีบไปลงชื่อเร็ว เดี๋ยวพ่อหลวงเขาจะมีของแจกให้"

คุณป้าอีกคนมาช่วยลุ้น ดูเหมือนฉันจะทำเสร็จทีหลังสุด ท่ามกลางสายตาของป้าๆ ลุงๆ ที่เอาใจช่วยเต็มที่ ส่วนพวกเขากำลังประดิษฐ์ประดอยลูกเล่นจากดอกไม้ ใบมะพร้าว โคมไฟกระดาษไม่ให้เหมือนกัน ว่ากันว่า ใครทำสวยที่สุด พ่อหลวงจะมีผ้าห่มแจกให้ ส่วนบ้านไหนสวยน้อยหน่อย อย่างน้อยจะได้น้ำมันพืชกับน้ำปลาไปใช้คนละขวด


แบบนี้ได้น้ำมันพืชแน่ๆ”

คุณลุงเดินมาบอกแล้วหัวเราะ ฉันเหลือบไปมองบ้านพี่ตรงข้าม เธอสร้างสรรค์อย่างจริงจังมากกับเจดีย์ทราย ที่มีลูกสาวและสามีมาช่วยกันอย่างแข็งขัน เจดีย์ทรายหลังนั้นมีประตูป่าขนาดจิ๋ว และมีช้างเดินออกมา พบกับทหารรักษาประตู บนถนนสายดอกไม้ มีอ่างน้ำ 2 แห่งเอาไว้ลอยกระทง บนยอดเจดีย์มีสวนดอกไม้และเทียนปักเอาไว้ คนเริ่มมามุงดูกันอย่างคับคั่ง เธออารมณ์ดีมากกับการสร้างเมืองจำลองไว้หน้าบ้าน ดูเหมือนจะมีเสียงหัวเราะที่ร่าเริงที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินก็ว่าได้


เจดีย์จำลอง มีช้างเดินออกมาลอยกระทง มีทหารเฝ้าหน้าประตู มีถนนดอกไม้ และอ่างลอยอยู่ข้างๆ


แบบนี้ได้ผ้าห่มแน่ๆ”

มีคนออกความเห็น พี่สาวหัวเราะแล้วชี้ให้ไปดูบ้านคุณลุงอีกคนซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ คุณลุงบ้านนี้ร้อยดอกบานไม่รู้โรยติดกับใบตองเป็นตัวอักษรว่า “ยี่เป็งรำลึก” พร้อมวางโคมไฟกระดาษที่มีขวดน้ำมันก๊าดอยู่ด้านใน จุดเรียงรายทั้งสองฝั่งประตู หน้าบ้านมีโอ่งน้ำหนึ่งใบ ใส่น้ำแล้วลอยกระทงเอาไว้ แกยิ้มๆ เมื่อขอถ่ายรูป แล้วไล่ให้ไปดูบ้านคุณลุงอีกหลัง ซึ่งสร้างสรรค์ได้ไม่แพ้กัน



บ้านนี้มีตุงประดับร่วมด้วย และใช้ดอกตะล่อมปักเป็นอักษรที่นิยมมากในสมัยก่อน


แล้วฉันก็ต้องตื่นตาตื่นใจ กับดอกปักษาสวรรค์ที่คุณยายตัดจากสวนหลังบ้านมาประดับเป็นช่อบนประตูป่า ที่น่ารักที่สุดคือแกใช้ปากกาวาดรูปบนกระดาษสาแปะเอาไว้

ทำไมถึงเป็นช้างกับหมาคะ” ฉันเอียงคอถามเบาๆ

เป็นตัวแทนของลุงกับป้าไง ช้างก็คือลุง ป้าก็คือหมาน่ะ”

อ้อ”

ฉันรับทราบ เห็นแกกำลังเก้ๆ กังๆ ประดับซุ้มอยู่ก็เลยไม่ได้ถามต่อ เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็เห็นลุงมวนยาสูบจุดมายืนพิจารณาซุ้มตัวเอง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็กวาดบ้านให้ดูสะอาดน่ามอง



คุณลุงยืนชื่นชมผลงาน รูปช้างสีน้ำเงินและหมาสีชมพู ตัวแทนคนในครอบครัว


ฉันถือโอกาสนั้น เดินเล่น ไปดูซุ้มของคนอื่นไปทั่ว พอไกลเข้าเดินไม่ไหว จึงกลับมาคว้าจักรยานออกไปซื้อโคมไฟมาติดบ้าง ผู้คนที่ไม่ค่อยเจอหน้ากันหยุดยืนคุยกันเป็นกลุ่มๆ มีการแลกดอกไม้ ให้ไอเดีย ติชมกันพองาม ซึ่งบ้านบางหลังใช้เวลาตั้งแต่เช้าถึงบ่ายทีเดียวในการประดิษฐ์ซุ้มประตูป่า


เลยออกจากหมู่บ้านไป ฉันเพิ่งเห็นว่าไม่ได้มีหน้าบ้านอาศัยเท่านั้น หน้าร้านค้า ร้านซ่อมรถ ร้านซักรีด แม้กระทั่งร้านสินเชื่อก็ยังทำซุ้มเช่นกัน เวลา 1 วันกับการหยุดงานเพื่อประดับดาประบ้านของพวกเขา อาจไม่ได้มีความหมายแค่การได้ผ้าห่มหรือน้ำมันพืช หรือมองทะลุไปถึงความตั้งใจสืบสานประเพณีอย่างที่ผู้คนประโคมข่าวให้พวกเขาทำ


ซุ้มประตูป่าหน้าบ้านของฉันเอง มีโคมไฟ 3 ดวง และโมบายนกกระดาษ


ที่ฉันเห็นตรงนั้น คือการได้อยู่ร่วมระหว่างพ่อแม่ลูก พูดคุยกับเพื่อนบ้าน แต่งตัวสวยๆ สำหรับวันดีๆ สักวัน ทำซุ้มให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามความเชื่อโบราณว่า ประตูป่า คือประตูระหว่างทางจากป่าสู่เขตอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อทำซุ้มประตูเสร็จแล้ว ทุกบ้านคือที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเราต่างอาศัยอยู่ในนั้นแล้ว ก็จงทำความดี ละเว้นการทะเลาะเบาะแว้ง บาดหมาง พูดจากันดีๆ มีอะไรก็ให้อภัยกัน


ความศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเหล่านั้น บ้านใครบ้านมันคงเป็นคนตัดสิน บ่ายๆ ใกล้ค่ำ กรรมการหมู่บ้านมาเดินสำรวจ แล้วชวนกันไปที่ศาลาเอนกประสงค์เพื่อรับแจกข้าวของอย่างคึกคัก พี่สาวข้างบ้านไม่ลืมตะโกนบอกฉันว่าแต่งตัวสวยๆ นะ จะได้ไปรับของด้วยกัน ส่วนเธอใส่ชุดผ้าเมืองสีสันสวยงามมายืนปล่อยโคมลอยหน้าบ้าน ท่ามกลางแสงเทียนที่ทุกบ้านจุดต่อกันเป็นสายยาวไปตลอดทางเดิน

 


ซุ้มประตูป่ามีสีสันจากโคมไฟดวงเล็กดวงน้อย ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป รวมกับแสงเทียนเล็กๆ ข้างรั้วบ้าน ทำให้ถนนที่เคยมืดมิดมีแสงพอให้มองเห็นความสุขจากสีหน้าท่าทางที่ประกอบกันเป็นความหมายของเทศกาลยี่เป็ง มากกว่าการแค่ไปลอยกระทงเท่านั้น แต่รวมถึงการทำบุญที่วัด ทำจิตใจให้ผ่องใสกับฤดูหนาวที่มาถึง การทำทานแก่ผู้ล่วงลับ และปล่อยเคราะห์โศกไปกับกระทง


งดงามในความสงบเงียบ ที่พวกเขาตั้งใจและทุ่มเททำ ในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างเมืองที่ซึ่งคำว่านักท่องเที่ยวนั้นยังเป็นเรื่องห่างไกลและไม่มีความหมายอะไรสำหรับพวกเขาได้เทียบเท่ากับความเชื่อและความศรัทธา

 

................


ภาพแถมท้าย



ซุ้มประตูป่าหน้าร้านอาหารตามสั่ง

บ้านคุณป้าท่านนี้ มีสีสันจากร่มกระดาษคันเล็กๆ ประกอบ


บ้านนี้ถือโอกาสเทิดพระเกียรติไปด้วย


ซุ้มหน้าร้านซ่อมรถ พี่เจ้าของหยุดงานเพื่อการนี้โดยเฉพาะ


ร้านสินเชื่อเงินด่วนก็ทำ


คุณพี่ คุณป้า และคุณยาย 3 ท่านนี้บอกว่า ช่วยกันสานพญานาคตัวใหญ่ประดับไว้ตั้งแต่เช้า



บ้านนี้สวยแบบเรียบง่าย ใช้ก้านมะพร้าว 1 อัน ฉีกกลาง มัดหากัน ประดับด้วยดอกลำโพง


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
1.อากาศยามเช้าหนาวไอเย็นแผ่วเบา พัดมาจากภูเขาสูงผ่านทางไกล ใกล้รุ่งฝ่าหมอกคลุ้งสีเทา-เทา
วาดวลี
ฉันกับเพื่อนหย่อนก้นบนเก้าอี้ไม้ริมถนนของเมืองเชียงของ เราสั่งชานม ชามะนาว และกาแฟมากินให้สดชื่นหลังจากนั่งรถมาเป็นชั่วโมง มองดูผู้คนมาเยือนสวนทางกับเจ้าของท้องถิ่นไปมาในวันหยุด"เรากำลังจะไปที่ไหนต่อ"เพื่อนร่วมทางถามฉัน ฉันเหลือบมองเขา ไม่ตอบ แล้วคว้าหนังสืออ่านเล่นในร้านกาแฟมาเปิดอ่าน เราเพิ่งมาถึง แล้วจะไปไหน เธอถามแปลกจัง ฉันอยากตอบเล่นๆ ว่า เดี๋ยวจะพาเธอไปลงว่ายน้ำโขงเล่นก็แล้วกัน"เราต้องไปกินปลาบึกไหม?"เพื่อนถาม ฉันเกือบสำลักชามะนาว “เธออยากกินเหรอ”ฉันถามกลับ เขาทำหน้าไม่ถูก แต่แววตาลังเล “ก็มีคนบอกว่ามาเชียงของต้องกินปลาบึก”ฉันอมยิ้ม ฉันก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้…
วาดวลี
กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า กำลังถูกประทับด้วยตราปั๊มสีแดงเพื่อบอก “อนุญาต” ให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปยังพม่า ผู้คนจำนวนนับร้อยนับพัน ต่อแถวกันอยู่ที่ท่าขี้เหล็กในเขตแม่สายด้วยใบหน้ารอคอย ตั้งแต่ขั้นตอนการทำบัตร ชำระเงิน ตรวจเอกสาร จนกระทั่งพวกเขาจะได้ข้ามพ้นประตูด่านของเจ้าหน้าที่เมื่อนั้น ใบหน้าที่บึ้งตึงก็จะเปลี่ยนเป็น “โล่งอก”ฉันและเพื่อนยืนรออยู่ที่ทำบัตรเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ขณะที่เพื่อนกำลังวาดฝันว่าเขาจะซื้ออะไรบ้างจากฝั่งพม่า ไม่ทันที่จะอ้าปากพูดว่า “เกาะกันไว้นะเดี๋ยวหลง” เพราะคนเยอะขนาดจนมีประกาศหาคนตลอดเวลา ไม่ทันไรฉันก็ถูกดันจากคนข้างหลังให้ขยับเข้าไปข้างหน้า ทั้งที่แถวมันเต็มแล้ว…
วาดวลี
1ฤดูหนาวไม่ได้มาเยือนอย่างเงียบเชียบอีกแล้ว มันแสดงตัวตน ชัดเจน ผ่านอากาศ ต้นไม้ใบหญ้า รอยน้ำค้าง ประทับตรงนั้นตรงนี้  แม้กระทั่งบนขนตาของเธอ  หญิงวัยกลางคนที่ตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานไปตลาด กลับมาพร้อมกับข้าวของในมือที่มากจนจักรยานแทบเสียหลัก เธอจอดรถไว้ข้างๆ รั้ว หิ้วของ วางลง และยกมือเช็ดน้ำค้างบนขนตา2“หนาวมากไหม”เธอเอ่ยถามอย่างอาทร ฉันพยักหน้า อดคิดถึงแม่จริงๆ ของตัวเองไม่ได้ ฉันคงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ หากจะคิดถึงฤดูหนาวและการอยู่ร่วมกัน  แค่คิดถึงการซุกตัวใน “ผ้าห่มขี้งา” ร่วมกับแม่ แค่นั้นก็เป็นสุขแล้ว หน้าหนาวพ่อจะให้ฉันนอนตรงกลาง เพื่อให้อุ่นมากพอ …
วาดวลี
1. ผืนดินปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า และเป็นต้นหญ้าชนิดที่มีดอกสีขาว ฉันชะงักจอบเสียบที่เตรียมมา ด้วยความอาลัยอาวรณ์ต่อดอกหญ้าที่พากันบานสะพรั่งอวดสายลมหนาว ก็มันสวยขนาดนี้ ฉันจะขุด ตัดมันไปได้อย่างไรกันวางจอบลง แล้วนั่งยองๆ ฉันคว้ากล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้ นอกจากดอกหญ้าที่บานเต็มที่แล้ว ยังมีต้นกล้าที่เพิ่งถือกำเนิด มันน่ารักดีจัง ฉันยิ้มให้กับต้นหญ้า แม้จะเคาะเขินคนข้างๆ อยู่บ้างที่ทำตัวอ่อนหัดแบบนี้ แต่เขาคงเข้าใจ คนโหยหาผืนดินอย่างฉัน“หญ้าก็คือหญ้า ถ้าไม่ตัดมันทิ้ง เราจะปลูกผักได้ยังไง”เธอช่วยเตือนสติ ฉันกลับมาโลกความจริง นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องถางมันทิ้ง “รกจะตาย” เธอว่า…
วาดวลี
ฤดูหนาวยามสาย แสงตะวันทอดผ่านเรือนร่างของผู้คนและตกกระทบเป็นผืนเงา อยู่ตรงนั้นตรงนี้บนถนน ชักชวนให้นักท่องเที่ยวบางคนอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเงาตัวเองเอาไว้ดูเล่น ฉันเองก็เช่นกัน ย้ายระดับสายตาไปอยู่บนผืนดิน แสงเงาจากผู้คนมากมาย มุ่งหน้าไปยังพระธาตุดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ยิ้มสรวลหยอกล้อ ขอถ่ายรูปคู่กับบันได ประตู ป้าย และร้านค้า ดูเหมือนจะมีแต่เสียงหัวเราะ ตื่นเต้นและความสุข ปนเปื้อนเศษเสี้ยวของความหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างๆ ปรากฏบนใบหน้าของแม่ค้าหลายคน เงินสดถูกเก็บเข้ากระเป๋า ถุงพลาสติกถูกดึงขึ้น ใส่ของ ดึงขึ้นและใส่ของ…
วาดวลี
“หนาวไหมครับ”ชายแปลกหน้าเอ่ยถาม ขณะหย่อนตัวลงนั่งบนแคร่ไม้ เราสองคนอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่าของใครสักคนหนึ่ง ฉันอยากเรียกแบบนั้น ทั้งๆ ที่มันคือสถานีรถโดยสารที่จะเดินทางจากตัวเมืองลำปางไปยังแจ้ซ้อนขณะรถเข็นคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา ฉันตอบผู้ชายคนนั้นสั้นๆว่า “หนาวนะ” เขาอมยิ้ม กระชับเสื้อให้แน่นขึ้นแล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม ฉันไม่สนใจเขานัก เอาแต่ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เพื่อจะหยิบมาดูนาฬิกาว่าตอนนี้คือกี่โมงแล้ว แต่ยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ ก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาขนาดใหญ่เกาะติดอยู่บนต้นไม้ ดูเหมือนจะเป็นต้นมะขาม มันสูงใหญ่ให้ร่มเงาเป็นอย่างดีแก่ท่ารถแห่งนี้…
วาดวลี
ท่ามกลางความมืดของผืนฟ้า  พระจันทร์ดวงกลมโตอวดแสงนวลอยู่บนนั้น แม้คืนนี้มองไม่เห็นดาว  แต่พระจันทร์คงไม่เหงา  ก็บนท้องฟ้า เต็มไปด้วยดวงไฟสีส้มนับร้อย นับพันดวง วาววับ จนไม่อาจนับจำนวนได้ โคมไฟ หรือ ว่าวไฟ ในเทศกาลลอยกระทง ต่างลอยขึ้นไปตามแรงลม และความร้อนจากเปลวไฟเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ข้างท้าย แม้คนจุดจะมีทั้งชาวเมืองเชียงใหม่ หรือนักท่องเที่ยวจากเมืองอื่น แต่สิ่งที่ฉันได้รู้ในวันนี้ก็คือ สำหรับคนบางคนแล้ว ดาวสีส้มบางดวงนั้นขึ้นไปตามแรงศรัทธาและความเชื่อที่สั่งสมมาตลอดชีวิต“ได้เวลาจุดไฟกันแล้วนะ” ชายชราคนหนึ่งคนตะโกนบอกหลานชาย หลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้…
วาดวลี
“พ่อเคยคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไหม?”ฉันเคยเอ่ยถามชายชราไว้นานแล้ว ไม่จริงจังในคำพูด และไม่มีประเด็นอะไรมากนัก ฉันเพียงแต่อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ในวันรื้อถอนบ้านเก่าที่ผุพังเพราะน้ำท่วม จำเป็นต้องสร้างหลังใหม่มาแทนที่ ............ที่ดินของเราเป็นผืนยาวติดแม่น้ำเล็กๆ ซื้อมาด้วยเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของแม่ ราคาไม่กี่พันบาท ฉันย้ายมาอยู่ในตอนที่อายุ 7 ขวบ  เวลาต่อมา คืนหนึ่งแม่ก็เสียชีวิตในบ้านหลังนี้ ตายจากไปเหลือเพียงเถ้าถ่าน ร่างกายถูกเผากลางแดดด้วยฟืนกองโต จำได้ว่าหลังจากคืนเผาศพแม่ไม่นานนัก บ้านทั้งหลังเงียบสงบ…
วาดวลี
ผู้หญิงคนนั้นกำลังฉุน ส่วนหญิงสาวอีกคนในชุดกระโปรงสีชมพู มีท่าทางไม่สบายใจอารมณ์ขุ่นเคืองปะทุในแดดระอุของยามบ่าย  ขณะนั้น  ฉันฝ่าไอร้อนมาจอดรถหน้าร้านค้าของนวลเมื่อวานนี้ฉันขอให้เธอช่วยรื้อลังเก่าๆ ใบใหญ่ๆ ไว้ให้  เพื่อซื้อไปใส่ของขนย้ายบ้านนวลกำลังยุ่ง ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แต่ก็ยังมีแก่ใจกระซิบบอกด้วยเสียงอ่อนโยนเช่นเคย“รอหน่อยนะ แม่กำลังหาลังใบใหญ่ให้ ไม่ได้ลืม เดี๋ยวคงเอาลงมา”“แม่เหรอ?”ฉันทวนคำ นวลกำลังพูดถึงใครกันนะ ก็เธอจากบ้านมาไกลจากพม่า มาทำงานในร้านขายของชำ ทุกทีนวลเรียกเจ้าของร้านผู้ชายว่า เฮีย และเรียกพี่ผู้หญิงว่า เจ๊ ฉันยังไม่ได้ถาม แต่เธอคงจะดูแววตาออก…
วาดวลี
เพิงผักสดหน้าวัดในตอนเช้า กำลังแปรสภาพเป็นร้านเหล้าในยามค่ำ ตะวันยังไม่แตะดินดี เคาน์เตอร์ไม้เล็กๆ ก็มีลูกค้ามารอแล้วเกือบเต็มร้านชายวัยกลางคนกระดกเหล้าขาวจากแก้วทรงเหลี่ยมอยู่หน้าเพิงป้าแดง  ไม่ยี่หระต่อสายตาเมียที่ยืนค้อนอยู่ด้านหลังเธอยืนเท้าสะเอวเหมือนแม่บ้านในการ์ตูน มองสามีเงียบๆ แล้วก็เอ่ยด้วยเสียงห้วนสั้น“กระดกเข้าไป บอกว่าให้กินข้าวรองท้องก่อน ป้าแดงเอาแกงอ่อมมาถ้วยหนึ่ง”เธอไม่ได้สั่งกลับบ้าน แต่สั่งให้สามี ป้าแดงตักแกงจากหม้อใส่ชาม วางไว้บนเคาน์เตอร์ไม้ แล้วรับเงินจากผู้เป็นภรรยา เธอจากไปพร้อมผักกาดกำใหญ่ในมือ“เดี๋ยวข้ากลับไปกินข้าว” “อือ”สามีภรรยาตอบกันห้วนสั้น…
วาดวลี
๑.ฤดูมาเร็ว ราวกระพริบตารู้สึกดังว่า เพิ่งผ่านเมื่อวานฝนหมาดถนน เพิ่งโดนแดดทักลมหนาวก็พัดมาจุมพิตผ่านแม่น้ำสีเหลืองลำเลียงเศษไม้เผลอมองวูบไหวหัวใจสะท้านฝนพอหรือยัง? หรือคั่งค้างอยู่รอการพรั่งพรู ไหลมาท่วมบ้าน  ๒.ต้นข้าวสีเขียว เคยซีดเซียวยับนิ่งงันสดับ กับทางน้ำผ่านเจ้าชูช่อใหม่ ในตุลาฤดูไม่อาจหยั่งรู้ หรือไม่คิดสะท้าน?ผีเสื้อกลัวไหม ไอหนาวจะมาหอบหมอกห่มฟ้า พัดป่าแห้งกร้านควันคลุ้งคลุมเมือง กลายเป็นเรื่องเล่าไฟฟอนแผดเผา เราไม่อาจต้าน  ๓.ไปหมดแล้วหรือ ที่คือฝันร้ายปัดกวาดบ้านใหม่ ไว้รอเพื่อนบ้านกลางคืนสงบ รอพบวันพรุ่งหวังเห็นสายรุ้ง ลา-วสันต์กาลรอยฝนกันยา ตุลารำลึกลบความคิดนึก…