Skip to main content

ไม่มีประชาธิปไตยแน่ ๆ คือสภาตรายางและการเลือกตั้งที่มีเก๊ทั้งนั้น หลังฉากจัดตั้งของพรรคคุมเข้มตลอด, ประชาชนลำบากเดือดร้อนก็หาทางประท้วงต่อต้านนโยบายรัฐลำบาก การรอนสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของประชาชนหนักข้อมาก และไม่มีหลักนิติรัฐครับ ยืนยันได้ว่าไม่มี เพราะพรรคอยู่เหนือศาลและอยู่เหนือความพร้อมรับผิดทางการเมืองและกฎหมาย

ที่มาภาพจาก eng.mod.gov.cn

Kasian Tejapira(23/11/55)

 

คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ ตั้งปุจฉาว่า:
"วันก่อน ...... TNews พูดใน FM 101 เรื่องประเทศไทยควรใช้โมเดลจีน คือมีพรรคการเมืองเดียว แล้วเสรีเรื่องเศรษฐกิจ ไทยไม่ควรเดิน ปชต ตามตะวันตก เพราะตะวันตกไปไม่รอด แต่จีนดีกว่ามาก น้านนนน
 
ทีแรกก็ คิดว่ามีคนบ้าอยู่ไม่กี่คน แต่ที่ไหนได้ ผมไปประชุมในวงหนึ่ง ซึ่งก็พวกที่ไปสนามม้านั่นแหละ ที่ต้องไปเพราะมันเกี่ยวกับงานของมูลนิธิ แต่พอหลังเวที เราคุยกันเรื่องการเมือง เพราะเขารู้ว่าผมรณรงค์ใส่ชุดหนาว มีการแซวกันไปมาพอสมควร แต่ที่ผมตกใจคือ พวกนี้คุยกันเรื่อง จีนโมเดล และอธิบายแบบที่.......พูดว่า ควรมีพรรคการเมืองเหลือพรรคเดียว
 
เห็นทีต้องขอแรง อ.ช่วยอธิบายเรื่องจีนโมเดล กับ ประชาธิปไตยแบบมีพรรคการเมืองเดียว"
สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด
 
ผมทดลองตอบขั้นต้นว่า:
 
โมเดลจีนโดยแก่นแท้ผมเห็นว่าเป็น authoritarian capitalism คือเศรษฐกิจทุนนิยมภายใต้การเมืองแบบอำนาจนิยม จะเรียกว่า market stalinism (ลัทธิสตาลินแบบอิงตลาด) ก็ได้ ถ้ามองจากมุมซ้าย
 
ผมไม่แปลกใจที่มีคนเพ้อฝันถึงมัน เอาเฉพาะหน้า มี ๓ เรื่องต้องคิด
 
๑) ไม่มีประชาธิปไตยแน่ ๆ คือสภาตรายางและการเลือกตั้งที่มีเก๊ทั้งนั้น หลังฉากจัดตั้งของพรรคคุมเข้มตลอด
 
๒) ประชาชนลำบากเดือดร้อนก็หาทางประท้วงต่อต้านนโยบายรัฐลำบาก การรอนสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของประชาชนหนักข้อมาก เมืองไทยเฮง ๆ ซวย ๆ ก็ยังดีกว่าเยอะ คือมีสื่อเสรี มีองค์กรประชาชน ถ้าเอาแบบจีน สมัชชาคนจนอยู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ และทีวีเสรีต่าง ๆ จะถูกคุมหนักกว่ากรมประชาสัมพันธ์อีก
 
๓) ไม่มีหลักนิติรัฐครับ ยืนยันได้ว่าไม่มี เพราะพรรคอยู่เหนือศาลและอยู่เหนือความพร้อมรับผิดทางการเมืองและกฎหมาย
 
เอาเข้าจริง ทักษิณและพรรคไทยรักไทยยุคแรกมีช่วงที่เพ้อฝันถึงรูปแบบเศรษฐกิจการเมืองทุนนิยมอำนาจนิยมเช่นกัน จึงอยากจะเป็นแบบสิงคโปร์/มาเลเซีย และหนังเรื่อง Hero ที่ให้ความชอบธรรมกับทรราชย์จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นที่จับใจของผู้เชียร์ทักษิณ หลายคน เช่น อ.สุวินัย ภรณวลัย (สมัยนั้น) เป็นต้น แต่พอเจอกับพลังอำมาตย์เข้าและต้องพึ่งพลังประชาชนเสื้อแดง ทักษิณจึงหันมามีท่าทีเสรีประชาธิปไตยบ้าง
ภาพยนตร์ The Hero วีรบุรุษไร้นามทลายมังกร
 
ที่บอกว่าจีนมีพรรคเดียวนั้น จริงแค่กึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งคือพรรคคอมมิวนิสต์เสมือนพระผู้เป็นเจ้า ใช้อำนาจอภินิหารอยู่ทุกหนแห่งแต่ไม่มีใครมองเห็น หมายความว่า ใช้อำนาจผ่านหน่วยจัดตั้งพรรคที่ซ่อนรูปอยู่ในองค์การรัฐและเอกชนต่าง ๆ เต็มไปหมด คอยชี้นำบงการอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่มีตัวตนให้ถูกฟ้องร้องรับผิดชอบทางแพ่งหรือทางอาญาได้เลย อำนาจแบบไม่เป็นทางการและลับ ๆ ล่อ ๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนี้ มีส่วนคล้ายอำนาจของเครือข่ายอำมาตย์อยู่ คือเป็น informal power ทำให้สามารถชี้นำการตัดสินใจขององค์รทางการของรัฐอยู่หลังฉากได้ แต่ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ทางกฎหมาย
 
ถ้าคุณสมบัติถูกนสพ.ของรัฐบาลจีนรังแกกล่าวหา คุณสมบัติก็ฟ้องได้แต่นสพ.หรือหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ โอกาสชนะน้อยมาก เพราะศาลไม่อิสระ (ตุลาการมีหน้าที่รับใช้การปฏิวัติจ้า และพรรคเป็นแกนนำกองหน้าของการปฏิวัติ) แต่คุณสมบัติจะไม่มีวันเอื้อมถึงพรรคเลย
 
พวกที่พูด ๆ กันเนี่ยไม่รู้เรื่องหรอกครับ เห็นแต่ผิวเผินฉาบฉวย บ้าบรม พอเห็นจีนรวย ก็อวยตามเขา ไม่รู้ว่าแก่นแท้เป็นไง และยังมีหน้ามาอ้าง “ความเป็นไทย” “เอกลักษณ์ไทย” หาว่าคนที่ค้านตน “ตามก้นฝรั่ง” ทีตัวเอง “ตามก้นจีน” แนบชิดกลับบอกว่า “พังซี่อ้า” บ่อเถ่าบ่อเน่า

บล็อกของ เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ
ด้วยความระลึกถึงจาก "พวกดอกเตอร์สมองบวมบนหอคอยงาช้างทั้งหลาย" ต้องสู้กับทักษิณด้วยระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ทำลายระบอบประชาธิปไตย ต้องเอาชนะทักษิณด้วยการชนะใจเสียงข้างมาก ไม่ใช่ต่อต้านเสียงข้างมาก
เกษียร เตชะพีระ
คำปราศรัยของคุณสุเทพ ณ กปปส.บ่ายวันนี้ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ  คือคำประกาศของขบวนการการเมืองแบบสู้รบของเสียงข้างน้อยที่ปฏิเสธความเสมอภาคทางการเมืองและการปกครองโดยเสียงข้างมาก
เกษียร เตชะพีระ
ว่าด้วย "ระบอบทักษิณ" ในสถานการณ์ปฏิวัติโค่นล้ม "ระบอบทักษิณ" ของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.)
เกษียร เตชะพีระ
ด้วยเงื่อนไขเวลา สถานที่ แกนนำและประเด็นชนวนที่ต่างออกไปบ้าง ม็อบเทพเทือกปัจจุบันกับม็อบพันธมิตรฯเมื่อปี 2549 + 2551 ละม้ายเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียวทั้งในแง่....
เกษียร เตชะพีระ
 "เสียงข้างน้อย" ที่ศาลรัฐธรรมนูญพูดถึงว่าต้องปกป้องไว้จากอำนาจเสียงข้างมากนั้น ไม่ใช่เสียงข้างน้อยธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย แต่คืออภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยในระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบที่ได้อำนาจอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นและเหนือเสียงข้างมากมาจากการรัฐประหารและรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยอำนาจรัฐประหารนั้น
เกษียร เตชะพีระ
กลุ่มอาการม็อบไทย ๆ ในปัจจุบัน: Thai Mob SyndromeOverpoliticization --> Political Fanaticism & Instant Political Awakening --> Lack of Political Experience and Patience
เกษียร เตชะพีระ
บทความ “A Sea of Dissent: nonviolent waves in China” ของ Michael Caster นักวิจัยและเคลื่อนไหวอิสระผู้เน้นศึกษาเรื่องความขัดแย้งและสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะในเอเชีย ได้ประมวลข้อมูลและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวมวลชนระยะใกล้ในจีนไว้อย่างน่าสนใจ ผมขอนำมาเล่าต่อบางส่วนดังนี้
เกษียร เตชะพีระ
สิ่งที่พึงปรารถนาไม่ใช่ "ให้คนเราเหมือนกันหมด จะได้เท่ากัน" (เอาเข้าจริง ถึงเหมือนกันก็ไม่เท่ากันได้) แต่คือ "แตกต่างแต่เท่ากัน" (เพราะมันคนละเรื่อง) หรือ "แตกต่างกันได้โดยไม่ต้องกลัว" ต่างหาก (Different but equal or To be different without fear.)
เกษียร เตชะพีระ
บทสัมภาษณ์ ควินติน สกินเนอร์ นักวิชาการด้านประวัติความคิดการเมืองชาวอังกฤษสำคัญที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบันต่อประเด็นเกี่ยวกับงานค้นคว้าประวัติความคิดเรื่องเสรีภาพและ เสรีนิยมของตะวันตกตลอดชีวิตของเขาโดยภาพรวม แนวคิดมหาชนรัฐ, มาเคียเวลลี, ฮ๊อบส์, การปฏิรูปศาสนา, เชคสเปียร์, มิลตัน, คาร์ล มาร์กซ จนถึงเอ็ดเวิร์ด สโนว์เด็น เป็นต้น
เกษียร เตชะพีระ
 ว่าด้วย "เจ็ดไม่พูด"(ชีปู้เจียง) แคมเปนอุดมการณ์ล่าสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คุณค่าสากล, เสรีภาพการพูดและพิมพ์โฆษณา, สิทธิพลเมือง, ประชาสังคม, ความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน, กระฎุมพีข้าราชการ และความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการ