Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
คนไร้ที่ดิน
หวัดดีจ้า, 2-3 วันที่ผ่านมาได้พาทีมงานที่จะมาช่วยทำสารคดี หนังสั้น และพ็อคเก็ตบุค  ไปตะลอนทัวร์ชิมผลไม้ ในพื้นที่ทำงาน 3 หมู่บ้านของเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด เลยเก็บมุมงามๆ และอิ่มอกอิ่มใจมาฝาก ตั้งใจยั่วน้ำลายทุกคน อยากชวนไปเก็บผลไม้กินด้วยตัวเองจ้า
โอ ไม้จัตวา
  ไปกินปลาสะแงะมาแล้ว รสชาติและเนื้อคล้าย ๆ กับปลาคังน่ะ ร้านที่ไปกินเป็นร้านอาหารอร่อยด้วยรสมือคนปรุง ชื่อร้านน้องเบส ขอแนะนำ เป็นห้องแถวสองคูหา นอกจากปลาสะแงะที่น่าลิ้มรสแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกเมนูหนึ่งของร้านนี้คือ เห็ดหอมทอดซีอิ้ว ที่มีน้ำจิ้มสีเขียวสูตรของร้านนี้โดยเฉพาะ อร่อยจริง ๆ
ชิ สุวิชาน
เขาเดินลงไปท้ายหมู่บ้าน พร้อมกับบทเพลง" อย่าให้น้ำตาไหลริน"ของ ฉ่า เก โดะ ที  แม่จ๋า อย่าปล่อยให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล            บัดนี้อายุลูกครบ สิบหกบริบูรณ์แล้วดั่งกฎของชายชาติทหารทุกประทศมี                  ลูกต้องทำหน้าที่เพื่อการปฏิวัติพ่อได้สละชีพจนแม่เลี้ยงลูกอย่างกำพร้า             อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ลำเค็ญ แม่ทนถึงคราวลูกชายคนโตต้องไปทำหน้าที่ต่อ             หัวใจของแม่อย่าได้ละลายไปตามไฟเศร้า
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก พ่อกับแม่ต่างเกิดขึ้นมาในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างริบลับ แม่นั้นแม้จะเกิดที่ภาคอีสานของประเทศ แต่ก็ซึมซับวัฒนธรรมอีสานได้เพียงน้อยนิด ก็ต้องมาใช้ชีวิตและเติบโตที่ภาคเหนือจนกระทั่งเมื่อเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย ก็ดูเหมือนจะตัดขาดกับฐานวัฒนธรรมของตัวเอง เพราะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่สังคมชั้นกลางเป็นกระแสหลักอยู่รายล้อม
นาลกะ
ด้วยชื่อเรื่องที่ไม่คุ้นหู และหน้าปกเป็นรูปน้ำตกกลางป่าสวยงาม วรรณกรรมเยาวชนเล่มนี้ชวนให้สะดุดใจและเปิดอ่าน ซึ่งก็ใช้เวลาอ่านไม่นานนักก็จบเล่มเพราะมีความหนาไม่ถึง 50 หน้ารวมภาพประกอบ
inplaengradio
      ความสับสนกับชีวิตที่เกิดขึ้น จะทำให้คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกหวาดกลัวไปต่างๆนานา ขอแนะนำวิธีลดความกลัวความสับสนของชีวิตโดย..      จงพูดระบายกับคนที่เราไว้ใจ เพราะการได้ระบายออกมาจะทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น      จงยอมรับความไม่แน่นอน ไม่ยึดติดกับสิ่งใด เพราะทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา เป็นสัจธรรมของโลก      จงขอความเห็นและแนวคิดจากเพื่อน พ่อแม่ ลูกค้า สามีภรรยาหรือผู้ที่เราไว้ใจ เพราะอาจมีมุมมองบางอย่างที่ช่วยแก้ปัญหาของเราได้       จงเขียนปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่ทำให้เราสู้สึกสับสนลงในกระดาษและลองเปรียบเทียบเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด       บางครั้งเมื่อเกิดความสับสนในชีวิตของตนเองขึ้นแล้ว ปัญหาบางประการที่ง่ายๆอาจเป็นเรื่องยาก หากมัวแต่หมกมุ่นหมุนเวียนกับมัน ลองทำดูนะครับ....
หัวไม้ story
ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง อาจจะฮือฮามาสักพักแล้วกับเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของนักการเมืองค่ายประชาธิปัตย์ นำโดย หล่อใหญ่ อภิสิทธิ์ ตามมาด้วยสาทิตย์ วงษ์หนองเตย  แต่ก็ยังอาจจะยังไม่เห็นประสิทธิผลมากนักสำหรับการเปิดพื้นที่ใหม่ในสื่อใหม่ในโลกออนไลน์ เพราะยังไม่มีการใช้สำหรับแคมเปญหาเสียง หรือแคมเปญกิจกรรมอะไรพิเศษ แต่แล้ว เมื่อเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ชื่อ thaksinlive เริ่มเป็นที่รับรู้ของชาวไซเบอร์เพียงไม่กี่วัน ก็กลับฮือฮาเป็นกระแสพ้นพรมแดนโลกไซเบอร์ออกมาเหมือนปีศาจที่ตามหลอกหลอนไปทุกพรมแดนความรับรู้ของขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
  เห็นแววตาใสๆ
สวนหนังสือ
  นายยืนยงชื่อหนังสือ : ประเทศใต้ผู้เขียน : ชาคริต โภชะเรืองประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2552จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ก๊วนปาร์ตี้ ข้อเด่นอย่างแรกที่เห็นได้ชัดจากนวนิยายเรื่องประเทศใต้ หนึ่งในผลงานที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ปีนี้ คือ วิธีการดำเนินเรื่องที่กระโดดข้าม สลับกลับไปมา อย่างไม่อาจระบุว่าใช้รูปแบบความสัมพันธ์ใด ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง หรืออย่างที่สกุล บุณยทัต เรียกในบทวิจารณ์ว่า "ไร้ระเบียบ" แต่อย่าลืมว่านวนิยายเรื่องนี้ได้เริ่มต้นที่ "ชื่อ" ของนวนิยาย ซึ่งในบทนำได้บอกไว้ว่า "ผม" ได้รับต้นฉบับนวนิยายเรื่องหนึ่งจาก "เขา" ในฐานะที่เป็นคนรู้จักกัน มันมีชื่อเรื่องว่า "ชายผู้ตามหามโนห์รา" และเรื่องก็จบลงตรงที่ "พระสุธนใช้เวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ตามหามโนห์รา ผมใช้เวลาตามหามโนห์รา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แล้วเราก็จากกัน"
โชเนน
"ข้าวที่เต็มรวง จะโน้มลงพื้นดิน... เป็นรวงข้าวที่สมบูรณ์ เป็นที่ต้องการ... แต่ถ้าข้าวรวงไหนมีเมล็ดลีบมากๆ... มันจะตั้งตรง... ไม่มีใครอยากเกี่ยวให้ เปลืองแรงหรอก คนเราก็เช่นกัน" คนเราทุกคนมีค่าเท่ากัน.... การถ่อมตนอย่างถูกกาลเทศะ จะสร้างความรู้สึกดีให้กับคนอื่น... แปลว่าคนคนนั้นเติมเต็ม... เหมือนข้าวที่เต็มรวง จะยิ่งโน้มลงดิน เป็นรวงข้าวที่มีค่า... คนที่อ่อนน้อม ถ่อมตน ไม่ทับถมใคร... จะดูน่ารักในสายตาคนอื่น... คุยด้วยก็รู้สึกดี... คนเรายิ่งอยู่สูง ยิ่งต้องมองต่ำ... ส่วนคนที่อยู่ต่ำกว่า ต้องมองสูง... และทั้งคู่จะมองเห็นความสวยงามของกันและกัน... อย่างไม่ยาก... ถ้ามัวแต่ดูถูกคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี... แล้วเมื่อไหร่จะเห็นความสวยงามของโลก... จาก: หนังสือกล้าที่จะก้าว...  

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม