Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

แสงพูไช อินทะวีคำ
รักเผ่าพันธุ์ รักเพื่อนผอง ต้องรักป่ารักอาป้า พนาไพรเหมือนหัวใจตนรักพี่น้องทุกแห่งหน บนด่านด้าวประคองเอาพนาไพร ไม่ทำลายรักแม่น้ำ แมกไม้และเขาเขียวยามท่องเที่ยว บนภูเขาอย่าละเลยที้งของเสียให้รกร้างดั่งที่เคยความสวยงามก่อนนี้เอ๋ย ให้เสื่อมโทรมให้รักป่าเท่าชีวิต คิดให้ใกลบ่อนเรไรร่ำร้อง พงพนาถิ่นภูเขาเลากา และสัตว์ป่าบนผืนแผนสนธยา น่าอยู่กินหน้าที่เราทุกเผ่าพันธุ์ขันอาสาป้องผืนป่าให้พ้นภัยอันตรายทุกผืนที่ในแดนลาวมิวอดวายคนและป่าอยู่ร่วมกันไป นานเท่านานหากคนเรารักป่าอย่างจริงจังแม้กระทั้งพลีชีพชีวาวายเพื่อผืนดินและผืนป่าคู่คนไปแม้ตัวตาย ขอผืนป่าและสายน้ำค้ำจุนโลกดงดานบ่อนเรไรร่ำร้อง ที่ก่อเกิดถิ่นกำเนิดของแม่น้ำ พงพนาเราหากผลาญผืนป่า น่าใจหายไม่มีน้ำ ทุกชีวิต คงวอดวาย เลื่อนลางหายจากโลกไปไม่กลับมาไม่มีน้ำ ไม่มีป่า นานๆ ไปทะเลทรายกายก่อเกิดให้พบเห็นไม่ใช่ใครสร้างก่อทำกรรมเวรเรานั้นเอง ทำกรรมทำลายตัวนั้นแหละจริงกล่าวเตือน เพื่อนพวกพ้องให้พี่น้องคิดคำนึงถึงชีวีมีผืนป่า จริงมีน้ำล่องไหลอยู่แรมปีคน สัตว์ป่าเปรมปรีย์ มีสุขเอย
Carousal
ท่ามกลางทะเลดาวที่พร่างพราวอยู่บนฟากฟ้าสีนิล ดวงจันทร์ทอแสงอยู่เหนือยอดโดมบนทะเลทรายที่กว้างไกลสุดสายตา เสียงขับลำนำระลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนอันอยู่ไกลแสนไกล คุณเคยได้ยินเรื่องราวของกษัตริย์ผู้สูญสิ้นความเชื่อมั่นในรัก และหญิงสาวผู้ต่อกรกับความเกรี้ยวกราดด้วยปัญญาตลอดเวลาหนึ่งพันกับอีกหนึ่งราตรีบ้างหรือเปล่าคะ?พันหนึ่งราตรี หรืออาหรับราตรี (One Thousand and One Nights, Arabian Night) เป็นนิทานโบราณที่เล่าขานกันในหลายประเทศมาตั้งแต่ราวคริสศตวรรษที่สี่ กล่าวกันว่ามีผู้แต่งหลายคน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นตำนานหรือนิทานของแต่ละท้องถิ่น ที่เหล่านางห้ามหรือนางทาสซึ่งถูกเก็บตัวไว้ในฮาเร็มเล่าสู่กันฟังเพื่อบรรเทาความเหงา ความเบื่อหน่าย และเพื่อเป็นการระลึกถึงบ้านเกิดที่ตนเองคงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีกชั่วชีวิตหากคุณไม่เคยทราบมาก่อน พันหนึ่งราตรีเป็นเรื่องราวของสุลต่านชาร์ยาร์ (Shahryar) กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์มีมเหสีโฉมงามที่ทรงสนิทเสน่หากว่าสตรีใด ๆ อยู่นางหนึ่ง ทว่านางกลับตอบสนองความรักของพระองค์ด้วยการทรยศหักหลัง เมื่อสุลต่านชาร์ยาร์ทรงจับได้ว่ามเหสีของพระองค์คบชู้กับทาสผิวดำ ก็ทรงเสียพระทัยมาก มีรับสั่งให้ประหารชีวิตนางเสีย และตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะไม่เชื่อถือในความสัตย์ของสตรีที่มีหัวใจเอาแน่เอานอนไม่ได้อีกต่อไปแล้วแต่นครจำเป็นต้องมีราชินี สุลต่านชาร์ยาร์จึงจำต้องมีบัญชาให้รับตัวหญิงสาวพรหมจารีเข้าวังเพื่ออภิเษกเป็นเจ้าสาวคนใหม่ แต่เจ้าสาวเหล่านั้นเป็นราชินีเพียงแค่ชั่วคืน เมื่อถึงรุ่งเช้า พวกนางจะถูกนำตัวไปประหาร เพื่อไม่ให้หญิงใดมีโอกาสทรยศต่อองค์สุลต่านได้อีกบัญชาของสุลต่านชาร์ยาร์ ทำให้พ่อแม่ทั้งหลายที่มีบุตรีอยู่ในวัยอันสมควรมีคู่ต่างหวาดผวากันทั่วไป ด้วยเกรงว่าสักวันจะถึงคราวของครอบครัวตนเอง ในที่สุด เชเฮราซาด (Scheherazade) บุตรีของผู้นำองคมนตรีก็อาสาเข้าวังไปเป็นเจ้าสาว เพื่ออาศัยอุบายแก้ไขพระทัยอันโหดร้ายของสุลต่าน โดยมีชีวิตของนางเองเป็นเดิมพัน
Hit & Run
