Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
ontheland
เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม 2552  พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้นำกองกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประมาณ 40 คันรถ จาก สภ.อ.ชัยบุรี   สภ.อ.พระแสง และเมืองสุราษฎร์ธานี เข้าตรวจค้น อาวุธ ยาเสพติด ในชุมชนบ้านคลองไทร ต.ไทรงาม อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายโครงการนำร่องโฉนดชุมชน ของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย(คปท.) โดยสุ่มค้น บ้านของชาวบ้านประมาณ 20 หลังคาเรือน โดยอ้างหมายศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นหลักฐานในการขอเข้าตรวจค้น จนสร้างความมึนงงให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านซึ่งไม่ทราบสาเหตุในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้  หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางกลับ พร้อมกับความมึนงงของชาวบ้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนผ่านไปไม่กี่นาที ได้มีกองกำลังชุดคุ้มครองหมู่บ้าน(ชล.บ) ประมาณ 40 นาย นำโดย นายประสพโชค มรกต กำนัน ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ และนายอาวุฒิ ร่มจิต กำนัน ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ฯ เข้ามาในหมู่บ้านพร้อมด้วยรถแทร็กเตอร์(รถไถจาน) จำนวน 3 คัน ทราบภายหลังว่า เป็นรถไถของบริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด เพื่อทำการไถดัน ทำลายบ้านเรือนที่พักอาศัยของสมาชิกชุมชนคลองไทร จนได้รับความเสียหายจำนวน 60 หลังคาเรือน รวมถึงศาลาประชุมของหมู่บ้านอีก 1 หลัง รวมมูลค่าความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 3,000,000 บาท   หลังจากนั้น เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น.ของวันเดียวกัน ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ แต่ฝ่ายตำรวจไม่รับแจ้ง                ------------------------------------------------------------------------------- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุรพล : 081-370-2502   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เช็กบิลนายทุนฮุบที่ดินแปลงใหญ่ในเขตปฏิรูป  เช็กบิลนายทุนฮุบที่ดินแปลงใหญ่ในเขตปฏิรูป นายสถิตย์พงษ์ สุดชูเกียรติ ผู้ เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมายปฏิรูปที่ดิน โฆษกสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.ป.ก.ได้เร่ง ยื่นฟ้องขับไล่ผู้ถือครองที่ดินแปลงใหญ่ที่ถือครองที่ดินอยู่เดิมในเขตปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ล่าสุด ส.ป.ก.ได้ยื่นฟ้องต่อศาลให้ดำเนินคดีบริษัท จิวกังจุ้ย พัฒนา จำกัด ซึ่งถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมายในเขตปฏิรูปที่ดินคาบเกี่ยวพื้นที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และกระบี่ รวมเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ เนื่องจากไม่ให้ความร่วมมือและไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายปฏิรูปที่ดิน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดกระบี่ได้มีคำพิพากษาให้ ส.ป.ก.ชนะคดี โดยวินิจฉัยว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก.ตามมาตรา 36 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตร กรรมฯ บริษัท จิวกังจุ้ยฯจึงไม่มีสิทธิที่จะถือครองทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. และสั่งให้บริษัทจิวกังจุ้ยฯพร้อมบริวารออกจากที่ดินผืนนี้ โดยให้รื้อถอนอาคาร และสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินและส่งมอบที่ดินคืนให้กับ ส.ป.ก.โดยเร็ว ?ในปี 2551 ส.ป.ก.ได้กำหนดมาตรการที่จะดำเนินการกับผู้ครอบครองและ ใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูป 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเกษตรกรรายแปลง ที่ได้รับการจัดที่ดินจาก ส.ป.ก.ไปแล้วจำนวน 1.69 ล้านราย เนื้อที่กว่า 27.6 ล้านไร่ โดยจะเร่งเจรจาลดขนาดการใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงตามศักยภาพของเกษตรกร พร้อมดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบ หากตรวจพบว่ามีการโอนเปลี่ยน มือหรือไม่เข้าทำประโยชน์ 2.กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อกิจการสาธารณูปโภค เช่น ขอใช้ที่ดินสร้างสถานที่ราชการ สถานศึกษา วัด ฯลฯ หากตรวจสอบพบว่า มีการใช้ประโยชน์ไม่เต็มพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตหรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะสั่งเพิกถอนการอนุญาตหรือลดขนาดพื้นที่ 3.กลุ่มภาคเอกชน ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ ในที่ดินเพื่อกิจการสาธารณูปโภค หรือกิจการเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน หรือได้รับความยินยอมให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินตามกฎหมายอื่น เช่น การขอสำรวจแร่ ทำเหมืองแร่ หากพบว่าใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ หรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและ สิ่งแวดล้อม จะดำเนินการเพิกถอนทันที และ 4.กลุ่มเกษตร/บุคคล ที่ไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน เช่น นายทุนที่ถือครองที่ดินแปลงใหญ่ จะเร่งเจรจาและดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ถือครองที่ดินแปลงใหญ่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ให้เข้าร่วมกระบวนการปฏิรูปเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป? นายสถิตย์พงษ์ กล่าว. ที่มา : เว็บไซต์ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.) http://www.alro.go.th/alro/alro_prov/template/newspaper_2.jsp?provCode=08&newsNo=36
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก แม่ได้เล่าถึงพิธีกรรมในการเรียกขวัญลูกในบทบันทึกที่ผ่านมา แม่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีพิธีกรรมเกี่ยวกับแม่ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของแม่เช่นกัน
กวีประชาไท
สีคนรวมก่อขึ้น                 เป็นมา เล่าแลด้วยเชื่อถือศรัทธา             แกร่งกล้าบริสุทธิ์ดุจมหา -               กษัตริย์ พิศพึงกระทั่งทุกข์ทายท้า            ต่อนี้หน้าหลัง ฯลฯ เสียงสีที่มีไซร้                  ที่ขานไข ที่ใฝ่หวังจาก ๒๔๗๕ ครั้ง              จากเหตุหวน ให้ปรวนแปร ฯ
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำขณะนี้หลายท่านคงจะรู้สึกกังวลร่วมกันว่า ราคาน้ำมันกำลังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นจนอาจถึงหรือสูงกว่าเมื่อกลางปี 2551 (ดูกราฟประกอบ-ต่ำสุดเดือนธันวาคม 2551 ที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จนมาถึงเกือบ 80 ในเดือนสิงหาคมปีนี้)   ซึ่งจะนำความเดือดร้อนมาสู่เรามากน้อยแค่ไหนก็คงพอจะนึกกันออก
ชาน่า
วันก่อนได้คุยกับเพื่อนชาวต่างชาติ เค้าแนะนำให้ชาน่าไปหาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Prayers for Bobby ซึ่งมีการนำหนังสือเล่มนี้มาทำเป็นหนังทีวีด้วย ด้วยความที่อยากรู้ จึงเสาะแสวงหา ค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือและหนังเรื่องนี้ โดยชาน่าคิดว่ามันน่าจะเป็นตัวอย่างของสมาชิกภายในครอบครัวในทุกสังคมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสังคมนั้นจะนับถือศาสนาใด จะมีความเคร่งครัด ระเบียบจัดแค่ไหน
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
  พี่โด้กำลังผ่อนคลาย
มาลำ
ตอนเด็กๆ ฉันเป็นเด็กที่น่ารังเกียจ ขี้โกรธ เอาแต่ใจตัวเอง สกปรก ชอบเกี่ยงงานให้พี่สาวทำงานหนักจนตัวแคระแกร็น ส่วนตัวชอบหนีเที่ยว ไปเก็บเห็ดบ้าง ไปตกปลาบ้าง ทั้งที่รู้ว่า กลับมาบ้านแม่จะตีฉันจนยับเยิน หากแต่ฉันไม่เคยนึกกลัว เจ็บแล้วหายวันรุ่งขึ้นไปใหม่
โดย DJ.M
1. ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเรา คือ ตัวเอง คนเราส่วนใหญ่มักนึกว่า คนที่ไม่ดีกับเรา คือศัตรูของเรา แต่ว่าโดยความเป็นจริงแล้ว ศัตรูที่สำคัญที่สุดไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นตัวเราเอง เพราะว่า ศัตรู นอกกายเรามองเห็นได้ง่าย ง่ายที่จะป้องกัน แต่สำหรับตัวเองแล้ว ยากที่จะรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ ยากที่จะบังคับตัวเองได้ ตัวเราไม่สามารถจะห้าม กิเลสและความ โลภได้ นิสัย ความโกรธแค้นก็ไม่สามารถระงับได้ เลยกลายมาเป็น ตัวเองเป็นศัตรูกับตัวเอง เที่ยวไปหา เรื่องและนำความเดือดร้อนมาใส่ตัว 2. โรคประจำตัวที่ร้ายแรงที่สุดของเรา คือ ความเห็นแก่ตัว ร่างกายของคนเรามีเลือดเนื้อ ย่อมจะหลีกหนีไม่พ้นที่จะ มีการแก่ ป่วย ตาย แต่ว่าความเจ็บป่วยในใจร้ายแรงกว่า ความเจ็บป่วยในใจคืออะไร คือความเห็นแก่ตัว เพราะความ เห็นแก่ตัวจึงทำให้มีจิตใจคับแคบ ดังนั้น นอกจากเราจะ ต้องดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ให้เจ็บป่วยแล้ว ยังต้องรักษา ความเห็นแก่ตัวในใจให้หายด้วย 3 สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดของคนเรา คือ ความไม่รู้ คนเราไม่ใช่ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ไม่มีอำนาจวาสนา ไม่มีงานทำ แต่เป็นความไม่รู้ ไม่เข้าใจความเป็นจริงของโลก ไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆในโลก ล้วนเกิดจากเหตุและปัจจัย มีเหตุต้นผลกรรม 4. สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ การมีมุมมองที่ผิด คนเราเมื่อทำความผิดแล้ว หากเป็นความผิดพลาดเรื่องงาน ยังทำการแก้ไขได้ มุมมองที่ผิด ความคิดที่ผิด ไม่แต่ไม่รู้จัก แก้ไขให้ถูก แต่ยังคิดว่าตัวเองคิดถูกทำถูก นี่เป็นสิ่งที่คนใน สังคมยุคปัจจุบันเป็นกันมากที่สุด เป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ 5. ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ของคนเรา คือ ความเย่อหยิ่ง ดังคำที่ว่า “ความอ่อนน้อมถ่อมตนมักจะนำผลประโยชน์มาให้ แต่ความเย่อหยิ่งจองหองมักจะนำโทษมาให้” คนเราไปไหนหากนึกแต่ว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเลอเลิศ ไม่ว่าจะไป ที่ไหน ย่อมไม่ได้การต้อนรับจากที่นั่น ดังนั้นความเย่อหยิ่ง จองหอง จึงเป็นความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ 6. สิ่งที่ทำให้เราทุกข์กังวลที่สุดในชีวิตของ คือ กิเลส มีคนบอกว่าโลกของเราเต็มไปด้วยความทุกข์ เศร้า กังวล อะไรคือความทุกข์ที่สุดหรือ? บางคนบอกว่า ปากท้อง บางคนบอกว่า ความรัก แต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้เราทุกข์กังวลมากที่สุดคือ กิเลส ทรัพย์สินเงินทอง รูปร่างหน้าตา อาหารการกิน ลาภยศ วาสนา สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เราอยากมี อยากเป็น เมื่ออยากได้ไม่รู้จักพอ ย่อมเกิดความทุกข์กังวล จึงเป็นเหตุให้เราทุกข์ไม่มีสิ้นสุด 7. สิ่งที่ทำให้เราไม่รู้ที่สุด คือ ความโกรธแค้น ไม่รู้คือความไม่เข้าใจในเหตุผลต่างๆ เมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่สมหวัง ดังใจ ก็โกรธ เพ่งโทษผู้อื่น โกรธเคืองฟ้าดิน แม้แต่แม้กับคนในครอบครัว สังคม หรือประเทศชาติ หรือขณะที่เคืองแค้นก็ขว้างปา ทำลายสิ่งของของตัวเอง นี่คือความไม่รู้ที่สุดของคนเรา ไม่เคยโทษตัวเอง ได้แต่โทษผู้อื่น 8. สิ่งที่คนเราเป็นห่วงกังวลที่สุด คือ ความเป็นความตาย ยังมีชีวิตอยู่ก็ชิงดีชิงเด่น อยากมีชื่อเสียง กลั่นแกล้งผู้อื่น ครั้นเมื่ออนิจจังมาถึง ก็กลัว หน้าที่การงาน ทรัพย์สมบัติ ความรัก จะหายไปในชั่วพริบตา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ก็เป็นห่วงกังวลได้ทุกขณะ 9. ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเรา คือ การไปทำร้ายผู้อื่น ทำลายชีวิตของผู้อื่น ทำลายชื่อเสียง ขโมย หรือล่วงละเมิดทางเพศ หรือทำสิ่งไม่ดีต่างๆนานา 10. สิ่งที่ลำบากใจที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ ถูกผิด มีคนพูดว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องมีถูกผิด ถูกหรือผิด สร้างความลำบากใจ ให้เราได้ไม่มากก็น้อย ความถูกผิดมีได้ทุกที่ หากเราไม่ไปฟังเรื่องราวของผู้อื่น ก็ย่อมจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เราไม่ไปฟังเรื่องราวของผู้อื่น ไม่ไปต่อความยาวสาวความ ยืดของผู้อื่น ก็ไม่ต้องนำความลำบากใจให้กับตนเอง จึงเป็นความพ่าย แพ้ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของคนเรา 11. คุณธรรมอันดีงามที่สุดของคนเรา คือ ความเมตตา ความดีงามของคนเราไม่ได้อยู่ที่ความสวยงาม การมีทรัพย์สินมากมาย มีความสามารถล้นเหลือ ดังนั้นยอมที่จะเป็นคนไม่มีความสามารถอะไร ไม่มีการศึกษา แต่จะไม่ยอมให้ขาดความเมตตา เพราะความเมตตา คือ คุณธรรมอันแท้จริง 12. ความกล้าหาญที่สุดของคนเรา คือ กล้ายอมรับผิด คนเราต้องมีความกล้า ความกล้าไม่ใช่กล้าชกต่อยกับผู้อื่น และก็ไม่ใช่ไปชิงดีชิงเด่นกับผู้อื่น เอาชนะคะคานกับผู้อื่น แต่เป็นการรู้สำนึกว่าบางสิ่งตัวเองไม่ควรพูด ไม่ควรทำอย่างนั้น ไม่ควรไปขัดขวางอย่างนี้ คนที่สามารถรู้สำนึกว่าตัวเองผิด จึงจะเป็นผู้กล้าหาญที่สุด 13. รายรับที่มากที่สุดของคนเรา คือ ความรู้จักพอ ทุกๆคนก็หวังแต่จะให้ตัวเองได้ ตัวเองประสบผลสำเร็จ ได้รับผลประโยชน์ หากไม่รู้จักพอ แม้จะนอนอยู่บนวิมาน กับเหมือนกับนอนอยู่ในนรก หากรู้จักพออยู่ในนรก ก็เหมือนกับอยู่บนวิมาน ดังนั้นความรู้จักพอจึงเป็น เป็นรายรับที่มากที่สุด 14. การบุกเบิกทรัพยากรที่มีอยู่ของตัวเองที่มีค่ามากที่สุด คือความศรัทธา ใครๆ ก็พูดกันว่า ต้องบุกเบิกทรัพยากรมาใช้ ทรัพยากรนั้นไม่ได้หมายถึง สินแร่ในป่า สิ่งล้ำค่าในทะเล และก็ไม่ใช่ก๊าซธรรมชาติ แต่ในความศรัทธามีทรัพย์สิน มีคุณธรรม มีสิ่งล้ำค่า 15. สิ่งที่คนเราควรมีให้มากที่สุด คือ ความรู้สำนึกในบุญคุณของผู้อื่น คนประเภทไหนร่ำรวยที่สุด คนประเภทไหนยากจนที่สุด คนยากจนคือคนที่อยากจะได้อยู่ร่ำไป คนมั่งมีคือคนที่มีแต่ ความรู้สึกขอบคุณ และคิดแต่จะเจือจานช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้น ผู้ที่มีความรู้สึกสำนึกในบุญคุณ ถนอมสิ่งที่ตนมีอยู่ จึงเป็นผู้ที่มีมากที่สุด 16 . สิ่งที่ควรบ่มเพาะให้มีมากที่สุด คือ ความใจกว้าง ทุกคนก็หวังจะให้ตัวเองเป็นผู้มีการศึกษาอบรม ดังมีคำกล่าวว่า “ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความนุ่มนวล แต่จะต้องเคร่งครัดต่อตัวเอง” คนอื่นจะปฏิบัติต่อเราดีหรือไม่ เราก็สามารถเข้าใจ และยอมรับได้ นี่คือสิ่งที่ควรบ่มเพาะให้มีมากที่สุด 17. ต้นทุนที่มากที่สุดของคนเรา คือ ศักดิ์ศรี คนจะเป็นคนได้ต้องมีศักดิ์ศรี ก็เพราะว่าคนเรามีศักดิ์ศรี ด้วยเหตุนี้อะไรก็เสียสละได้ แต่ว่าเมื่อผ่านการบีบคั้นของ ความเสียสละก็ยังคงเหลือศักดิ์ศรีไว้ ดังนั้นสำหรับศักดิ์ศรีความ เป็นคนของทุกคนจึงต้องให้ความสำคัญ และรักษามันไว้ 18. ความปลื้มปีติที่มากที่สุดของคนเรา คือ ความสุขจากรสพระธรรม คนส่วนใหญ่มักจะหาความสุขจากสิ่งล่อที่เป็นกิเลสและวัตถุ เช่นจากคำชมเชยเพียงคำเดียว ก็เป็นปลื้มไปเสียครึ่งวัน แต่ความสุขจากคำชมเชยเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไปแล้ว ความสุขที่ได้จากการมีทรัพย์สิน แต่ว่าทรัพย์สินก็เหมือนสายน้ำไหล ชั่วประเดี๋ยวก็ใช้หมดแล้ว ความสุขที่ได้จากการท่องเที่ยว แต่ว่าพันลี้หมื่นลี้กระพริบตาผ่านไป ความสุขก็ผ่านไป มีความปลื้มปีติเพียงสิ่งเดียวที่จะยังอยู่ตลอดไปคือความสุขจากรสพระธรรม ปีติสุขจากธัมมะ ได้จาก ปัญญา ตัวรู้ และการภาวนา เป็นสิ่งที่สามารถมีได้ตลอดชีวิต ไม่สูญสลายตลอดไป 19. ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเรา คือ ความปลอดภัย ทรัพย์สินเงินทองและเกียรติยศ เป็นสิ่งที่คนปรารถนาอยากมีมากที่สุด แต่ว่าเมื่อได้ทรัพย์สินและชื่อเสียงแล้ว ก็ขาดความปลอดภัย ชีวิตอย่างนี้ย่อมไม่มีความหมาย ดังที่กล่าวว่า ความปลอดภัย สงบสุขคือวาสนา 20 . สิ่งที่ควรจะสร้างให้มีมากที่สุด คือ เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน ประโยชน์สุขของมวลชนได้จาก เมตตาจิต ความมีน้ำใจที่ดีงาม เช่นพูดในสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับทุกคน ทำในสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับทุกคน จะสร้างถนนหรือสร้างสะพาน ขอเพียงให้เป็นประโยชน์กับทุกคน ตัวเองก็ยินดีที่จะเสียสละแรงงานและแรงใจที่จะไปช่วย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
คนไร้ที่ดิน
นักข่าวพลเมือง เทือกเขาบรรทัดหวัดดีจ้า, เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวบ้านไร่เหนือ ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาบรรทัดรอยต่อระหว่างพัทลุงและนครศรีธรรมราช บ้านไร่เหนือก่อตั้งมาหลายร้อยปีแล้ว จากหลักฐานบ่งชี้คือ เครื่องใช้โบราณที่เป็นกระเบื้องและดินเผา โครงกระดูกที่ขุดพบ นอกจากนั้นยังมีสวนผลไม้โบราณ เช่น ทุเรียน มัดคุด มะปริง มะปราง ลางสาด เป็นต้น

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม