ข้อเขียนถึงคณะกรรมมาธิการสภาคนงานใน FIAT-Brevetti
อันโตนิโอ กรัมชี่ (1919)
---------------------------------------------
มาจาก : L’Ordine Nuovo 13 กันยายน 1919
แปลเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรก : โดย Michael Carney
แปลเป็นภาษาไทย : โดย จักรพล ผลละออ 2017
---------------------------------------------
สหายทั้งหลาย!
รูปแบบใหม่ของสภาคณะกรรมาธิการได้ถูกวางขึ้นพร้อมด้วยการเสนอชื่อของคณะกรรมาธิการและการอภิปรายที่ก้าวหน้าอันมาพร้อมกับการเปลั้ยนผ่านนี้ซึ่งถูกจับตามองจากทั้งในหมู่คนงานและนายจ้างแห่งตูริน (Turin) ในทางหนึ่งนั้นพวกเขาได้ตระเตรียมความพร้อมเพื่อจะดำเนินการตามอย่างท่านและจะก้าวไปสู่การสถาปนาองค์กรของคนงานขึ้นในเมืองและในระดับจังหวัด ในอีกทางหนึ่งพวกนายจ้างและบรรดาเจ้าหน้าที่ของเขา รวมถึงพวกผู้จัดการธุรกิจอุตสาหกรรมนาดใหญ่ ก็กำลังจับตามองการเคลื่อนไหวนี้พร้อมกับถามตัวเองและถามพวกท่านถึงทิศทางและความตั้งใจที่ชนชั้นกรรมาชีพในตูรินจะดำเนินการต่อไป
พวกเราต่างรู้ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ได้รับการสนับสนุนจากหนังสือพิมพ์ของเราไม่มากก็น้อย ในแง่นี้คำถามสำคัญที่ต้องพิจารณาจึงไม่ได้มาจากมุมมองโดยทั่วไปหรือมุมมองทางทฤษฎีเท่านั้น แต่มาจากผลลัพธ์และประสบการณ์การต่อสู้ของชนชั้นกรรมาชีพที่ผ่านมาในประเทศอื่นๆซึ่งได้ถูกรวบรวมและเผยแพร่เพื่อเป็นองค์ความรู้ขั้นพื้นฐานในการศึกษาการประยุกต์การปฏิบัติการ เราต่างรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรงานของพวกเราย่อมมีคุณค่าในการตอบสนองความต้องการของชนชั้นกรรมาชีพ และเป็นการสนับสนุนการสถาปนาความปรารถนาและเจตจำนงค์ที่มั่นคงของชนชั้นกรรมาชีพซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายในจิตสำนึกของมวลชน และด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถเข้าใจคนอื่นได้อย่งรวดเร็วและจำเป็นจะต้องขยับประเด็นผ่านจากการอภิปรายไปสู่การลงมือทำมันให้สำเร็จ
ความต้องการ ความปรารถนา ที่จะฟื้นฟูการเคลื่อนไหวขององค์กรของชนชั้นกรรมาชีพกลับไปสู่ต้นกำเนิดของการเคลื่อนไหวนั้น ในความคิดของพวกเรา เราเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตัวมันเองนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการบรรลุถึงภายในการพัฒนาของกลไกทางสังคมและเศรษฐกิจซึ่งวางรากฐานอยู่บนเรื่องการถือครองกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลเหนือวิถีการผลิตและการแลกเปลี่ยน วันนี้คนงานในโรงงานและชาวนาในชนบท กรรมกรเหมืองในองกฤษและคนงานในรัสซีย รวมถึงชนชั้นกรรมาชีพทั่วโลก พวกเขาได้รับรู้ไม่มากก็น้อยถึงเส้นทางแห่งความจริงทางประวัติศาสตร์ที่ปัญญาชนคนหนึ่งได้ทำนายเอาไว้ และมันดูจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อพวกเขาสังเกตเหตุการณ์ต่างๆในยุคสมัยนี้ นั่นทำให้เราขยับมาถึงจุดที่หากชนชั้นกรรมาชีพปรารถนาที่จะแบกรับภารกิจทางประวัติศาสตร์ในการสร้างสังคมใหม่จะต้องเริ่มต้นด้วยการจัดการตนเองให้อยู่ในรูปแบบองค์กรที่มั่นคงเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายได้
และถ้าหากมันเป็นความจริงว่าสังคมใหม่จะก่อตั้งขึ้นบนการทำงานและการประสานพลังของผู้ทำการผลิต ในพื้นที่ที่พวกเขาทำงาน ในพื้นที่ที่ผ้ทำการผลิตทำงานและอาศัยอยู่ร่วมกัน จะกลายไปเป็นศูนย์กลางขององค์กรทางสังคมและจะเข้ายึดครองกลไกการปกครองในปัจจุบัน เช่นเดียววันแรกในการต่อสู้ของชนชั้นกรรมาชีพ ซึ่งถูกควบคุมไว้ด้วยสหภาพแรงงานที่เหมาะสมสำหรับจุดมุ่งหมายหรือปฏิการเชิงรับในการต่อสู้เพื่อฟื้นฟูระเบียบวินัยทางเศรษฐกิจ ดังนั้นในวันนี้เมื่อความมุ่งหมายในการจะสร้างสังคมใหม่ได้วางรากฐานลงอย่างมั่นคงขึ้นเรื่อยๆในความคิดของชนชั้นกรรมาชีพมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้องมีองค์กรของคนงานในโรงงาน (สภาคนงาน) ในฐานะที่มันจะเป็นโรงเรียนสำหรับจัดตั้งความคิดในการสร้างสังคมใหม่ให้กับชนชั้นกรรมาชีพ ซึ่งจะถือกำเนิดขึ้นต่อจากสหภาพแรงงานด้วยการสนับสนุนจากสหภาพแรงงาน
มวลชนกรรมาชีพนั้นจำเป็นจะต้องตระเตรียมความพร้อมให้ตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการไปถึงความสมบูรณ์นการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการสร้างวินัยในตนเองของชนชั้นกรรมาชีพจะถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่งในเส้นทางการต่อสู้นี้ ทั้งที่จะเริ่มจากในโรงงาน ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง และโดยอิสระ เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าการสร้างวินัยนี้และการวางระบบใหม่ (สภาของคนงาน) จะเป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่การปรับปปรุงเปลี่ยนแปลงการผลิต ซึ่งนี่ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าการพิสูจน์ข้อเท็จจริงทางทฤษฎีของสังคมนิยม กล่าวคือกำลังการผลิตของมนุษยชาติจำนวนมากจะปลดปล่อยตัวเองออกจากความเป็นทาสที่ระบบทุนนิยมต้องการรักษาความสัมพันธ์ทางการผลิตแบบดังกล่าวเอาไว้ คือทำให้ชนชั้นกรรมาชีพตกเป็นทาสในระบบทุนนิยมตลอดไป ดังนั้นเมื่อชนชั้นกรรมาชีพได้ตระหนักถึงจิตสำนึกทางชนชั้นของพวกเขาและปลดปล่อยตัวเองออกจาการเป็นทาสพร้อมด้วยการออกแบบบริหารจัดการทุกอย่างด้วยตัวของพวกเขาเอง ชนชั้นกรรมาชีพก็จะก้าวสู่ลักษณะที่ดีกว่าที่พวกเขาควรจะเป็นในความเป็นจริง นั่นคือมนุษย์อิสระย่อมทำงานได้ดีกว่าทาสอยู่เสมอ สำหรับใครก็ตามที่ปฏิเสธสิ่งดังกล่าวย่อมหมายความได้เพียงอย่างเดียวว่าพวกเขาคือผู้สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูทางชนชั้นของเรา-พวกนายทุนเจ้าของบริษัท ซึ่งเราจะตอบสนองด้วยการเข้าแทนที่ด้วยการยึดอำนาจการปกครอง เพราะชนชั้นกรรมาชีพนั้นเข้าใจถึงความเป็นไปได้ในการทำการผลิตเพื่อตนเองและการทำการผลิตที่ดีที่สุด อันที่จริงความเป็นจริงดังกล่าวนั้นได้ปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนในทุกๆวันว่าชนชั้นกรรมาชีพคือชนชั้นเดียวที่สามารถช่วยสังคมโลกให้รอดพ้นจากความล่มสลายได้ ดังนั้นทุกการกระทำในทุกๆวันของท่าน ในทุกๆการต่อสู้ภายใต้การชี้นำของท่านจะถูกส่องสว่างจากเปลวไฟที่ไม่มีวันมอดดับอันเกิดจากจิตวิญญาณและเจตจำนงค์อันแน่วแน่ของท่านและชนชั้นกรรมาชีพ