 ภาพจากเว็บไซต์ artshole โดย Richard Sayerตติกานต์ เดชชพงศ เมื่อไม่กี่วันก่อน อาจารย์ 2 ท่านจากสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ ออกแถลงการณ์เตือนให้ ‘คนทำสื่อ' และ ‘คนบริโภคสื่อ' ระมัดระวังภาวะ ‘สื่อเป็นพิษ' อันเนื่องมาจากการบริโภคข้อมูลปนเปื้อน ‘ความรุนแรง' ที่แฝงเร้นมากับข่าวและบทความอันท่วมท้นล้นหลามในยุคสารสนเทศครองเมืองไม่แน่ใจนักว่า ‘สื่อเป็นพิษ' จะก่อให้เกิดอาการอะไรที่เป็นผลร้ายแรงกับสุขภาพร่างกายหรือไม่ แต่ถ้าพูดถึงอาการ ‘อาหารเป็นพิษ' ซึ่งคนส่วนใหญ่ ‘บริโภค' เข้าไปเพราะไม่รู้เท่าทัน จะทำให้ผู้บริโภคอาเจียน ท้องเสีย หน้ามืดหมดแรง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตเพราะพิษเข้าสู่กระแสเลือด...ส่วนอาการ ‘สื่อเป็นพิษ' ตามที่อาจารย์ทั้ง 2 ท่านแสดงความห่วงใย แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าส่งผลอย่างไรต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย แ่ต่ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าภาวะนี้ส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้บริโภคสื่อเป็นอาหารหลักมิใช่น้อย...สังเกตได้จากความสามารถในการมองโลก มองชีวิต และมองผู้คนรอบตัว ถูกกัดกร่อนไปทีละน้อย จนถึงขั้นที่ผู้บริโภคสื่อเป็นพิษเห็นว่า ผู้ที่คิดแตกต่างจากตัวเองเป็นคนเลว คนโง่ สมควรขับไล่ไปอยู่ประเทศอื่น หรือไม่ก็ถึงขั้น ‘สมควรตาย' ซึ่งถ้าอาการรุนแรงถึงขั้นนั้น ความเป็นมนุษย์คงถูกแทนที่ไปแล้วด้วยความบ้าคลั่งไม่ว่าจะ ‘อาหารเป็นพิษ' หรือ ‘สื่อเป็นพิษ' ดูเหมือนว่าทั้ง 2 ภาวะมีผลข้างเคียงที่รุนแรงไม่แพ้กัน แต่น่าสนใจตรงที่ว่าภาวะเหล่านั้น ล้วนมี ‘แมลงวัน' เป็นพาหะด้วยกันทั้งคู่แมลงวันที่เป็นแมลงขนาดเล็ก ตามความหมายตรงตัว เป็นพาหะหนึ่งซึ่งนำเชื้อโรคมาสู่อาหาร จากการไต่ตอมของเหล่าแมลงวัน และเป็นที่รู้กันว่า ‘แมลงวัน' ในความหมายเชิงเปรียบเทียบ หมายถึง ‘สื่อมวลชน' ด้วยสื่อมวลชนในยุคหนึ่งปวารณาตนเป็นแมลงวัน ผู้เวียนวนกับความสกปรกและเน่าเหม็นของเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ ที่ส่อเค้าไปในเชิงผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นพิษเป็นภัยต่อคนในสังคม และจะนำข้อมูลมาตีแผ่ให้ผู้บริโภคได้รับรู้เมื่อเวลาผ่านไป สื่อมวลชนได้กลายร่างเป็นกระจก, เป็นตะเกียง, เป็นยาม, เป็นไฟส่องทาง, เป็นหมาเฝ้าบ้าน หรือกระทั่งถูกคนจำนวนมากขนานนามว่าเป็น ‘อีแอบ' ในโลกอินเทอร์เน็ต...แต่ก็ดูเหมือนว่า ‘สันดานแมลงวัน' ยังคงแอบแฝงอยู่ในภาพลักษณ์ใหม่ๆ ของสื่อมวลชนเสมอมาในความรับรู้ของคนส่วนใหญ่ แมลงวันเป็นได้แค่สัตว์น่ารำคาญที่ไต่ตอมของสกปรกเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง แมลงวันมีหลายชนิด หลากสายพันธุ์ ทั้งแมลงวันบ้าน, แมลงวันหลังลาย, แมลงวันหัวเขียว, แมลงวันทอง, แมลงวันผึ้ง, แมลงวันดอกไม้, แมลงวันตอมตา ฯลฯ แมลงวันเหล่านั้นมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันออกไปแมลงวันบางชนิดกินผลไม้เป็นอาหาร และอีกบางชนิดมีประโยชน์ เพราะมีส่วนช่วยในการผสมเกสรดอกไม้ ในขณะที่แมลงวันบางจำพวกชื่นชอบที่จะไต่ตอมเนื้อสัตว์และอาหารที่มีกลิ่นคาวการเหมารวมว่าแมลงวันมีแต่โทษ เป็นพาหะที่น่ารังเกียจ ไต่ตอมเฉพาะของสกปรก และเป็นพาหะของโรคมากมาย จึงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ที่สำคัญคือ เราไม่อาจปฏิเสธการดำรงอยู่ของแมลงวันได้...คุณูปการของแมลงวันนั้นยังมี แม้แต่แมลงวันที่ชอบไต่ตอมของเน่าเหม็นอยู่ไม่ห่าง ก็เป็น ‘คำเตือน' ชั้นดีให้ผู้บริโภคจงหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นให้พ้น แต่ถ้า ‘เลือกแล้ว' ที่จะบริโภคสิ่งเดียวกับที่แมลงวันเคยไต่ตอม ก็คงต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัวรับมือกับภาวะ ‘อาหารเป็นพิษ' (หรือ ‘สื่อเป็นพิษ') ให้ดีๆ แมลงวันเหล่านี้รู้ดีว่า ‘กลิ่นคาว' มีแรงดึงดูดเฉพาะตัว และคนมากมายชอบกลิ่นและรสอันรุนแรงจัดจ้าน อาทิ ส้มตำปลาร้า หอยดอง ลาบเลือด แม้แต่อาหารตะวันตก เช่น ชีสแพงๆ หรือโยเกิร์ต ก็หนีไม่พ้นการหมักดองหรือภาวะที่เฉียดใกล้การเน่าเสีย แต่ก็ยังได้รับความนิยมในหมู่คนจำนวนมากเรื่องราวความผิดปกติ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และความเน่าเหม็นหมักหมมในสังคม จึงเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนที่มีสัญชาติญาณแมลงวันจำนวนหนึ่งให้ความสำคัญ เพราะถือว่าเรื่องเหล่านั้นคือสิ่งที่คนในสังคม ‘ต้องรู้' ไม่ว่าจะเพื่อหาทางหลีกเลี่ยง หรือหาทางตรวจสอบแก้ไขก็ตามการข้องแวะต่ออาหารกลิ่นแรงของแมลงวันที่เป็นแมลง และการนำเสนอข่าวค(ร)าวด้วยการใช้ถ้อยคำรุนแรงและตรงไปตรงมาเพื่อเรียกร้องความสนใจของแมลงวันที่เป็นสื่อ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ กระนั้น ก็ไม่อาจเรียกได้ว่านั่นคือ ‘อุดมการณ์' หรือ ‘การอุทิศตน' ของเหล่าแมลงวัน เพราะแท้ที่จริงมันคือการดำเนินวิถีชีวิตตามสัญชาติญาณของแมลงวันก็เท่านั้นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้บริโภค จึงไม่ได้อยู่ที่การเรียกร้องให้แมลงวันเปลี่ยนสันดาน และไม่ได้อยู่ที่การปราบปรามแมลงวันทุกชนิดให้สิ้นซาก แต่ควรจะเป็นการรู้เท่าทันและเข้าใจในธรรมชาติของเหล่าแมลงวัน และพยายามหลีกเลี่ยงในสิ่งที่อาจส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ ส่วนบรรดาแมลงวันที่ำสำคัญตนว่าเป็นผู้กุมชะตากรรมของสังคม อาจต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า แมลงวันไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่ผู้รู้ ไม่ใช่ผู้ตัดสิน แมลงวันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของโลกใบนี้เท่านั้น ไม่ได้แตกต่างอะไรจากสิ่งมีชีิวิตอื่นๆ เลย   
หัวไม้ story
 ทีมข่าวพิเศษ Prachatai Burmaคณะพี่น้องตลกหนวดแห่งมัณฑะเลย์ (The Moustache Brothers)ทำมือไขว้กันสองข้าง เป็นเครื่องหมาย ‘ไม่รับ’ รัฐธรรมนูญรัฐบาลทหารพม่า (ที่มา: The Irrawaddy)ก่อนนาร์กิสจะซัดเข้าถล่มประเทศกระทั่งอยู่ในภาวะวิกฤต แน่นอนว่า ความสนใจที่โลกจะจับตามองประเทศมองนั้นคือวันที่ 10 นี้ ประเทศพม่าจะมีการลงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประวัติศาสตร์ ที่รัฐมนตรีฝ่ายข้อมูลข่าวสารของพม่ากล้าพูดว่า กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและกระบวนการลงประชามตินั้นเป็นประชาธิปไตยกว่าของไทย แม้ว่าแหล่งข่าวภายในรัฐฉานจะให้ข้อมูลที่ต่างไปว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของพม่านั้น มีเพียงของรัฐบาลที่ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีฝ่ายค้าน ขณะที่ชนกลุ่มน้อยที่มาร่วมก็เป็นเพียงกลุ่มหยุดยิงที่สวามิภักดิ์รัฐบาล และไม่มีหน้าที่อะไรมากไปกว่ามานั่งฟัง เพราะรัฐบาลทหารพม่าปฏิเสธข้อเสนอชนกลุ่มน้อยทั้งหมดภายหลังวาตภัยนาร์กิสที่คร่าชีวิตชาวพม่าไปเรือนหมื่นพร้อมผู้ประสบภัยอีกจำนวนนับแสนคน สายตาของนานาชาติเปลี่ยนไปสู่การยื่นข้อเสนอเข้าช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของชาวพม่า โดยเฉพาะสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์นั่คือ สิทธิในการเข้าถึงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคนั้นได้ถูกไฮไลท์ขึ้นมาอย่างหนักหน่วงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพของศพที่ไร้การเหลียวแลจัดการจากทางรัฐบาลถูกนำเสนอต่อสายตาชาวโลก รายงานอย่างต่อเนื่องถึงท่าทีที่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากนานาชาติรวมถึงผลักดันเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลอินโดนีเซียซึ่งเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ด้วยเหตุผลว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้น พกเอาช่างภาพเข้าไปด้วยรัฐบาลพม่าปฏิเสธความช่วยเหลือในด้านบุคลากร และเสนอรับเพียงเครื่องอุปโภคบริโภคเท่านั้น เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมจากชาติต่างๆ รวมถึงจากองค์การสหประชาชาติยังคงติดค้างอยู่ในประเทศไทยจำนวนมากเพื่อรอการอนุญาตให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ในขณะเดียวกันก็ปรากฏข่าวว่า ทหารและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภคที่ได้รับบริจาค และเริ่มนำสิ่งของเหล่านั้นออกขายในราคาแพงDebbie Stothard, Coordinator ขององค์กร Altsean-Burma (Alternative ASEAN Network on Burma) แสดงความวิตกต่อสถานการณ์รัฐบาลพม่าช่วยเหลือชาวบ้านชนิดแทบจะไร้การจัดการว่า ถ้าไม่ยอมให้มีการช่วยเหลือจากนานาชาติผู้เสียชีวิตอาจมากถึงหลักล้าน รัฐบาลทหารพม่ามีเวลา 24 ชั่วโมงในการเตือนแต่ไม่ทำอะไร ถ้าเตือนล่วงหน้าจะไม่มีผู้เสียชีวิตมากขนาดนี้ และนี่ถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก เพราะนานาชาติไม่สามารถติดต่อผู้คนข้างใน หรือจับตาการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลพม่าใดๆ ได้เลยเหนือสิ่งอื่นใด การลำดับความสำคัญของรัฐบาลทหารพม่ายังคงไม่แปรเปลี่ยนไปจากเดิม นั่นคือพยายามผลักพม่าไปสู่การเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกัน
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
ราศีเมษ Aries (13 เมย.-13 พค.)    ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้ Wheel of Fortune ค่ะ ไพ่กงล้อโชค บ่งบอกถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงสู่ด้านที่ดีขึ้น ดังคำกล่าวว่า ชะตาชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง ขอให้คุณเกิดกำลังใจไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามในช่วงนี้ มีโชค มีเฮงค่ะธุรกิจ การงาน  Death คุณจะมีเรื่องที่ก้าวสู่จุดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจเป็นสถานการณ์เช่น การโยกย้าย การออกจากงาน การเปลี่ยนงานใหม่ หรือเป็นความคิด ความรู้สึก เช่น การตัดใจ การยอมรับว่ามีบางสิ่งต้องจบลง การหมดใจกับเพื่อนร่วมงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ฯลฯ ค่ะ อย่างไรก็ตาม ไพ่ใบนี้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องเลวร้ายเสมอไป อาจจะบอกแค่การจบลง การสิ้นสุด เพื่อผ่านไปสู่ชีวิตใหม่ค่ะสถานการณ์การเงิน  The Emperor ถือว่าการเงินมีความมั่นคงมากทีเดียว แต่ก็อาจมีค่าใช้จ่ายหนักๆ เกี่ยวข้องกับลูกน้อง บริวาร หรือการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ โครงการใหญ่ๆ ที่ต้องสัมพันธ์กับรัฐ หรือผู้มีอำนาจต่างๆ ใครที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับคนต่างชาติ ถือว่ามีลู่ทางในการประสบความสำเร็จค่ะความรัก ความสัมพันธ์    ราชินีดาบ น่าจะมีปัญหาหนักพอสมควรค่ะ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ การเจรจา หาข้อตกลง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของคนรักกันสองคน หรือมีผู้อื่นที่มีอิทธิพลต่อคุณทั้งสอง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามาเกี่ยวด้วยก็ได้ค่ะ ระมัดระวังการกระทบกระทั่งด้วยท่าทีแข็งกร้าวด้วยค่ะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น 2 ดาบ การสื่อสารที่อาจขัดข้อง การปกป้องตัวเอง และยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดค่ะคำแนะนำพิเศษ  4 ถ้วย ขอให้คุณชะลอการตัดสินใจ หากไม่มีข้อมูลที่ดีพอค่ะ
ภู เชียงดาว
(1)ดอกฝนหล่นโปรยมาทายทักแล้ว,ในห้วงต้นฤดูหอมกลิ่นดินกลิ่นป่าอวลตรลบไปทั่วทุกหนแห่งหัวใจหลายดวงชื่นสดในชีวิตวิถีถูกปลุกฟื้นตื่นให้เริ่มต้นใหม่อีกคราครั้ง…ตีนเปลือยย่ำไปบนดินนุ่มชุ่มชื้น,เช้าวันใหม่ไต่ตามสันดอย ไปในไร่ด้วยกันนะน้องสาวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน  ช่วยกันทำงานๆพี่ใช้เสียมลำไม้ไผ่กระทุ้งดิน  น้องหยิบเมล็ดข้าวหยอดใส่หลุมไม่เร่งรีบ ไม่บ่นท้อ ในความเหน็ดหน่ายเสร็จงานเราผ่อนคลาย  เอนกายผ่อนพักใต้เงาไม้ใหญ่แล้วพี่จะกล่อมให้, ด้วยเพลงพื้นบ้านโบราณขับขาน
Music
  นิยายวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องเล่าอิงจินตนาการพร้อมกับความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ นักทฤษฎีแบ่งนิยายวิทยาศาสตร์ออกไว้เป็นสามยุคใหญ่ ๆ คือ ‘ยุคคลาสสิก' ที่มักพูดถึงอนาคตภายใต้อวกาศกว้างใหญ่ไพศาล มองอนาคตอย่างก้าวหน้าและอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ จนกระทั่งความเจ็บปวดหลังยุคอุตสาหกรรมที่ยังมีการกดขี่กันของมนุษย์ทำให้ ‘ยุคที่สอง' ของนิยายวิทยาศาสตร์เริ่มมีท่าทีวิพากษ์สังคมเข้ามาปะปน บางเรื่องก็มีประเด็นทางสังคม อย่างการเหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติ บ้างก็มีจินตนาการของรัฐบาลเผด็จการเบ็ดเสร็จที่อาศัยเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ มาจนถึง ‘คลื่นลูกที่สาม' ก็มองโลกในแง่ร้ายอย่างสุดกู่ จินตนาการก้าวหน้า ล้ำสมัย ไม่ได้ทำให้มนุษย์เดินทางไปบนเส้นทางที่น่าพิศมัย แต่กลับสร้างโลกแบบ Dystopia ขึ้นมา โดยได้อิทธิพลจากแนวคิดหลังสมัยใหม่และภาพยนตร์ฟิล์มนัวร์เนื้อหาเชิงนิยายวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มักปรากฏอยู่ในงานแนว Progressive Rock และ Industrial บางสาย และ Ayreon ซึ่งเป็นวงโปรเจกท์จากมันสมองของ Arjen Lucassen ก็เล่นแนว Progressive Rock/Metal โดยมีเนื้อหาแบบนิยายวิทยาศาสตร์อยู่แทบทุกอัลบั้มในอัลบั้มล่าสุดที่ใช้ชื่อเป็นเลขดิจิตอลคือ 01011001 ก็ยังคงมีเนื้อหาวิทยาศาสตร์เชิงจินตนาการอยู่เช่นเคย และดูเหมือนจะอ้างอิงไปถึงเนื้อหาจากอัลบั้มเก่าๆ แบบไม่ต่อเนื่องกันด้วย01011001 เป็นตัวเลขดิจิตอลที่แปลงออกมาได้เป็นตัวอักษร Y ชื่อของดาวเคราะห์ที่กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า Forever อาศัยอยู่พวก Forever นี้เองเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการ (?) จนเป็นอมตะและไร้ความรู้สึก (อาจจะไม่ถึงขั้นโดยสิ้นเชิง) พวกเขาอยู่กับความอมตะของตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างไร้ความหมาย ต่อมาพวกเขาจึงคิดจะสร้างมนุษย์ขึ้นมาบนโลกโดยการส่งรหัสพันธุกรรมผ่านมากับอุกกาบาต พวก Forever หวังว่ามนุษย์จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ ‘สำเร็จลุล่วง' แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อการเวลาผ่านไป มนุษย์เริ่มทำลายกันเองจนกระทั่งสูญสิ้นตัวเนื้อหาของอัลบั้มนี้ทำให้ผมนึกถึงการ์ตูนเรื่อง ‘ฮิโนโทริ - วิหคเพลิง' ผลงานของ ‘เท็ตสึกะ โอซามุ' อย่างเสียมิได้ โดยเฉพาะภาคโลกอนาคต ฮิโนโทริเป็นเรื่องเล่าของวิหคเพลิงอมตะ (น่าจะเอามาจากตำนานนกฟินิกซ์) ที่มีคนเชื่อว่าหากได้ดื่มเลือดนกตัวนี้แล้วจะมีชีวิตนิรันดร์ไม่แก่ไม่ตาย เรื่องของวิหคเพลิงมีอยู่หลายตอน บางตอนมีเนื้อเรื่องภายใต้ฉากแบบย้อนยุค (อาจอิงประวัติศาสตร์เล็กน้อย) ขณะที่บางตอนมีฉากเป็นโลกอนาคต (เล่าแบบนิยายวิทยาศาสตร์)มีอยู่ตอนหนึ่งเล่าถึงเมืองย้อนยุคที่มีราชินีชื่อ ‘ฮิมิโกะ' ตั้งตัวเป็นสมมติเทพ ไม่ว่าจะทำนายอะไรผู้คนก็จะต้องเชื่อ (หรือถูกบังคับให้เชื่อ) แต่คำทำนายหรือคำสั่งของราชินีฮิมิโกะ ก็มักจะนำมาซึ่งความสูญเสียของผู้บริสุทธิ์ ผู้คนที่ไม่ทำตามคำสั่ง (แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม) จะถูกลงโทษ แต่ถึงจะมีอิทธิพลมากมาย ราชินีฮิมิโกะก็เป็นมนุษย์ที่มีเกิดแ่ก่เจ็บตาย เมื่อเธอพบว่าตัวเองแก่ตัวลงก็เริ่มหมกมุ่นอยู่กับการสั่งให้คนตามล่าวิหคเพลิง เพื่อตนจะได้ดื่มเลือดแล้วเป็นอมตะ การหมกมุ่นอยู่กับการตามหาวิหคเพลิงทำให้สุดท้ายบ้านเมืองก็ระส่ำระส่ายและค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่อยๆในภาคโลกอนาคต พูดถึงการที่มนุษย์ต้องลงไปสร้างเมืองกันอยู่ใต้ผืนโลกเพราะบรรยากาศบนโลกนั้นเป็นที่ๆ มนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป (เว้นแต่นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนหนึ่งที่อาศัยในโดมเฉพาะ และพยายามสร้างชีวิตใหม่ให้อยู่บนผิวโลกแบบนี้ได้) แต่ถึงแม้พัฒนาการทางเทคโนโลยีจะก้าวไกลขนาดไหน อะไรอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็ไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยหากในตอนย้อนยุคผู้คนเชื่อคำทำนายและ (จำต้อง) ทำตามคำสั่งของราชินีจนบ้านเมืองอ่อนแอ ผู้คนในยุคอนาคตก็มีสิ่งที่เรียกว่า ‘สมองกล' คอยคำนวนสิ่งต่างๆ และสั่งออกมาให้คนต้องทำตาม สมองกล แม้ว่าจะมีคณะผู้แทนฯ แต่พวกเขาส่วนใหญ่เชื่อการคำนวนของ ‘สมองกล' ไร้หัวจิตหัวใจ มากกว่าจะเชื่อมนุษย์ที่มีความรู้สึกด้วยกันเอง ‘สมองกล' สั่งให้ยืนก็ต้องยืน สั่งให้นั่งก็ต้องนั่ง จนกระทั่งมีคนใช้การคำนวนของ ‘สมองกล' มาเป็นข้ออ้างในการประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม มนุษย์ยุคอนาคตทำสงครามกันเองจนกระทั่งสูญสิ้นไปมันคือความงมงายที่ต่างยุคสมัย มนุษย์ยุคหนึ่งเจ็บปวดยากแค้นจากคำทำนายของสมมติเทพที่มนุษย์สมมติกันขึ้นมาเอง ขณะที่อีกยุคหนึ่งต้องมาทำลายกันเพียงเพราะเชื่อในสิ่งไร้ชีวิต...ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองเช่นกันกลับมาที่ Ayreon จากอัลบั้มก่อนๆ ที่มีทั้งการเดินทางผ่านห้วงอวกาศและกาลเวลาไปสำรวจประวัติศาสตร์ จนถึงอัลบั้มก่อนหน้าคือ The Human Equation หรือ ‘สมการมนุษย์' ที่เน้นดำดิ่งลงไปสำรวจจิตใจมนุษย์ผ่านความรู้สึกหลากหลาย สำหรับอัลบั้ม 01011001 ก็เน้นกลับมาพูดถึงการเดินทางผ่านห้วงอวกาศอีกครั้งเนื้อหาของ 01011001 ได้ผสมผสานกับแนวคิดหลากหลายจากนิยายวิทยาศาสตร์ไว้แบบที่คอแนว Sci-fi คงคุ้นเคยกับมันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดเรื่อง ‘ผู้สร้าง' ที่เป็นสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการสูงจากแดนไกลโพ้น เรื่อง Missing Link ของวิวัฒนาการมนุษย์ อุกกาบาตที่นอกจากนำพาความวินาศมาแล้ว ยังนำพาการกำเนิดใหม่มาด้วย ฯลฯนอกจากเรื่องราวที่ร้อยกันเป็น Concept album แล้ว อัลบั้มนี้ก็มีแบบฉบับของ Arjen อีกอย่างคือการที่เขาได้เชิญแขกรับเชิญจากหลายวงมาร่วมโปรเจกท์ โดยเฉพาะนักร้องที่มาร่วมขบวนกันคับคั่งโดยมีทั้งนักร้องนำชายหญิงจากวงเมทัลหลากหลายแนว แน่นอนว่า 01011001 จะต้องเป็นอัลบั้ม ‘ร็อคโอเปร่า' อลังการอีกอัลบั้มหนึ่งของ Arjen อย่างไม่ต้องสงสัยหากเทียบกับ The Human Equation ที่ให้นำหนักของเสียงร้องที่ตอบโต้กันแบบโอเปร่าแล้ว ทั้งการใช้เสียงร้องและดนตรีใน The Human Equation ฟังดูมีเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา ขณะที่ 01011001 ฟังดูเยือกเย็น ทึมทืบ และไร้ชีวิต ซึ่งน่าจะเป็นความจงใจให้เข้ากับคอนเซปท์ที่แตกต่าง เพราะ ‘สมการมนุษย์' นั้นมีการปะทะกันระหว่างความโกรธแค้น ความเจ็บปวด ความหวัง ความรัก ความรู้สึกผิด ความหยิ่งยโส ความปรารถนา การใช้เหตุผล ฯลฯ ขณะที่อัลบั้มหลังนี้พูดถึงสิ่งมีชีวิตแต่ไร้ชีวา-ปลอดความรู้สึกอย่างพวก Foreverในช่วงแรกๆ ของอัลบั้ม เพลง Age of Shadow, Comatose, Liquid Eternity เป็นฉากบรรยายสภาพความมีชีวิตอย่างไร้ชีวาของ Forever และมี Forever จำนวนหนึ่งคิดอยากจะกลับไปมีอารมณ์ความรู้สึกเช่นเดิม บางทีอาจถึงขั้นเฝ้าฝันจะกลับไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเกิดดับแบบเดิม ไม่ใช่พวกอมตะอย่างที่เป็นอยู่ ขณะที่ Forever อีกจำนวนหนึ่งทัดทาน...เพลงเปิดคือ Age of Shadow ทำออกมาได้หนักแน่นและเผยบรรยากาศของความเป็นจักรกลปลอดความรู้สึกได้อย่างดี"Would you prefer the pain and suffering we had?Would you prefer to be in peril, even dead?Would you prefer to live the life we've loved to play?Would you prefer to live a mortal life instead?""คุณอยากกลับไปมีความรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นที่เคยมีน่ะหรือ?คุณอยากกลับไปพบกับภัยอันตราย กระทั่งความตายน่ะหรือ?คุณอยากกลับไป ใช้ชีวิตที่พวกเราละเลงเล่น?คุณอยากกลับไป มีชีวิตเยี่ยงสัตว์โลกที่แก่ตายได้น่ะหรือ?"- Liquid Eternity -เพลงในอัลบั้มนี้เล่าเรื่องสลับกันไประหว่างฝ่าย Forever กับชีวิตของมนุษย์บนโลกในยุคร่วมสมัย ซึ่งโทนของดนตรีจะปรับให้ฟังง่ายและฟังดูร่วมสมัยตามเนื้อหาไปด้วย เช่นเพลง Connect the Dots เป็นเพลงที่ดนตรีเรียบง่ายและสะท้อนภาพชีวิตวัยทำงานของชนชั้นกลางไว้อย่างตรงไปตรงมา"I hugged the wife and drove to work todayIt was only a few milesWas in a hurry but the lights were changing up aheadSo I stepped on the gasI checked the web and left it on over nightDownloading all the latest filesFear, revere, the torrent flows into my lapAnd I disconnect" "ฉันกอดภรรยาก่อนขับรถออกจากบ้านไปทำงานทั้งที่ระยะทางก็แค่ไม่กี่ไมล์ฉันรีบมากแต่สัญญาณไฟก็เปลี่ยนอย่างไม่เป็นใจเลยเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งไปฉันเปิดเว็บและปล่อยมันทิ้งไว้ทั้งคืนเพื่อดาวน์โหลดไฟล์ใหม่ล่าสุดหวาดกลัวระคนยำเกรง ไฟล์ทอร์เรนต์ไหลมาสู่หน้าตักแล้วฉันก็หยุดเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์"- Connect the Dots -เพลงนี้จบด้วยประโยค "เราอาจจะตายในวันพรุ่ง แต่ก็มีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้" (We're dying tomorrow. We're living for today.) อีกเพลงที่พูดถึงชีวิตมนุษย์ร่วมสมัยคือ Web of Lies บัลลาดนุ่มๆ ที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวสองคนคือ PX กับ Simone ที่คุยกันผ่านอินเทอร์เน็ต แม้ในเนื้อหาจะไม่สื่อไปในทางบวกหรือลบ แต่ชื่อเพลงมัน (ซึ่งจะแปลว่า ‘โครงข่ายแห่งการหลอกลวง' หรือ ‘เว็บแห่งการหลอกลวง' ก็ได้) ดูจะสะท้อนการมองโลกในแง่ร้ายของ Arjen อยู่พอสมควรArjen Lucassen เพลง Beneath the Waves, Newborn Race และ Ride the Comet ก็เล่าเรื่องของการที่พวก Forever ต้องการสร้างชีวิตใหม่บนโลกโดยผ่านรหัสพันธุกรรมที่ส่งไปพร้อมกับอุกกาบาต สองเพลงแรกค่อยๆ บิวท์ส่งมาถึงเพลง Ride the Comet ที่หนักแน่นเต็มพลังร็อคโอเปร่าภายใต้ฉากแบบอวกาศล้ำยุคมาจนถึง The Fifth Extinction ที่ทรงพลังไม่แพ้เพลงเปิดอัลบั้ม เล่าถึงอุกกาบาตที่ถูกส่งมาบนโลกจนทำให้เกิดการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ของเจ้าโลกในยุคนั้น คือ ไดโนเสาร์ (เพลงจะเรียกอ้อมๆ ว่า Reptile-สัตว์เลื้อยคลาน) ตามด้วย Waking Dreams ที่มีคอรัสสวยๆ และโซโล่คีย์บอร์ดเพราะพริ้งพูดถึง Missing Link ที่ทำให้เกิดการวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์The truth is in here ย้อนกลับมาเล่าเรื่องของมนุษย์ร่วมสมัย พูดถึงชายผู้หนึ่งชื่อ Mr.L คุยให้ฟังว่าได้ฝันเห็นภาพอนาคตที่เย็นยะเยือกไร้ชีวิต แต่พยาบาล (ซึ่งเสียงอย่างกับหุ่นยนต์) ก็บอกว่าเขาแค่เพ้อและควรได้รับการพักผ่อน เพลงที่ผมชอบมากอีกเพลงคือ Unnatural Selection ที่มี Forever สองฝ่ายเห็นการพัฒนาของมนุษย์แล้วมีความเห็นต่างกัน ฝ่ายหนึ่งเห็นว่ามนุษย์เป็นชีวิตที่งดงาม ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าพวกนี้จะลุกขึ้นมาทำลายกันเองในที่สุด ลูกเล่นบางส่วนของเพลงนี้ฟังดู Sophisicate ไปหน่อย แต่นับว่าเป็นเพลงที่เรียบเรียงดนตรีได้ดีมากเพลงหนึ่งทีเดียว"Can you see the fire in their eyes?Can you hear the anguish in their cries?Can you see the beauty in their eyes?Can you sense the love within their hearts?I can taste the freedom we once hadI can touch their pain when they feel sadI can smell the fragrance of the airI remember times we used to share""คุณมองเห็นไฟคุโชนในแววตาของพวกเขาไหม?คุณได้ยินความรวดร้าวจากเสียงร้องของพวกเขาไหม?คุณมองเห็นความงามในดวงตาพวกเขาหรือเปล่า?คุณรู้สึกถึงความรักในหัวใจของพวกเขาไหม?ฉันได้ลิ้มรสชาดของอิสรภาพที่พวกเราเคยมีฉันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดยามพวกเขาเศร้าฉันได้กลิ่นหอมหวนอวลอยู่ในอากาศฉันจดจำถึงวันเวลาที่พวกเราเคยใช้ร่วมกันได้"- Unnatural Selection -แต่ในอัลบั้มร็อคโอเปร่าที่เย็นเยือกทืมทึบก็ไม่ปล่อยโอกาสให้มองอะไรในแง่ดีกันมากนัก เพราะจุดจบของอัลบั้มนี้คือ The Sixth Extinction ที่ไม่ปราณีกับความรู้สึกอ่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เป็นจุดจบแบบเดียวกับเรื่องวิหคเพลิงในภาคอนาคตผลงานชุดล่าสุดของ Ayreon นี้มีเนื้อหาที่เชื่อมโยงไปถึงอัลบั้มเก่าๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น The Final Experiment, Universal Migrator แม้กระทั่งอัลบั้มที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวกับการเดินทางในอวกาศอย่าง The Human Equation ก็มีเนื้อหาบางอย่างเชื่อมกับอัลบั้มนี้อยู่เหมือนกันในประโยคสุดท้ายของอัลบั้ม The Human Equation คือ "Emotion...I Remember" (ความรู้สึกหรือ...ฉันนึกออกแล้ว) โดยที่ใน 01011001 เองส่วนหนึ่งก็พูดถึงการต่อสู้กันระหว่างความด้านชา กับความเป็นมนุษย์ที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกแน่นอนว่าจินตนาการเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับมนุษย์ และในเรื่องเล่าแนววิทยาศาสตร์นี้เอง ไม่ว่ามันจะพูดถึงความวิจิตรสวยงามของเทคโนโลยี หรือโลกอนาคตที่น่าหวาดผวาก็ตาม มันก็เป็นจินตนาการของโลกในวันพรุ่ง ที่เชื่อมโยงกับโลกในวันนี้อยู่ไม่มากก็น้อยผมหวังแค่ว่า เราจะได้เห็นโลกในจินตนาการที่ผู้คนพ้นไปจากความงมงายไม่ว่าจะจาก ‘สมองกล' หรือ ‘สมมติเทพ' ก็ตาม  
เงาศิลป์
กลีบดอกไม้ป่าร่วงผลอยไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เมล็ดพันธุ์เติบโตเท่าทันกับฤดูฝนที่มาถึง ราวป่าท้ายไร่จึงเขียวขจีชุ่มชื่นแผ่ผ่านความสดใสมาถึงหัวใจของผู้คนในละแวกใกล้เคียง“ไปทำบุญที่ยอดห้วยกันเถอะ”ยายแดงตะโกนเรียกมาจากบนรถอีแต๊ก ที่ควบปุเลงๆผ่านหน้าไร่ฉันไปอย่างรวดเร็วเกินธรรมดา ขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาจัดการกับต้นหญ้าเล็กๆที่หน้าบ้าน
กวีประชาไท
ยินเสียงครวญ  ร้องดัง  ห้องขังมืดเท้าเหยียดยืด  มือยัน  พยุงนั่งเปล่งเสียงร้อง  ก้องผ่านกรง  โลกจงฟังเสียงครวญดัง  จากห้องขัง  ห้องทรมานกระบองฟาด  สาดน้ำแข็ง แทงเหล็กกรวมร่างกายบวม  นวมช้ำ เลือดไหลพล่านไฟฟ้าช็อต  เฉียดปลิด ชีวิตญาณทรมาน...แสนทรมาน จักเหลือทนยินเสียงครวญ  ร้องดัง  ห้องขังร้ายเกือก-ล้อมกาย  หมายมั่นปลิด  ชีวิตคนโอดโอย  โอดครวญ  จำทวนทนกระเสือกกระสน ดิ้นรน  หลังชนฝาเสียงครวญก้อง  จากห้องขัง  กังวานไกลลมหายใจ  สุดท้าย  อยู่ตรงหน้าจิตสั่งเสีย  จงเข้มแข็ง  นะลูกจ๋าพ่อเหลือทน  ขอจากลา  กลับฟ้าไกลHutanmimpi *หนึ่งในความบอบช้ำที่ถูกส่งเข้าไปในจิตใจของพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ความไร้มนุษยธรรมของเจ้าหน้าที่เลวบางคนที่กระทำซ้ำเติมต่อประชาชน การจับกุมตัวไปกักขัง แล้วใช้วิธีโหดด้วยการซ้อมทรมานเป็นวิธีการของความป่าเถื่อนสิ้นดี!! * Hutanmimpi หรือ ฮูตันมิมปี เป็นนามปากกาของกวี  เขาเป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี
มูน
“ขอบคุณมากนะที่มาเจอกัน วันนี้ช่างเป็นวันดีจริงๆ” ชิว สู เฟิน พูดด้วยรอยยิ้มแจ่มใส เอื้อมมือมาบีบแขนฉันเบาๆเธอเป็นคนไต้หวันที่มาอาศัยอยู่ในเมืองไทย และพูดไทยเก่งมาก“ฉันเป็นคนไทเป” เธอเล่าให้ฟัง “คุณเชื่อไหม เมื่อก่อนฉันคิดว่าฉันสวยนะ”ใบหน้าไร้เครื่องสำอางนั้นขาวผ่องสดใส ฉันนึกแปลกใจในถ้อยคำของเธอ ชิว สู เฟิน หัวเราะเมื่อเล่าต่อว่า“เสื้อผ้าฉันต้องซื้อที่ฮ่องกง กระเป๋าต้องซื้อที่ฝรั่งเศส เวลาใส่ชุดสวยๆ ออกจากบ้าน โอ มีความสุขมากเลย แต่สุขได้สามวัน มีคนใส่ชุดสวยกว่าฉันอีก ฉันมีความทุกข์แล้ว วันๆ ฉันก็นั่งอยู่ในตลาดหุ้น ขยันหาเงินเพื่อแข่งกับคนอื่นๆ”เธอยกมือขาวๆ ที่ว่างเปล่าขึ้นมา“ฉันชอบใส่เพชร วันนี้ฉันซื้อเพชรมาใส่หนึ่งกะรัต ภูมิใจมาก วันรุ่งขึ้นเห็นเพื่อนใส่สองกะรัต โอ กลุ้มใจ ต้องรีบหาเงินมาซื้อเพชรสามกะรัต วันไหนฉันดีกว่าเขาฉันก็สุข วันไหนแย่กว่าเขาฉันก็ทุกข์ จิตใจฉันขึ้นๆ ลงๆ อย่างนี้”……………..ชิว สู เฟิน หยิบภาพถ่ายใบหนึ่งให้ฉันดู “คุณเชื่อไหม มีบ้านแบบนี้อยู่ใกล้ๆ สนามบินสุวรรณภูมิ”
สวนหนังสือ
นายยืนยง  บทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์            :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล                 :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ         :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์           :    โครงการจัดพิมพ์คบไฟ  พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม พ.ศ. 2541
แสงดาว ศรัทธามั่น
"ท่าน ค า ลิ ล ยิ บ ร า น "คือหนึ่งในมหาปราชญ์กวีแห่งโลกหล้าปลุกปลอบเพื่อนมนุษยชาติให้งดงามจิตวิญญาณ์หลอมคุณค่าชีวีโลกให้ ฉ่ำ บา น !

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม