Skip to main content

ในฐานะนักมานุษยวิทยาการท่องเที่ยว ผู้เขียนจะรู้สึกฟินฝุดๆ เมื่อพบว่าพื้นที่ท่องเที่ยวใดเปิดโอกาส เปิดที่ เปิดทางให้คนเล็กคนน้อยได้ทำมาหากิน และเปิดที่ เปิดทาง เปิดโอกาส ให้คนเล็กคนน้อยได้เที่ยวในราคาถูกแบบบ้านๆ เช่นกัน

หน้าวัดไทย อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ในเทศกาล “การบวงสรวงวันเปิดโลก บูชาพญานาค” เป็นอีกพื้นที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกฟินเวอร์

ในการขายแผงลอยในงาน เรานึกว่ามีแต่พ่อค้าแม่ค้ามาจากต่างจังหวัด แต่ที่ไหนได้ คนท้องถิ่นก็มีไม่น้อย เช่น พ่อค้าข้าวจี่ แม่ค้าส้มตำ และแม่ค้าขายข้าวเหนียวหมูย่าง ทั้งสามคนที่ผู้เขียนไปอุดหนุน ต่างก็เป็นคนโพนพิสัย

เดินไปเดินมาเจ๊อะ ชายชราวัย 50 ตอนปลายเดินขายเสื่อ 2 ผื่น กลิ่นเหล้าโชยคลุ้ง ตรงมายังผู้เขียนแล้วบอกว่าขอให้ช่วยซื้อหน่อย ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวเลย (ก็แน่ละซิ๊ กลิ่นเหล้าหึ่งซะงั้น) ถ้าขายไม่ได้ เมียจะไม่ให้กินข้าว อะไรประมาณนี้

เดินไปได้อีกนิดก็เจอกับขอทาน ด้วยความที่เคยไปช่วยนิสิตนามว่า “หมวย” พูดคุยกับขอทานในการทำงานวิจัยและข่าวเจาะเรื่องขอทานของหมวย ทำให้การคุยกับขอทานของผู้เขียนเป็นเรื่องง่าย ต่างกับเมื่อปีก่อนที่คุยไป ก็ขัดๆ เขินๆ ไป เพราะคนเดินถนนต่างจ้องมองเรา

คราวนี้ก็ไม่ได้เดินเที่ยวคนเดียวอีกแหละ แต่มากับหมวย เจ้าเก่า (จากตอนที่ 2) เราเลยต่างคนต่างนั่งประกบซ้าย-ขวา แล้วชวนขอทาน 3 คน คุยต่างกรรม ต่างวาระ ด้วยภาษาอีสานสำเนียงพอไปรอด (แม้ไม่ 100 % ก็ตาม)

เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง…

แม่ใหญ่ (ยาย) หนึ่ง (นามสมมติ) เป็นคนขาขาดข้างเดียว ขาดตั้งแต่ใต้หัวเข่าลงมา นั่งขอทานพร้อมขาเทียม เดินไปไหนมาไหนได้เอง แม่ใหญ่มาจากอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น อาชีพขอทานตามเทศกาลต่างๆ เมื่อหมดเทศกาล “การบวงสรวงวันเปิดโลก บูชาพญานาค” แล้วก็จะไปที่อำเภอ (อะไรไม่รู้ จำไม่ได้) ของจังหวัดหนองคาย ที่จัดเทศกาลแข่งเรือยาวออกพรรษา แม่ใหญ่มาพร้อมกับเพื่อนบ้านๆ เดียวกัน แต่ขาดี แม่ใหญ่หนึ่งบอกว่าไม่มีที่ไร่ที่นามาแต่ไหนแต่ไร รับจ้างไปเรื่อยๆ เมื่อหมดแรง ก็มาขอทาน

มีป้าคนหนึ่งเป็นข้าราชการเกษียณอายุ ให้เงินแม่ใหญ่หนึ่งแล้วถามแม่ใหญ่ว่า ลูกหลานไม่เลี้ยงเหรอยาย มานั่งขอทานเนี่ย แต่แม่ใหญ่หนึ่ง ยังไม่ทันตอบ ป้านั้นก็ถูกสามีดุว่า ให้เงินเขาแล้วก็ให้ไป ไปถามเขาทำไม

ภาพ 1 หมวยกับแม่ใหญ่สอง

แม่ใหญ่สอง (นามสมมติ) คือแม่ใหญ่ขาดี มาด้วยกันกับแม่ใหญ่หนึ่ง แต่แยกสาขาไปนั่งขอทานคนละมุม บอกว่าเมื่อขอทานเสร็จ หรือไม่มีเทศกาลใดให้นั่งขอทานแล้วจะกลับไปรับจ้างเลี้ยงเด็กให้คนในหมู่บ้านที่ขอนแก่นนั่นแหละ เพราะพ่อแม่เด็กไม่อยู่ ว่าแล้วก็ชวนคิดถึงคำที่ อ.มิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด เคยพูดไว้เมื่อหลายปีก่อนว่าเศรษฐกิจชนบทภาคอีสาน คือ "อุตสาหกรรมเลี้ยงเด็ก"

แม่ใหญ่สองเคยมีที่นา แต่นาน้ำท่วม ตอนนี้ไม่มีแล้ว ขายไปหมดแล้ว ดังนั้น อาชีพขอทาน จึงเป็นอาชีพหนึ่งในหลายอาชีพ ที่แม่ใหญ่สองได้ประกอบการ

ยังไม่ทันจะได้ถามต่อ แม่ใหญ่สองก็บอกผู้เขียนว่า “ปวดขี้” ตอนแรกก็ฟังไม่ชัด นึกว่า “ปวดฉี่” เลยถามไปว่าปวดเยี่ยว หรือปวดขี้ แกบอกว่าปวดขี้ ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย จากนั้นก็ลุกโดยผู้เขียนกับหมวยช่วยประคอง แล้วก็เดินจากไป (สงสัยจะรำคาญพวกเรา ถามเยอะ....อิอิ)

ภาพ 2 ผู้เขียนกับแ่ม่ใหญ่สาม

แม่ใหญ่สาม (นามสมมติ) แม่ใหญ่นี้ผู้เขียนเจอตอนเย็นๆ ท่าทางดูนิ่งๆ และมีสง่าราศรีมาก แกไม่ได้ยกมือไว้ผู้คนตลอดเวลา แต่จะไหว้เมื่อมีคนมาให้เงิน แม่ใหญ่สามนี้อารมณ์ดี และคุยเก่ง คุยกันไป หัวเราะกันไป เลยคุยกันได้นาน แม่ใหญ่อายุ 84 ปีแล้ว เป็นคนอำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร แม่ใหญ่มางานนี้พร้อมกับเพื่อนบ้านวัย 40-50 ปี 5-6 คน และลูกชายอีกหนึ่งคน ทั้งหมดยกเว้นลูกชายไปเดินเที่ยวและรอดูบั้งไฟพญานาค ส่วนลูกชายไปเดินขายลูกโป่ง แม่ใหญ่บอกว่า มานั่งตรงนี้ “ซือๆ” (เฉยๆ) เอากระป๋องมาวางแล้ว คนเขาให้เงินเอง

แม่ใหญ่สามเคยทำนาเมื่ออายุ 30-40 ปี ก็ขายไร่ขายนา ไปทำการค้าขายที่อุดรธานี ขายหลายอย่าง ผักบ้าง ขนมบ้าง ต่อมาก็ทำตุ๊กตาผ้าขาย แต่เพราะเมื่อ 2 ปีก่อน สายตาเริ่มมองไม่เห็น คุยไปคุยมาแม่ใหญ่บอกว่าความจริงแล้วสายตาก็พอมองเห็นบ้าง แต่แก่หง่อมมากแล้ว ขี้เกียจนั่งหลังขดหลังแข็งทำตุ๊กตา  เลยมานั่ง “ซือๆ” นี่แหละ  ว่าแล้วก็หัวเราะตัวเอง

แม่ใหญ่มีลูกชายเพียงคนเดียว ผัวตายตั้งแต่แม่ใหญ่อายุ 50 ปี ลูก-หลานก็เลี้ยงดูแม่ใหญ่นะ แต่ก็แค่เลี้ยงดู ให้อยู่ให้กิน ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร เพียงแต่ว่าไม่มีเงินเก็บไว้ยามเจ็บป่วย แม่ใหญ่มาขอทานเพราะอยากมีเงินไว้ยามเจ็บป่วยและตาย จะได้ไม่ไปเป็นภาระลูกหลานที่ต้องกู้หนี้ยืมสิน

โอ้วซซซซ มายก๊อด...ช่างขัดกับความรู้ที่เรามีอยู่ทั่วไปเกี่ยวกับขอทาน คือว่า เป็นพวกที่ลูก-หลานไม่เลี้ยง ไม่มีจะกิน แต่นี่มีกิน แต่ไม่มีเก็บไว้ในยามเจ็บป่วยและตาย

ทำให้คิดถึงว่าเราน่าจะพัฒนาระบบภาษีและการจัดสวัสดิการของรัฐเพื่อคนชรา เพราะลำพังจะให้ลูกเลี้ยงหน่ะ ก็ยาก ลูกชายขายลูกโป่ง จะมีเงินเก็บซักแค่ไหน ไหนจะต้องเลี้ยงเมีย ส่งเสียลูกเรียนอีก

คนแถวนี้ก็ใจบุญดี แม่ใหญ่ได้เงินเรื่อยๆ บางคนให้เงินแม่ใหญ่มา 100 บาท แล้วก็ไหว้แกด้วย ส่วนใหญ่ให้เป็นแบ้งค์มากกว่าเหรียญ ช่วงเวลาที่ผู้วิจัยคุยด้วยแค่ไม่กี่สิบนาที คิดว่าแกได้เงินกว่า 200 บาท

นั่นหล่ะ... เมื่อสวัสดิการของรัฐไม่มี ก็ต้องอาศัยสวัสดิการสังคมแบบนี้แหละ

การมีอยู่ของขอทานหญิงชราจำนวนมาก ก็อาจจะเป็นตัวชี้วัดระดับจิตใจของผู้คนในสังคม ที่ยังช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่ ในยามที่สถาบันครอบครัวทำหน้าที่ไม่ได้ และรัฐก็ไม่ได้ทำหน้าที่

บันทึกการเดินทางในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 พุทธศักราช 2557

บล็อกของ เก๋ อัจฉริยา

เก๋ อัจฉริยา
ครบปีแล้วสินะที่เราเดินตามก้นอาจารย์อานันท์ไปสำรวจซิดนี่ย์... เมื่อเอารูปเก่าๆ มาดู...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า วันนั้น อาจารย์อานันท์ กาญจนพันธุ์ ในวัย ๖๘ ปี นอกจากจะสอนหนังสือมาราธอน สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า ๙ ชม.
เก๋ อัจฉริยา
มอญในเมียนมาร์ ไม่ว่าจะอยู่ที่เมียนมาร์แลนด์หรือไทยแลนด์ ต่างก็ได้ชื่อว่า เป็น “คนอื่น” ในแผ่นดินที่ (เคย) เป็นของตัวเอง ถ้าเรามองภายใต้กระบวนทัศน์ที่แบบมองอะไรแบบ “เชิงเดี่ยว”  
เก๋ อัจฉริยา
แรงงานชาวเมียนม่าร์ (พม่า มอญ ทวาย อารกัน ฉาน กระเหรี่ยง ฯลฯ) ที่สมุทรสาคร แม้มียอดลงทะเบียนทั้งเก่าและใหม่ถึง 387,510 คน แต่จากการประมาณการของ NGOs ทั้งไทยและเมียนม่าร์ น่าจะมีประมาณ 600,000 – 700,000 คน ในจำนวนนี้มีผู้ติดตามไม่น้อยกว่า 15,000 คน แต่เชื่อหรือไม่ว่า เด็กเหล่านี้เพียงร้อยละ 7.6 ที
เก๋ อัจฉริยา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนได้ไปนิเทศน์นิสิตที่ฝึกงานที่บ้านพักเด็กและครอบครัว แห่งหนึ่งของทางราชการ และได้พบกับเด็กชายชาวพม่า ๒ คนที่ถูกตำรวจจับและส่งให้บ้านพักเด็กแห่งนี้ เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็ก เด็กคนแรกอายุประมาณ ๑๑-๑๒ ขวบ คนที่สองเป็นน้องอายุประมาณ ๗-๘ ขวบ
เก๋ อัจฉริยา
ในฐานะนักมานุษยวิทยาการท่องเที่ยว ผู้เขียนจะรู้สึกฟินฝุดๆ เมื่อพบว่าพื้นที่ท่องเที่ยวใดเปิดโอกาส เปิดที่ เปิดทางให้คนเล็กคนน้อยได้ทำมาหากิน และเปิดที่ เปิดทาง เปิดโอกาส ให้คนเล็กคนน้อยได้เที่ยวในราคาถูกแบบบ้านๆ เช่นกัน
เก๋ อัจฉริยา
บั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลายชั่วอายุคนแล้ว ไม่ใช่ของใหม่ แต่ที่น่าสนใจเพราะมันเพิ่งได้รับความสนใจเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง จำได้ว่าเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น ผู้เขียนใช้ชีวิตไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ – หนองคาย 3 ปี พ่อเล่าให้ฟังว่ามีบั้งไฟขึ้นกลางลำน้ำโขงตอนออกพรรษา แต่ไม่มีใครในบ้านสนใจไปดูแ
เก๋ อัจฉริยา
เมื่อมีคนรู้ว่าผู้เขียนพานิสิตจำนวน 16 คนไปถ่ายทำสารคดีบั้งไฟพญานาค ส่วนใหญ่ต่างก็ถามว่า มา “พิสูจน์” บั้งไฟพญานาคหรือ?
เก๋ อัจฉริยา
เมื่อพูดถึงเจดีย์ไชทียู หรือที่คนไทยรู้จักในนามพระธาตุอินทร์แขวน ก็ขอให้ลืมเป็นการชั่วคราวเรื่องตำนานพระฤาษี และความศักดิ์สิทธิ์ แต่สิ่งที่อยากจะเล่าสู่กันฟังในวันนี้คือชีวิตของคนเล็กคนน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่มาสร้างการดำรงชีพในพื้นที่ท่องเที่ยว ณ ที่แห่งนี้
เก๋ อัจฉริยา
            เหตุเกิดเมื่อกลางปี 2008 นักมานุษยวิทยาสมัครเล่นนางหนึ่งได้ใช้เวลา 3 วันโดดเรียนไปเที่ยวที่ Sa Pa (ซาปา) เมืองในหมอกบนพื้นที่สูงของภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม ภูเขาที่นี่สูงเสียดฟ้าสลับซับซ้อนกันหลายลูกจริงๆ จนภูเขาบ้านเราสมควรถูกเรียกว่า “hill” มากกว
เก๋ อัจฉริยา
ณ วัดเทพฯ มหาชัย สมุทรสาคร ในวันสงกรานต์ มีแรงงานพม่ามาทำกิจกรรมทางศาสนาไม่ต่ำกว่าหมื่นคน เมื่อดูจากผู้คนที่มาทำกิจกรรมฯ ที่วัดในวันนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า แรงงานพม่าที่มหาชัย มีเชื้อชาติพม่า-พม่า มีน้อยมาก ทว่าส่วนใหญ่เป็นมอญ-พม่า ทวาย-พม่า และอารกัน-พม่า (จากรัฐยะไข่) (ตามลำดับ) พวกเขา แม้อย