Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
 เรือแคนนู ความเฟื่องฟูของกิจการการท่องเที่ยวยามเย็น พระอาทิตย์ตกที่ริมขอบผา
ประสาท มีแต้ม
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2551 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้จัดเวทีเสวนาเรื่อง "9 คำถามคาใจ กรณี ปตท." ซึ่งเป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจมาหลายปีนับตั้งแต่การแปรรูปเมื่อเดือนตุลาคมปี 2544 เวทีเสวนาประกอบด้วย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อสังคม  บมจ. ปตท. (คุณสรัญ รังคสิริ)  เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (คุณสารี อ๋องสมหวัง) ดำเนินรายการโดยคุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์  บรรณาธิการนิตยสารสารคดี นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการและประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์ภัทรด้วย นักข่าวของ “ประชาไท” รายงานว่า “บรรยากาศในเวทีก็มีบางช่วงดุเด็ดเผ็ดร้อน บางส่วนตอบคำถามซึ่งกันและกัน บางส่วนไม่ บางส่วนขัดแย้ง” ในขณะที่ผู้สื่อข่าวของ “ผู้จัดการออนไลน์” รายงานว่า “การเสวนาเริ่มร้อนระอุตั้งแต่เปิดประเด็นแรกเรื่องกำไรของปตท.มาจากไหน ผู้บริหารของ ปตท. และหลักทรัพย์ภัทร ได้แสดงสีหน้าท่าทีดูแคลนและโต้แย้งข้อมูลของผู้แทนองค์กรผู้บริโภคว่า ไม่รู้เอาข้อมูลมาจากไหน”
วาดวลี
ความชื้นแฉะเหล่านั้นคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง หยดน้ำที่ทำให้พื้นดินที่สีดำขึ้นมากกว่าปกติ ดินที่นุ่มลง หญ้าที่ปกคลุมไปถ้วนทั่ว ฉันว่ามันชุ่มฉ่ำดีเหมือนกัน เมื่อฤดูฝนยาวกว่าที่เราคิด และปีนี้ ฝนก็ตกบ่อยกว่าปีที่ผ่านมา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
   ปริศนา- แสวงหาถ้อยอธิบายวิญญาณ - เวียนว่ายแสวงหารูปร่างว่างเปล่า- แสวงหาสาระจัดวางก่อสร้าง คุณค่า ความหมายเติมตน โดดเดี่ยวเดียวดาย- แสวงหาคู่            ลบความหดหู่ซึมเศร้าสับสนอึดอัด- ขัดข้องอับจน                       แสวงหาหนทางออกโบยบิน เจ็บปวด- แสวงหาเพิงพัก                   พำนักสมานแผลขาดวิ่นโหยหิว - แสวงหาดื่มกิน                    จินตนาการ - แสวงหาดาราราย ต่อสู้ขัดแย้ง - แสวงหาพลัง                มุ่งหวัง- แสวงหาเป้าหมายมืดมิด- แสวงหาแสงสว่างพร่างพราย    เอียงอาย - แสวงหาที่ซ่อนคนทราม เสียขวัญ - แสวงหาคำปลอบใจ           บอดใบ้ - แสวงหากริยาตอบ-ถามพเนจร -แสวงหาเขตคาม                   โมงยาม - แสวงหาวันคืน อยุติธรรม- แสวงหาธรรมะ                 เสียสละ - แสวงหาการหยิบยื่นเชื่อมั่น - แสวงหาที่หยัดยืน                แข็งขืน - แสวงหาตรรกะยืนยัน เงียบเชียบ - แสวงหาซุ่มเสียง             พอเพียง - แสวงหาที่มั่นชั่วขณะ - แสวงหานิรันดร์                   อสมดุล-ทุกสิ่งอัน มิอาจสงบนิ่ง.                                                                   กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่   
สร้อยแก้ว
อืมม์... ดูเหมือนยุคนี้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะกลายเป็นอาชญากร ไม่น่าคบไปเลยจริงๆ เมื่อฉันจัดการทุบหัวปลาโป๊กๆ สีหน้าน้องผู้หญิงบางคนเหยเก เบะปาก “กินไหมเล่า!” ฉันเอ็ดเอา “กินอ่ะ” “เออ ถ้าจะกินอย่าทำหน้าอย่างนั้น คนฆ่าเสียเซลฟ์เหมือนกัน” อืมม์... แต่จะว่าไปก็ฆ่าตัวเป็นๆ ซะหลายตัว จะไม่ให้น้องมันทำหน้าเบ้ได้ไง กับคนรู้จักมักคุ้นฉันมักออกตัวเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยใจดีนะ ฉันเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้โดยไม่รู้สึกผิดเลย ตกปลาฆ่าปลาได้ ยิงหนังกะติ๊กเอานกมาย่างไฟได้ ฆ่าตั๊กแตน ฆ่าแมลงต่างๆ ได้ จับปูเป็นๆ เผาบนเตาถ่านได้ หรือจับปูเป็นๆ โขลกในครกได้ (การทำน้ำปู๋ของคนเหนือ) ชีวิตดั้งเดิมสอนฉันมาว่านี่คือการดำรงชีวิต ไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของความผิด ดังนั้น เมื่อเห็นคนบางคนฆ่าไก่ ฆ่าหมู ฆ่าวัว ฉันไม่เคยมองว่าพวกนี้มันใจร้าย ชอบนะ เวลาเห็นคนรักสัตว์ ฉันก็รักเหมือนกัน เวลาเห็นแมลงตกน้ำก็ช่วยทุกครั้ง ยุงกัดยังพยายามข่มใจปัดมือไล่ (ถ้าโมหะไม่มาครอบงำเสียก่อน ซึ่งมักต้องแข่งกับสติตัวเองเสมอ) ฉันถือว่า เราไม่มีความจำเป็นต้องฆ่ายุง เราฆ่ายุงเพราะความโกรธต่างหาก และความโกรธเป็นสิ่งไม่ดี โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า แต่ว่าฉันฆ่าปลาได้ เพราะการฆ่าสัตว์เพื่อยังชีพมันสมเหตุสมผลอยู่นะ
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในวัยเด็ก ราวชั้นประถมศึกษา ผมยังจำได้ เมื่อมืดค่ำ ที่บ้านจะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดทุกหลังคาเรือนก็เช่นกัน แม่บอกให้เอาการบ้านมาทำ ถ้าวิชาเดียวก็เสร็จเร็วหน่อย ถ้าสองวิชาก็ดึกหน่อย ดึกนั้นคงราวสองทุ่มเศษ ผมวางสมุดลงบนโต๊ะเล็กๆ นั่งขัดสมาธิบนเสื่อ แม่นั่งข้างหน้า แม่สอนจริงจัง มีตึงมีผ่อน มีเทคนิคในการสอน ขู่บ้างปลอบบ้าง คำพูดที่พูดประจำก็คือ “คัดไทย ช่องไฟต้องพอดี หัวทอทหารต้องกลมอย่าให้บอด” “ห้าคูณเจ็ดเป็นเท่าไร สามสิบห้าหรือสามสิบหก” ตอนจบแม่ให้ท่องสูตรคูณ ถ้าท่องได้ให้ไปนอน ท่องไม่ได้เอาให้ได้ ตาผมชักลืมไม่ขึ้น แม่ใช้ไม้ตีปับตรงแขน “ท่องไม่ได้ไม่ต้องนอน” แม่สำทับเสียงเข้ม
dinya
หลายคนเคยบอกว่า ไม่น่าเชื่อที่ชื่อสวยๆ อย่าง นากรี รูซา นิดา เกศนา สาลิกา คัมมุริ ฯลฯ และอีกหลายชื่อที่มีความหมายน่ารักๆ ถึง ต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา ทะเล แม่น้ำ ฯลฯ เหล่านี้จะเป็นชื่อของพายุไปได้ อาจเพราะความจริงแล้วพายุ หรือวาตภัยส่วนใหญ่นั้นมีพิษสงทำลายล้าง ทำความน่าสะพรึงกลัวกับพวกเราชาวโลกไม่น้อยนั่นเอง เรื่องน่ารู้ฯ ตอนนี้เลยอยากเอาชื่อพายุมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ภาพเมฆฝนและพายุในจังหวัดเชียงใหม่ ปลายเดือน กรกฎาคม 2551 ชื่อของพายุนั้น ว่ากันว่า เดิมทีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ตั้งชื่อพายุทั่วโลกมาโดยตลอด เพราะสมัยก่อนสหรัฐนั้นถือว่าเป็นผู้นำด้านนี้ มีอุปกรณ์พร้อมในการตรวจสภาพอากาศ ดูพายุเคลื่อนไหว ชื่อที่ใช้ตั้งในอดีตบางครั้งมาจากนักเดินเรือที่เจอพายุในทะเล ก็จะตั้งชื่อเป็นคนรักเพื่อคลายความคิดถึงแฟน ชื่อก็เลยออกมาหวานๆ สวยๆ เป็นชื่อของผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ฟังดูแล้วไม่รุนแรง ไม่น่ากลัวอย่างที่เป็นจริง โดยพายุโซนร้อนลูกแรกถูกตั้งชื่อว่า จูเลียต (Juliet)
โอ ไม้จัตวา
ฉันเริ่มต้นเพลงนี้ด้วยประโยคนี้ “ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจ เป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกัน”  ***************************** ฝนพรำยามดึก ฉันขับรถบนถนนโล่ง เสียงเปียโนกับเสียงร้องเพลงทะเลใจในเวอร์ชันของป๊อด จากอัลบัม 25 ปี คาราบาว เพลงที่ฉันชอบมาแต่ไหนแต่ไร กับเพลงคนล่าฝัน ซึ่งฟังแล้วให้พลังกับชีวิต จนต้องขอบคุณคนเขียนเพลง แอ๊ด คาราบาว เสียงหยาดน้ำตาหยาดกลางคอนเสิร์ต 25 ปีคาราบาว ด้วยอานุภาพของดนตรี และพลังในการดึงอารมณ์คนฟังร่วมของป๊อด เพลงในเวอร์ชันเบาบางแต่เปี่ยมพลัง ร่วมกับเสียงคนทั้งอิมแพ็ค เมืองทองธานี ดึงความฝัน ความผูกพัน ฆ้อน ตะปู ในหัวใจออกมาตีกันวุ่น จนหลายคนต้องหลั่งน้ำตาออกมา เชียงใหม่กลางทะเลใจยามดึกเช่นนี้ยังไม่น่ากลัวเท่าไร แม้วันเวลาจะผ่านมาถึงยี่สิบปี เสียงเพลงนี้ทำให้คิดถึงเพื่อน เราผ่านคืนวันอันโหดร้ายมาได้อย่างไร ปีกอ่อนในคืนนั้นฝ่าพายุฝนมาได้อย่างไร นานเท่าไรที่ชีวิตได้เรียนรู้บทเพลงในการพลิ้วกายผ่านสายฝนและลมแรงให้ได้โดยไม่เปียกโชกยับเยิน ******************************
กวีประชาไท
ประเทศนี้ เหมือนไม่ใช่ ของคนจนเหมือนฉันไม่ ใช่คนของ ประเทศนี้ประเทศนี้ เหมือนมีทรัพย์ เกินนับมีเหมือนฉันนี้ ไม่มีแม้ แต่ที่ยืน ... ประเทศนี้ มีแง่ง่า อัชฌาสัย...เหมือนน้ำใจ แผ่หยดไหว สายใยฟื้นประเทศนี้ มีความหวัง ทั้งวันคืนเหมือนเช้าชื่น สายหยุดเช้า เฝ้าจากจาง ฯลฯ ประเทศนี้ มีความงาม ตามทรรศนะเหมือนปัจเจก เฉพาะว่า ท่วงท่าข้างประเทศสื่อ แน่นิ่งยิ่ง แน่นอนทางเหมือนป่าวว้าง แน่นอนคือ ไม่แน่นอน... ประเทศนี้ มีความจริง ความดีหนา...เหมือนเมฆฟ้า มืดหมองหม่น ค้างค่นย้อนประเทศจำ ประเทศจาก ประเทศป้อนเหมือนลงกลอน ไร้หน้าต่าง ทั้งประตู ฯลฯ ประเทศนี้ มีผู้คน ที่น่ารักเหมือนบักเสี่ยว เหลียวแขมร์ เงาะแปรกู้ประเทศนี้ ใบหน้านี้ หนาบางรูเหมือนชายกลาง ผู้พรางหรู รู้แหยใจ... ประเทศนี้ ที่ไม่ใช่ ของคนรวย...เหมือนคนจน ใดคนซวย ช่วยไม่ได้ประเทศนี้ เหมือนน้ำค้าง ไม่หยดไหวเหมือนคลื่นใคร่ คราบไคล้สื่อ หรือไคโลม ฯลฯ ประเทศนี้ ใครดูแล ความอยากได้เหมือนอารมณ์ ไหวด้านดื่ม ด้านปลื้มโหมประเทศสรร ให้ฉันสร้าง กระจกโดมเหมือนชโลม น้ำค้างวาด หยาดหยดคืน. ณรงค์ยุทธ โคตรคำ            กรกฎาคม ๒๕๕๑  
มาชา
ปลดถง ลงพิง อิงเสาห้าง เกิบคู่เก่ง ถอดวางเรียง เคียงคู่ใกล้ เปิดวิทยุ ฟังซอ ขับคลอไป ลมวอย-วอย พัดไหว จากปลายนา ไผจะรวยล้นฟ้า ข้า บ่ ขอย เลี้ยงควายหน้อย หื้อดี หน้าที่ข้า อิ่มข้าวตอน นอนสักตื่นจื่นนี้กา.. แลงลงมา ฆ่าพยาธิ ฟาดเหล้าตอง ห้างคนเลี้ยงควายบ้านเหล่า อ.แม่ใจ จ.พะเยา เมษายน ๕๑
suchana
  ใครจะเชื่อว่าคนอย่างพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรและครอบครัวที่ร่ำรวยเงินทองและอำนาจอย่างมหาศาลต้องขึ้นศาลในคดีฉ้อโกงและคดีอื่นๆมากมาย    ใครจะคาดคิดว่าคนอย่างพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องเดินเชิดหน้าขึ้นศาลจังหวัดสงขลาในฐาน "จำเลย" บุคคลทั้งสองได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของขบวนการต่อสู้ของพี่น้องภาคประชาชนในการคัดค้านโครงการยักษ์ใหญ่ กรณีโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย  อำเภอจะนะ  จังหวัดสงขลานับช่วงเวลาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่  ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๕ จนถึงวันนี้ร่วมระยะเวลาห้าปีเศษ  หากนึกย้อนหลังไปหลายคนคงจำภาพข่าวเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี ภาพการชุมนุมของชาวบ้านอำเภอจะนะ  จังหวัดสงขลาที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ปกป้องสิทธิชุมชนจากการรุกรานของโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ในนามของโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ดำเนินการโดยบริษัทปตท.และบริษัทปิโตรนาส  ร่วมทุนเป็นบริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย(ประเทศไทย)จำกัด            เหตุการณ์วันนั้นท่ามกลางการนั่งชมละครทีวีหลังข่าวภาคค่ำกันอย่างเพลิดเพลิน แต่ผู้คนต้องมึนงงเมื่อๆอยู่ภาพละครหลังข่าวถูกแทนที่ด้วยภาพเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ประจันหน้าระหว่างชาวบ้านผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจปืนบนรถยนต์หกล้อของผู้ชุมชนทุบตีกระจกหน้ารถ  ทุบตีทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุมและมีการจับกุมผู้ชุมนุมในเหตุการณ์  หลังเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไม่ไม่กี่นาทีมีนายตำรวจระดับสูงคือพลตำรวจเอกสันต์  ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลานั้นออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "ได้ใช้ความอดทน ความพยายามและละมุนละม่อมอย่างที่สุดแล้ว" มีเสียงนักข่าวถามสวนทันทีว่า "อย่างนี้หรือค่ะที่เรียกว่าละมุนละม่อม"  และในวันรุ่งขึ้นได้ออกมาให้สัมภาษณ์อีกว่าภาพผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์เสื้อด้านหลังขาดจนเห็นเสื้อชั้นในนั้นผู้ชุมนุมสร้างสถานการณ์ฉีกเสื้อผ้าตนเอง แล้วใส่ร้ายว่าตำรวจเป็นคนทำ  อนิจานั่นคือเป็นบทสัมภาษณ์นายตำรวจผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ            เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจประกาศเดินหน้าโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย โดยไม่ชี้แจงเหตุผลใดๆตามที่รับปากกลุ่มคัดค้านเมื่อลงมารับฟังข้อมูลที่ลานหอยเสียบ อำเภอจะนะ ดังนั้นเมื่อพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร จัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรมาประชุมที่โรงแรมเจบี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีคณะรัฐมนตรีจากประเทศมาเลเซียมาร่วมประชุมด้วย  ทางกลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาจึงได้ประสานงานผ่านนายวัชรพันธุ์  จันทรขจร ผู้ประสานงานฝ่ายรัฐบาล  เพื่อแจ้งความประสงค์เดินทางมายื่นหนังสือขอให้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร  ยุติและทบทวนโครงการนี้ใหม่ ที่อย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยและตกลงกำหนดจุดที่จะไปพักชุมนุมเพื่อรอยื่นหนังสือ            แต่ปรากฏว่าในบ่ายวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๕ หลังจากที่ชาวบ้านเคลื่อนขบวนออกจากบ้านโคกสัก ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินทางเข้ามายื่นหนังสืออย่างน้อยสองจุดโดยนำรถยนต์ที่ใช้คุมขังผู้ต้องหามาจอดขวาง  จนกระทั่งมีการเจรจาและตำรวจย่อมเปิดทางและมีรถตำรวจนำขบวน แต่เมื่อมาถึงบริเวณสะพานจุติบุญสูงอุทิศ กลุ่มคัดค้านไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เนื่องจากตำรวจตั้งแผงเหล็กปิดกั้นกถนน และมีตำรวจหลายกองร้อยตั้งแถวสกัด จนกระทั่งกลุ่มตัดค้านฯต้องหยุดรอการประสานงาน  ระหว่างนั้นพี่น้องประชาชนกลุ่มคัดค้านจึงได้หยุดพักกินข้าวและทำพิธีละหมาดตามหลักการศาสนาอิสลาม             ในที่สุดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อตำรวจชั้นผู้สูงเป่านกหวีดและโบกมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินอ้อมแผงเหล็กข้ามมายังฝั่งกลุ่มคัดค้านฯและเดินหน้าผลักดันผู้ชุมนุมจนนำไปสู่เหตุการณ์วุ่นวาย มีผู้บาดเจ็บพี่น้องประชาชนและถูกจับกุมดำเนินคดีในฐานะจำเลย            กลุ่มคัดค้านฯต้องขึ้น-ลงศาลเป็นสัปดาห์ละสองถึงสี่วันในระยะสองปีสำหรับคดีชุดแรกและอีกหลายชุดหลายคดี  แต่ผลจากการกระทำสิ่งที่ถูกตามสิทธิส่งผลให้ศาลพิพากษายกฟ้องกลุ่มพี่น้องชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดี   ซึ่งในคำพิพากษาศาลจังหวัด ระบุว่า "โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียเป็นโครงการขนาดใหญ่ทางด้านพลังงานที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพ  สิ่งแวดล้อม สุขภาพ  อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ชุมชนท้องถิ่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๕ ประชาชนย่อยมีสิทธิในการนำเสนอความคิดเห็นต่อโครงการดังกล่าว" "ประชาชนหรือจำเลยย่อมมีสิทธิร่วมชุมนุมกันแสดงพลังพลังมวลชนคัดค้านโครงการดังกล่าวภายในขอบเขตแห่งกฎหมายเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการดำเนินโครงการนี้ได้"            และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค๙ ระบุว่า"จะเห็นได้ว่าที่มาและเจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าวในรัฐธรรมนูญได้นำหลักการสำคัญ และเป็นหลักสากลที่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรมีและใช้สิทธิเสรีภาพอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน เพื่อกำหนดวิถีชีวิต  แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ  สังคม และวัฒนธรรมของตนเอง  รวมทั้งมีสิทธิเข้าร่วมกับรัฐจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยมีสิทธิดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน  การที่จำเลยที่ ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและทรัพยากรธรรมชาติ  และชุมชนดั้งเดิมในท้องถิ่นร่วมกับประชาชนในพื้นที่รวมตัวกันเคลื่อนไหวชุมนุมคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย  ที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนในพื้นที่โดยตรง  สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวของจำเลย กับพวกย่อมมีอยู่แม้ยังไม่มีการออกกฎหมายตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ  ในเมื่อสิทธิเหล่านี้มนุษย์มีและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติควบคูกับทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นของมนุษย์ทุกคน  ในส่วนของกลุ่มคัดค้านฯจำนวน ๒๕ คนได้ร่วมยื่นฟ้องกลับตำรวจที่ใช้กำลังและความรุนแรงสลสายการชุมนุมในวันนี้ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค๙ได้รับฟ้องตำรวจระดับผู้สูง ๖ นายใน  โดยคำพิพากษาบางส่วนระบุ  ข้อเท็จจริงไต่สวนว่า โจทย์ทั้งยี่สิบห้าและประชาชนซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านได้รวมตัวชุมนุมคัดค้านได้รวมตัวชุมนุมกันโดยมีมูลเหตุมาจากรัฐบาลตัดสินใจดำเนินการตามโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ต่อจากรัฐบาลชุดก่อนที่ได้อนุมัติไว้ โดยโครงการดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศวิทยาชายฝั่งทะเลและคุณภาพสิ่งแวดล้อม และอาจก่ออันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาคชีวิตของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวและโจทก์ทั้งยี่สิบห้าย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูลคำชี้แจงและเหตุผลจากหน่วยงานของทางราชการก่อนการดำเนินการ ตามโครงการท่อส่งก๊าซฯ ดังที่กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา  ๕๙  รับรองไว้ แต่ปรากฏจากการแถลงการณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕   ซึ่งไม่มีการชี้แจง อธิบายข้อมูลและเหตุผลของการพิจารณาตัดสินใจให้ดำเนินการตามโครงการท่อส่งก๊าซฯ ต่อจากรัฐบาลชุดก่อนแต่อย่างใดและก่อนหน้านี้ได้ความจากโจทก์ที่ ๑๕ เบิกความยืนยันว่า ชาวบ้านเคยรวมกลุ่มยื่นหนังสือต่อหน่วยงานราชการแต่ไม่ได้รับคำตอบเลย เมื่อครั้งพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินทางมารับฟังความเห็นจากกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่บริเวณลานหอยเสียบ ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา นายกรัฐมนตรีรับว่าจะให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ชาวบ้าน แต่ในที่สุดไม่ได้ให้คำตอบเช่นกัน ดังนี้ การร่วมชุมนุมของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าและประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ จึงเป็นการใช้สิทธิของประชาชนที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐเพื่อที่จะแสดงเจตนารมณ์ ในการจัดการบำรุงรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้ประชาชนดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่อง  ดังนั้น การใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อการมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นในส่วนได้เสียของตนหรือของชุมนุมซึ่งรัฐบาลต้องรับฟังชาวบ้านก่อนการตัดสินใจ ดำเนินการโครงการที่มีผลกระทบต่อชุมชนดังที่ได้รับรองไว้ในบทบัญญัติ มาตรา ๔๖,๕๖ และ ๕๙ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ ดังกล่าว กรณีจึงเป็นที่ประจักษ์ว่าโจทก์ทั้งยี่สิบห้าและประชาชนได้ชุมนุมกันในวันเกิดเหตุมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะแสดงมติของกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ โดยยื่นหนังสือขอให้รัฐบาลทบทวนการตัดสินใจดำเนินการโครงการท่อส่งก๊าซฯ ต่อจากรัฐบาลชุดก่อนซึ่งหาได้มีเจตนาก่อความรุนแรงหรือขัดขวางการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรแต่อย่างไรโจทก์ทั้ง ๒๕ และประชาชนที่คัดค้านและใช้สิทธิเรียกร้องที่พวกตนมีส่วนได้เสียและมีผลกระทบต่อตนสำหรับโครงการที่รัฐจะดำเนินการต่อเป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๔๔ ในเรื่องการชุมนุมในที่สาธารณะโดยสงบและปราศจากอาวุธ โดยไม่มีเจตนากีดขวางทางสาธารณะ ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่ต้องอำนวยความสะดวกและดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมเพื่อมิให้เกิดชนวนนำไปสู่ความวุ่นวาย แต่จากทัศนคติในเชิงลบชองพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ ซึ่งมีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านดังกล่าว ดังจะเห็นได้ตามคำให้การพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  ที่ให้ข้อมูลต่อคระกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเป็นกลุ่มที่มีความขัดแย้งต่อการตัดสินใจของรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ "ที่พูดอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง" ต่างกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ประท้วงหน้าสถานทูตกัมพูชาในประเทศไทยเป็นกลุ่มผู้รักชาติ "พูดแป๊บเดียวเข้าใจ" ประกอบกับพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  นำข้อเท็จจริงที่เกิดเหตุรุนแรงในวันทำประชาพิจารณ์สองครั้งที่หอประชุมเทศบาลนครหาดใหญ่ และที่สนามกีฬาจิระนคร มาคาดคะเนว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้นเตรียมกานำแนวทางความรุนแรงมาใช้เมื่อพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  เป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าพนักงานตำรวจในระดับสูงในขณะเกิดเหตุ อันเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มีหน้าที่ปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหายบ้านเมือง เพื่อให้สังคมในบ้านเมืองเกิดความสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย จำเลยที่ ๑ จึงมีความรับผิดชอบดูแลทุกข์สุขของประชาชนโดยเฉพาะ กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้าน เป็นผู้มีความเดือดร้อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซ จึงได้รวมตัวชุมนุมกันสะท้อนปัญหาให้รัฐบาลทราบ พลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  ยิ่งต้องใช้ความรอบคอบดูแลบุคคลดังกล่าวบนพื้นฐานหลักความเมตตาธรรม ควบคู่กับหลักยุติธรรม โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังเพื่อให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย และลุกลามบานปลายอันนำมาซึ่งความสูญเสียถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินของทั้งสองฝ่าย   ที่ยากแก่การควบคุมได้     ในเรื่องนี้พลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจในระดับสูง ในการสั่งการเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงต้องออกมาตรวจดูเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุด้วยตนเองในทันทีก่อนที่จะสั่งการอย่างใดเพื่อหาทางแก้ไข  เพราะที่เกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเจบีซึ่งสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ใช้เวลาไม่เกินสามนาที ดังที่ พลตำรวจเอกประทิน  เบิกความยืนยันพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ออกมาตรวจสอบด้วยตนเอง    ก็จะได้ความจริงอันจะทำให้พลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  มีโอกาสเลือกใช้ดุลพินิจให้เหมาะสมต่อเหตุการณ์ที่เป็นจริงว่ามีความรุนแรงหรือไม่เพียงใดและทำให้เห็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ายังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะสลายการชุมนุมแต่อย่างไร ดังที่พลตำรวจเอกธวัชชัย ภัยลี้ให้การต่อกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา  ดังนั้นคำสั่งของพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  ที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมนั้นไม่อยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง  แต่อยู่บนพื้นฐานจากรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จของพลตำรวจตรีสัณฐาน  ชยานนท์ ซึ่งคำสั่งของพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์  ที่สลายการชุมนุมดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พลตำรวจเอกสันต์  ศรุตานนท์ จะอ้างว่าได้รับรายงานเท็จจากผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมฟังไม่ขึ้น  ส่วนพลตำรวจเอกสุรชัย  สืบสุข  ร้อยตำรวจเอกเล็ก  มียัง  ร้อยตำรวจโทบัณฑูรย์  บุญเครือ ร้อยตำรวจโทอภิชัย  สมบูรณ์  ได้ความว่าขณะนั้นพลตำรวจเอกสุรชัย  สืบสุข  ซึ่งเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา หลังจากได้รับคำสั่งจาก พลตำรวจตรีสัณฐานแล้ว  ได้มีคำสั่งให้  จำเลยที่ ๕  ถึง ๓๘กับเจ้าพนักงานตำรวจอื่นเข้าสลายการชุมนุมตามที่ร้อยตำรวจเอกอภิชัย สมบูรณ์ เบิกความเห็นว่าพ.ต.อ.สุรชัย  สืบสุข  จำเลยที่ ๔  ร.ต.อ.เล็ก  มียัง จำเลยที่ ๖  ร.ต.ท.บัณฑูรย์  บุญเครือ จำเลยที่ ๑๓  และร.ต.ท.อธิชัย สมบูรณ์  ๑๔         ต่างเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาการของพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ และพลตำรวจตรีสัณฐาน  ปฏิบัติราชการตามคำสั่งของพลตำรวจตรีสัณฐาน  ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่ออกคำสั่งให้สลายการชุมนุม  โดยรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จต่อพลตำรวจเอกสันต์  จนเป็นเหตุให้พลตำรวจเอกสันต์ ให้ความเห็นชอบต่อการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม  ซึ่งจำเลยที่ ๔ , ๖,๑๓,๑๔ ต่างอยู่ในที่เกิดเหตุในลักษณะเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้าน ย่อมรู้เห็นเหตุการณ์และเข้าใจโดยตลอดว่า กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านไม่ได้กระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด  แต่ยังกระทำตามคำสั่งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย  โดยการใช้กำลังสลายการชุมนุมดังกล่าว จึงต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๐ ที่โจทก์ทั้ง ๒๕ นำสืบในชั้นต้น  ข้อหาดังกล่าวสำหรับจำเลยที่ ๑,๔ ,๖,๑๓,๑๔ จึงมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ๑๕๗,๒๙๕,๓๘  วันนี้เราหวังว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจทั้งหกนายคงได้ทบทวนทิศทางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ชุมนุมในทุกประเด็นปัญหาทุกกรณี  คงไม่มีใครหรือกลุ่มคนใดอยู่ดีๆอยากออกมาชุมนุมเรียกร้องกินนอนบนท้องถนน  หากเขาไม่ได้รับความเดือดร้อน เอาเปรียบหรือไม่ได้รับความยุติธรรมจริงๆ เพราะที่ผ่านมารัฐไม่เคยสนใจเพราะเขา อ้างเพียงการชุมนุมเรียกร้องของพวกเขามีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง หรือเป็นคนกลุ่มน้อยที่ต้องเสียสละเพื่อคนส่วนใหญ่ อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวต้องเห็นกับผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก  โดยบางครั้งลืมไปว่าพวกเขาเป็นคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่จะเลือกอยู่ เลือกเป็นเท่าเทียมกับคนอื่นๆในสังคมเช่นกัน        
SenseMaker
เช้ามา...เปิดคอม เปิดเนต เช็คตารางนัด เช็คเมล ตอบเมล ล็อคอินเข้า MSN เอาไว้คุยกับเพื่อน หาข้อมูลจาก Google และ Wikipedia เข้าไปดูว่าเพื่อนๆทำอะไรกันบ้าง พร้อมกับอัพเดตของมูลตัวเองบน MySpace, Hi5 หรือ Facebook เข้าไปอ่านข่าว บทความ หรือกระทู้ จากแหล่งข้อมูลเฉพาะด้าน จาก Blog หรือสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่สนใจ เข้าไปดูวิดีโอแปลกๆ หรืออัพโหลดวิดีโอฝีมือตนเองบน Youtube เข้าไปอัพเดตรูปตัวเองหรือหารูปสวยๆบน Flickr และโทรหาใครหลายคน ไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลกผ่าน Skypeชีวิตที่ดำเนินไปข้างต้น คงมีส่วนคล้ายกับชีวิตใครหลายคนในปัจจุบัน ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ลงไปหากลองสังเกตดู จะตระหนักได้ว่าคนกลุ่มนี้ มีแนวโน้มที่จะใช้ชีวิตไกลออกมา จากสื่อกระแสหลักไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ สถานีโทรทัศน์ และสถานีวิทยุ และเลือกบริโภคข้อมูลจากสื่อเหล่านี้น้อยลงทุกที โดยเลือกแสวงหาแหล่งข้อมูลเพื่อบริโภค จากแหล่งข้อมูลทางเลือกใหม่ๆบนอินเตอร์เนต อีกทั้งยังอิงความคิดของตน กับเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่ตนเลือกเข้าร่วมเองมากขึ้น มากกว่าจากสื่อกระแสหลักซึ่งถือเป็นการโดนยัดเยียดสถานการณ์ข้างต้น มีสาเหตุหลักจากการที่ข้อจำกัดในการติดต่อสื่อสาร และการเลือกแหล่งข้อมูลเพื่อบริโภค ได้ถูกทำลายลง ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของอินเตอร์เนต การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีเว็บยุค 2.0 และการเติบโตของเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม