Skip to main content

"ยี่เป็ง” เป็นชื่อแมวของฉันเอง ซึ่งตั้งให้แมวตัวสีขาวลายสีเทา ทรงหน้าเหลี่ยม หางกุด ตัวเท่ากำปั้น ที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนตักขณะกินจิ้มจุ่มในวันลอยกระทงเมื่อ 2 ปีก่อน และจากนั้นมาอีก 1 ชั่วโมง ฉันก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะมีลูกแมวเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวหรือนี่ ทั้งที่การมีแมวแสนไฮเปอร์ชื่อ “พี่แม้ว” แค่ตัวเดียวนั้นยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่นั่นเป็นการถามตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านโดยมียี่เป็งในอ้อมแขน



ฉันย้อนนึกไปถึงยามนั้นเมื่อ
2 ปีก่อน ตอนที่อยู่ในร้านข้างถนน เจ้าแมวน้อยเดินมา ร้องแอ๊วๆ ใช้มือเล็กๆ เขี่ยกางเกง มันกางเล็บอย่างเผลอตัว หน้าตาไม่ไว้วางใจใคร แต่แววตาก็ร้องขออาหารและการดูแลเอาใจใส่

เจ้าของร้านที่เห็นเข้า ก็เดินปราดเข้ามาทันที เขาใช้เท้าเขี่ยยี่เป็งให้ไปเสียพ้นๆ พอฉันถามไปว่าเป็นลูกแมวของร้านหรือเปล่า เขารีบส่ายหน้า แล้วรำพึงปรับทุกข์ว่าไม่รู้จะจัดการกับแมวจรจัดพวกนี้อย่างไร ทั้งเอาน้ำฉีดมันก็แค่หลบสักพักก็มาใหม่ บางครั้งเลยเอาถังน้ำเทใส่ทั้งถัง จะได้เข็ดจำไม่กลับมาอีก บางทีก็ทั้งไล่ ทั้งตี หรือไล่แจกชาวบ้านที่ต้องการเลี้ยงดู แต่ก็มีแต่คนส่ายหน้า


ฉันพยักหน้าเข้าใจ แล้วจึงขออนุญาตเก็บมันไปเลี้ยง เจ้าของร้านทำหน้าตาดีใจมาก อวยพรฉันเสียยกใหญ่ว่าเป็นการทำบุญ ฉันตั้งชื่อเป็นที่ระลึกถึงวันที่พบกับยี่เป็ง พอเรียกชื่อมันก็หันมามอง คิดในใจว่ายี่เป็งช่างเรียนรู้ได้เร็วเหลือเกิน แค่เรียกชื่อไม่กี่ครั้งก็จำได้


แต่จากวันนั้นมา ตลอด
2 ปีที่ฉันเรียนรู้กลับไม่ได้เป็นแบบที่คิด ไม่ว่าเราจะเรียกชื่อว่า “ยี่เป็ง” “พี่แม้ว” ต้นข้าว ใบไม้ ผีเสื้อ หรือชื่ออะไรก็ตาม ยี่เป็งจะหันมามองและเดินเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ เหมือนรู้สึกว่า นั่นคือการเรียกให้เข้ามาหา


ความที่ฉันมีแมวอยู่แล้วตัวหนึ่ง และเป็นแมวไฮเปอร์ที่อยู่ไม่สุข ยี่เป็งจึงเป็นโลกอีกใบที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ การเดินที่เชื่องช้า สายตาสั้น มองอะไรไม่ค่อยเห็น ไม่ค่อยชัด เมื่อหยิบจานข้าวไปวางให้กิน กว่ายี่เป็งจะเยื้องย่างมาถึง ดมกลิ่น เลีย นั่งมอง แล้วลงมือกิน แมวอีกตัวก็อิ่มและวิ่งไปไหนต่อไหนแล้ว แต่ด้วยความฝังใจในตอนเด็กที่ยี่เป็งไม่ค่อยมีอาหารกิน มันกลับเป็นแมวที่ กินทุกอย่างที่ขวางหน้า กินเอาไว้ก่อนไม่ให้เหลือ ราวกับมันไม่รู้ว่ามื้อต่อไปจะมีให้กินอีกหรือเปล่า


เมื่อยี่เป็งกินเสร็จแล้ว ก็ต้องการนอน ยี่เป็งใช้เวลานานมากกว่าจะหาที่นอนได้ ทั้งที่ปูผ้าใส่กล่องไว้แล้ว หรือจะเป็นเบาะนุ่มๆ ที่ฉันอนุญาตให้อยู่ร่วมกันได้ทุกเวลา แต่ยี่เป็งก็จะมัวแต่หันรีหันขวาง ทำตัวไม่ถูก บางทีก็ไปกองอยู่ข้างประตู เหมือนเป็นผ้าขี้ริ้วชิ้นหนึ่ง เนื้อตัวสกปรกมอมแมมไม่ทำความสะอาด มีแมวอีกตัวที่พยายามเลียขนให้ สอนให้เช็ดหน้า และฉันที่คอยเช็ดขี้ตาเกรอะกรังนั้นให้ทุกเช้า



สุขภาพของยี่เป็งไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะในหน้าหนาว ยี่เป็งมีอาการหายใจติดขัด ต้องรับการฉีดยาและวัคซีนเป็นประจำ เคยเป็นหนักขนาดปอดอักเสบ ซึ่งพี่แม้วแมวอีกตัวพยายามสอนยี่เป็งให้ฝึกกินหญ้า แมวสองตัววนเวียนอยู่ในสวนหลังบ้าน แล้วก็พบว่าพี่แม้วทำหน้าเซ็งๆ เดินออกมาและหนีไปอยู่คนเดียว ส่วนยี่เป็งเดินทำหน้างงๆ มาเสมอ แล้วกระโดดขึ้นตัก พร้อมจะหลับไม่ว่าฉันจะทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือทำงาน หรือกระทั่งนั่งอยู่ในห้องน้ำโดยไม่ได้ปิดประตู


แน่นอนว่าบางครั้ง ฉันจึงเผลอโกรธยี่เป็ง โดยเฉพาะการพยายามควานหาที่นอน ไม่ว่าจะบนโต๊ะทำงาน ปล่อยให้ข้าวของตกหล่นเสียหาย บนโต๊ะกินข้าวที่ไม่สนใจว่าจะมีอะไรวางอยู่ หรือแม้แต่บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ที่ฉันต้องอุ้มออกไปเป็นประจำพร้อมอาการหัวเสีย ฉันเคยจับยี่เป็งไปโยนไว้ที่โรงรถ ให้หาแมลงสาป ผีเสื้อ ตัวหนอนเล่นไป ก็พบว่ากว่ายี่เป็งจะลุกขึ้นมาไล่จับ สัตว์พวกนั้นก็บินหนีไปไหนต่อไหนแล้ว ยี่เป็งหาทางออกด้วยการหนีไปเล่นบ้านข้างๆ โดยไม่รับรู้ว่ามีหมาตัวใหญ่ๆ อยู่ข้างรั้ว มีแมวยักษ์ที่พร้อมจะต่อสู้ มีคนที่ไม่ชอบแมว และพยายามจะนั่งตักเขา และทุกวันก็จบด้วยการบาดเจ็บหรือขวัญหนีกลับมาบ้าน



แต่ยี่เป็งก็ไม่เคยเข็ด สามารถเดินเข้าไปหาเจ้าแมวยักษ์แล้วล้มตัวหงายเผละออดอ้อนชวนเขาเล่น ไม่มีสัญชาตญาณว่าสิ่งรอบตัวเป็นภัยหรือไม่ ฉันต้องปวดหัวบ่อยๆ กับการคอยเดินตามยี่เป็ง คอยแยกจากแมวตัวอื่น คอยเรียกเข้าบ้านทั้งวัน กระทั่งขุ่นเคืองที่ยี่เป็งทำเสียเวลาบ่อยๆ และไม่สามารถจัดการกับแมวตัวนี้ได้ ถึงขนาดลงโทษยี่เป็งด้วยการไม่คุยด้วย และตวาดเสียงดังๆ ใส่ยี่เป็งสองสามครั้ง ทำเอายี่เป็งเงียบไปและหายออกจากบ้าน

อากาศตอนนี้หนาวมาก ฉันเจอยี่เป็งอีกครั้งในเช้าวันถัดมา ยี่เป็งตัวสั่น ลำตัวมีแต่บาดแผล แต่ก็ยังดูไม่ค่อยรู้สึกตัวนักแม้จะมีรอยเลือดติดตามขนและลำตัว ฉันอุ้มยี่เป็งมาไว้แนบอก ดวงตาที่มองมานั้นออดอ้อนเหลือเกิน มันซุกหน้าลงบนอกแล้วร้องเบาๆ ฉันจัดการเช็ดตัวทำแผล เมื่อวางบนพื้นเบาะยี่เป็งหันมามองหน้า เหมือนจะถามว่า ฉันขอนอนใกล้ๆ ได้ไหม อย่าให้ฉันไปไหนเลย


ฉันน้ำตาคลอๆ พายี่เป็งไปนั่งผิงแดดอุ่นอยู่บนแคร่ใต้ต้นไม้ ให้นอนบนตักจนหลับไป ฉันอ่านหนังสือจบไป
1 เล่ม ยี่เป็งก็ยังนอนนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน กระทั่งฉันขอตัวไปทำงาน ค่อยๆ อุ้มยี่เป็งจากตักวางไว้บนเสื่อ เนิ่นนานผ่านไปจนถึงบ่าย ยี่เป็งฟื้นตัวอีกครั้ง เดินเข้ามาหาข้าวกินอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องไปนอนอยู่มุมหนึ่งของบ้าน



อากาศข้างนอกหนาวเหลือเกิน หนาวเหมือนหัวใจข้างใน ยามที่เรารู้สึกว่าเราได้ทำอะไรผิด แต่ในความหนาวเย็นนั้นก็อบอุ่นเสมอ หากเราได้เรียนรู้จากความผิดเหล่านั้น ฉันเข้าไปอุ้มยี่เป็งมาไว้แนบตัก จัดที่นอนบนเบาะนุ่ม วางลงและห่มผ้าให้ พิจารณาตัวอุ่นๆ ที่หายใจเบาๆ พุงกระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ แล้วก็คิดได้ว่า บางทียี่เป็งก็เป็นแค่แมว แต่ยี่เป็งไม่ได้เป็นแมวทั่วๆ ไป


เหมือนคนๆ หนึ่ง ที่ไม่สมบูรณ์นักในการมีชีวิต เหมือนของมีตำหนิที่ไม่มีใครอยากได้ หากใจแข็งเราก็มักทิ้งของเหล่านั้นไปเสีย ไม่เก็บไว้ให้รกบ้าน แต่เราทำอย่างนั้นไม่ได้กับสิ่งที่มีชีวิต ไม่ว่ายี่เป็งจะเป็นอย่างไร มันก็คือเพื่อนของฉัน และซ้ำยังเป็นเพื่อนที่สอนให้ฉันรู้จักให้อภัยมากกว่าสิ่งอื่นๆ ที่ฉันได้พบ สอนให้ฉันหัวเราะทั้งที่ต้องเก็บกวาดอึและฉี่ไม่เป็นที่เป็นทาง สอนให้ฉันปล่อยวางเวลาข้าวของเสียหายและหามาใหม่โดยไม่สามารถเรียกความเสียหายจากมันได้ เหมือนเรื่องอื่นๆ อีกมากในชีวิต ที่เราต้องยอมเสียใจและอย่าไปคิดที่จะเอาคืน


ไม่มีการคาดหวัง ไม่มีความทุกข์จากสิ่งที่เราอยู่ร่วม นั่นคือสิ่งที่ยี่เป็งกำลังสอนฉัน ผ่านไป
2 ปี โลกที่หมุนช้าๆ ของยี่เป็ง ทำโลกหมุนเร็วของฉันให้ช้าลงไปด้วย และฉันกลับพบความรักอีกรูปแบบหนึ่ง รักสิ่งที่มีตำหนิชิ้นนี้ และชิ้นอื่นๆ อีกมากในโลก โดยไม่คาดหวังให้มันเป็นสิ่งที่สมบูรณ์ แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกสมบูรณ์มากที่สุด


ในตัวของฉันเอง

 

 

 

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
เมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาปลูกบ้านอยู่ริมแม่น้ำ เขายิ้มให้กับชีวิตพลางบอกลูกเมียว่า อยากกินปลามื้อไหนขอให้บอก จะเอาตัวเล็กตัวใหญ่ แค่คว้าแห คว้าไซ เบ็ดตกปลา หรือเดินดุ่มลงไปยกยอ ไม่เกิน 15 เท่านั้น ก็จะมีปลามาแกงได้ทั้งหม้อน้ำแม่โก๋นข้างบ้านพ่อชุม
วาดวลี
๑.นอนพักเถิด มวลมิตร ที่ชิดใกล้เก็บแรงไว้คุ้ยหาเศษอาหารฟ้าสวยสวย พื้นที่กว้าง ที่กลางลานคือสวรรค์สถาน ของผองเราอย่าไปเครียด จริงจัง เลยวันพรุ่งเดี๋ยวก็รุ่ง เดี๋ยวก็ค่ำ เหมือนวันเก่ารู้วิถี ตัวตน บนทางเราอย่าเกะกะใครเขาก็เท่านั้นเราเป็นชนกลุ่มน้อยด้อยในโลกจะส่งซึ่ง ภาษาโศก ภาษาขันก็หามีใครฟังเจ้าทั้งนั้นคนอื่นล้วน สื่อสารกัน ภาษาเขา
วาดวลี
“เขาขนทรายกันตรงไหนคะ”ฉันเอ่ยถามเสียงเบาๆ หากจะให้เดาก็คงเป็นที่วัด แต่วัดในบริเวณนี้มีตั้งหลายแห่ง และก็ไม่ได้อยู่ติดกับแม่น้ำแบบวัดใหญ่ของอีกฝั่งฟากถนน วัดใหญ่นั้น ตีเขตไปเป็นอีกตำบล อีกอำเภอหนึ่ง ซึ่งเดาได้ว่า คนในหมู่บ้านฉัน คงไม่ได้ไปทำบุญกันที่นั่น พี่สาวใจดีข้างบ้าน บอกฉันทุกเรื่อง ในสิ่งที่ฉันสงสัย จะว่าไป มีเพียงครอบครัวเดียวที่ฉันรู้จักมักคุ้น แม้จะย้ายบ้านมาได้หลายเดือนแล้ว คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ ออกไปใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน เราเจอกันยามค่ำ ก็ยิ้มให้กันไปมา แล้วต่างแยกย้ายกันไป แค่เวลา 2 ทุ่มกว่า ทั้งหมู่บ้านก็เงียบสนิท มีเพียงฉันที่เปิดไฟทำงานจนถึงดึกดื่นจะสงกรานต์แล้ว…
วาดวลี
“ฝนกำลังตกซิๆ”เสียงตามสายโทรศัพท์จากเพื่อนหนุ่มที่ฉันเคยเขียนถึงเมื่อตอนที่แล้ว เอ่ยบอกเล่าเบาๆ ถึงสิ่งที่กำลังอยู่ในชีวิตเขาของในเช้าวันนี้คนทางนี้เรียกสายฝนด้วยคำนั้น “ฝนตกซิๆ” บางครั้ง ฉันก็ชอบลักษณะฝนอย่างว่า ด้วยเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน จะมีอะไรสุขใจไปกว่าการได้นั่งดูสายฝนที่ไม่มีลมแรงๆ ให้ต้องหวาดกลัว อากาศเย็นสบาย จิบชาอุ่นๆ แล้วนั่งทำงาน แต่ก็อดเห็นใจไม่ได้ ถึงคนที่กำลังเดินทาง หรือคนทำมาค้าขาย  อาการฝนตกซิๆ นั่นคือเรื่องรำคาญใจ และรบกวนการทำงานอย่างยิ่ง วูบนั้น ฉันก็นึกไปถึง ป้ายสุภาษิตหน้าวัดต้นปิน ซึ่งเขียนไว้บนแผ่นไม้ติดผนังวัดว่า “ฝนตกซิๆ นานเอื้อน หมาขี้เรื้อน นานต๋าย”…
วาดวลี
“ผมจะย้ายกลับบ้านเกิดแล้วนะ” อีกครั้ง ที่เพื่อนชายคนเดิม คนที่ฉันเคยช่วยเก็บข้าวของเมื่อปีก่อน บอกกับฉันในต้นปลายเดือนมีนาคมของปีนี้ถึงเรื่องการย้ายกลับภูมิลำเนาเกิดไปยังอำเภอฝาง บ่ายที่แดดจัดจ้านนั้น ฉันจำได้ดีถึงประกายนัยน์ตามุ่งมั่นของเขา เมื่อหกเดือนที่แล้ว ................  
วาดวลี
อาจด้วยความเมตตาของผืนฟ้า และความปราณีของผืนดิน ที่ยังคงให้เราได้หายใจหายคอได้อยู่  ทั้งที่ “อะไรที่มองไม่เห็นในอากาศ” นั้น กำลังมาบอกอย่างโต้งๆ ว่า โลกไม่ใช่แค่กำลังร้อน แต่มันกำลังเสื่อมสลายและผุกร่อน“ขี่รถไปไหนแสบตามากเลย หายใจไม่ค่อยออก”คนรู้จักของฉันเล่าให้ฟัง ฉันได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย เพราะอาการก็ไม่ต่างกัน เมื่อวานนี้ ฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์คนที่บ้านขี่เลียบน้ำปิงไปยังเขตเมือง ใบไม้ร่วงกราวจากพายุที่ก่อตัวตั้งเค้ามาในช่วงบ่าย ใบไม้แห้งสีน้ำตาลกรอบกระจายไปถ้วนทั่วท้องถนนและผืนหญ้าบนสวนสาธารณะ บางแห่งพัดปลิวเอาเศษกระดาษ ถุงพลาสติก วนอยู่ในอากาศ ก่อนจะร่วงไปตกลงในลำน้ำปิง…
วาดวลี
หลายปีก่อน หญิงสาวรูปร่างบางตาคมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นน้อง เอ่ยกับฉันว่าการหอบสัมภาระเพื่อย้ายจาก “บ้านเช่า” ไป “บ้านใหม่” ที่เธอเป็นเจ้าของนั้น ต้องเก็บไปให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระของคนมาทีหลัง “อะไรเอาไปได้ก็เอาไป ยกเว้นก็แต่ต้นไม้ มันโตจนเกินกว่าที่จะขุดขึ้นมา”ฉันไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเธอเลยในหลายปีมานี้ แต่พอจะรับรู้ได้ว่า คนรักต้นไม้แบบเธอนั้นเพียรพยายามปลูกสารพัดต้นไม้เท่าที่ผืนดินจะอำนวย นอกจากต้นโมก ดอกแก้ว หรือพลูด่างแล้วเธอยังมีพืชสวนครัว เช่น ตะไคร้ พริก โหระพา เพื่อเอาไว้ทำกับข้าว แต่ฉันเดาเอาว่าเธอคงปลูกทั้งต้นมะม่วง จำปี กระทั่งฝรั่งหรือขนุน…
วาดวลี
"มีลูกแมวเพิ่งออกลูกตั้งหลายตัวแน่ะ""มันอยู่ตรงไหนคะ" "นั่นไง หลบอยู่หลังป้ายหาเสียงน่ะ"คนบอกชี้นิ้วไปยังบริเวณริมรั้วที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ฉันอดไม่ได้ ที่จะจำใจมองไปยังป้ายโฆษณาหาเสียงขนาดใหญ่ สูงท่วมหัวตั้งโด่เด่อยู่เพียงอันเดียวในหมู่บ้าน  ป้ายอันนั้นทำด้วยไม้อัดเรียงต่อกัน แปะทับเข้าไปด้วยไวนิลพิมพ์ภาพ 4 สีสดใส ใบหน้าผุดผ่อง ขาวนวลและริมฝีปากแดงระเรื่อ ดูมีอำนาจวาสนาและความรู้ แต่ในเมื่อไม่มีป้ายหาเสียงของใครอื่นมาเทียบเคียงอีกเลย ฉันจึงคิดเล่นๆว่า  ดูท่าทางเขาไม่ใช่ผู้ลงสมัครระดับธรรมดา และบ้านหลังนั้นที่มีรถหาเสียงหลายๆ คันทยอยกันมาจอดชุมนุม…
วาดวลี
“เธอดูโน่นสิ แดดออกแล้ว แต่ฝนยังตกอยู่เลย”ฉันเอ่ยเสียงดัง แล้วละสายตาจากคอมพิวเตอร์ ออกมายืนยังประตูบ้าน กลิ่นไอฝนกระทบกับผืนดินแตะปลายจมูก  สูดกลิ่นเข้าไปเต็มปอด พลางพิจารณาแสงแดดที่ค่อยๆ มาแทนที่อย่างเชื่องช้าคนข้างกายลุกขึ้นบ้าง เราสองคนออกมายืนดูสายฝน ที่มีเม็ดเล็กลงเรื่อยๆ ตกช้าลง ช้าลง จนกระทั่งหยุดตก เหลือไว้เพียงก็รอยหมาดฝนบนผืนดิน ใบไม้ และทางเดิน “แบบนี้ต้องมีรุ้งกินน้ำแน่ๆ หิวข้าวหรือยัง”
“อ้าว เกี่ยวกันยังไง” ฉันทำหน้าเบ๋อ พุ่งตัวเข้าไปใกล้เธอในระยะประชิด“แปลว่าเราออกไปหาอะไรกิน แล้วไปดูรุ้งกินน้ำด้วยไง”ฉันยิ้มกริ่ม ถ้าเธอมีเวลาอยู่กับฉันทุกวันก็คงจะดี นานๆ หน…
วาดวลี
ก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์แล้วล่ะ  ที่ฉันไปยืนอยู่ตรงนั้นแล้วพยายามจะนับดูว่า ดอกทิวลิปที่ก้านอวบ กลีบสวย ในสวนตรงนี้ มีจำนวนกี่สีกันแน่มวลหมู่ไม้มากมาย พืชพันธุ์ทั้งไทยและฝรั่ง ผลิบานแสดงความแข็งแรงต่ออากาศหนาวยามเช้า และแดดจัดยามบ่ายในบริเวณสวนสาธารณะของหาดเชียงราย แม้มันจะไม่ได้เกิดและเติบโตที่นั่น แต่ถูกเพาะปลูกเลี้ยงดูด้วยการทดลอง กระทั่งเมื่อสำเร็จผล ก็ถูกขนย้าย มาลงบนผืนดินชั่วคราวเพื่อแสดงงานดอกไม้ดอกทิวลิป ลิลลี่ บานชื่อพันธุ์ใหม่ และดอกไม้ชื่อแปลกหูอีกหลายชนิด เบ่งบานอวดสีสันอยู่ไม่ไกลนักจากลำน้ำกกที่พากันไหลอ้อยสร้อย เชื่องช้าไม่เพียงแต่ทดสอบความทนทานของดอกไม้ต่ออากาศเท่านั้น…
วาดวลี
อากาศขมุกขมัว เริ่มต้นมาได้หลายวันแล้ว ขณะที่หมอกบางเพิ่งจางลงไปในตอนเช้า ตอนสายๆ ของฤดูหนาวกลับมีเม็ดฝนมาเยือน คนในครอบครัวต้องปรับตัวในการออกไปทำงาน  ด้วยการใส่ทั้งเสื้อกันหนาวและเสื้อกันฝน ส่วนฉัน ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปติดอยู่ที่แผงขายผักเล็กๆ ในหมู่บ้าน คุณยายมองดูสายฝนที่หนาหนักลงมา แล้วก็ถอนหายใจ"อย่าเพิ่งกลับเลยหนู รอให้ฝนซาก่อน"เขาบอกฉันอย่างมีไมตรี แล้วชวนให้เข้าไปหลบฝนด้านในร้าน เหลือบไปมองถนน บางคนฝ่าเม็ดฝนไปไม่กลัวเปียก บางคนทำท่าเก้ๆ กังๆแล้วบทสนทนาของฝนหลงฤดูก็เกิดขึ้น"มันแปลกจริงๆ ฝนจะมาช่วงนี้ได้ยังไง""อากาศวิปริต""จะเข้าหน้าร้อนแล้วก็แบบนี้แหละ ฝนหัวปี""เฮ้ย ยังไม่ถึง"…
วาดวลี
ผู้ชายคนนั้นเหมือนไม่สนใจใครเลยเขาย่ำเท้าหนักๆ ลงบนผืนทราย บุ๋มเป็นรอยเท้าทับซ้อนกันไปมา เขาง่วนอยู่กับข้าวของบางอย่างตรงหน้า แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะลืม ว่าเวลาที่ตะวันยามเช้าสะท้อนแม่น้ำจนเป็นสีเหลืองนวลนั้นสวยงามเพียงใดหาดทรายริมแม่น้ำโขงที่ฉันมาเยือน อยู่ในความสนใจของนักเดินทาง โลกนัดเวลาให้เราไว้แล้ว สำหรับการตื่นในที่แปลกถิ่นและออกมาสูดอากาศ หากตื่นเช้ากว่าใครเพื่อน เราจะมองเห็น ผู้คนทยอยโผล่หน้าออกจากเกสเฮาส์ที่เรียงรายกันตลอดริมฝั่ง บ้างก็ลงมาเดินเล่น บ้างก็กางขาตั้งกล้องรอเอาไว้ เพื่อจะได้กดชัตเตอร์เมื่อดวงตะวันกลมโตสีแดงโผล่พ้นทิวเขาหลังแม่น้ำขึ้นมา…