ดังนั้นการกระทำอันเด่นชัดที่คนงานได้มอบอำนาจให้ท่าน (คณะกรรมมาธิการของสภาคนงานใน FIAT-Brevetti) นั้นจึงเป็นการอธิบายถึงความสำคัญและคุณค่าอย่างมหาศาล ยังมีคณะกรรมาธิการสภาหลายพื้นที่ที่ได้รับเลือกตั้งจากเขตเลือกตั้งที่ขาดองค์ประกอบการจัดตั้งอยู่มากมาย แน่นอนว่าภารกิจแรกของท่านนั้นคือการพยายามจัดตั้งพวกเขาขึ้นมา การทำงานอย่างหนักนั้นจะช่วยพัฒนาความคืบหน้าและช่วยยกระดับชนชั้นกรรมาชีพจากความจริงที่พวกเขาจะพบภายในตัวท่าน ว่าท่านนั้คือผู้ที่พร้อมจะปกป้องพวกเขา ชี้นำพวกเขา และใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขาในการทำงานภายในโรงงาน ซึ่งพวกท่านจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าความเข้มแข็งและแข็งแกร่งของชนชั้นกรรมาชีพนั้นมาจากการสมัครสมานสามัคคีและการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างสหายชนชั้นรรมาชีพของพวกเขา
และดังนั้นท่านจึงจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังกับกฎการแบ่งแยกงานที่จะแบ่งแรงงานออกเป็นแผนกต่างๆซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นโดยสหพันธ์สหภาพแรงงาน และได้รับการรับรองจากข้อตกลงร่วม และนับตั้งแต่พื้นที่โรงงานได้รับเอากฎนี้มาใช้มันได้กลายเป็นความเสียหายเล็กน้อยที่อาจจะนำไปสู่การโจมตีอย่างร้ายแรงต่อประเด็นสิทธิและตัวตนของชนชั้นกรรมาชีพ หรือต่อท่านผู้เป็นผู้พิทักษ์อันเข้มแข็งและยึดมั่นต่อชนชั้นกรรมาชีพได้ และนับตั้งแต่เมื่อท่านได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชนชั้นรรมาชีพในโรงงานอย่างต่อเนื่อง ท่านจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถสังเกตุได้ว่ามันได้เกิดการปรับเปลี่ยนที่ถูกกำหนดโดยกระบวนการเชิงเทคนิคในการผลิตและการพัฒนาไปในทางที่ขึ้นของการตระหนักรู้ถึงจิตสำนึกทางชนชั้นด้วยตนเองของชนชั้นกรรมาขีพ ในแง่นี้สิ่งที่เรียกว่า การจัดการตนเองของโรงงาน จึงจะเริ่มก่อตัวขึ้นมันคือรูปแบบของกฎที่ผู้ทำการผลิตจะเป็นผู้พัฒนาและนำมาใช้โดยตัวของพวกเขาเอง เรามั่นใจว่าความเป็นจริงอันสำคัญนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน มันเป็นเรื่องชัดเจนมาตั้งแต่ก่อนที่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน (ชนชั้นกรรมาชีพ) จะเข้าใจถึงคุณค่าของและความสำคัญในงานจัดตั้งที่ท่านกำลังลงมือทำเสียอีก
ในพื้นที่ทางเทคนิค ในทางหนึ่งท่านสามารถที่จะดำเนินการภารกิจที่มีประโยชน์สูงสุดในด้านข้อมูลข่าวสาร นั่นคือรวบรวมข้อมูลพื้นฐานและทรัพยากร สำหรับสหภาพแรงงานและสำหรับการก่อตั้งองค์กรใหม่ของชนชั้นกรรมาชีพในโรงงาน (สภาของคนงาน)
ท่านจะได้เห็นกับตาว่าชนชั้นกรรมาชีพนั้นได้พัฒนาความสามารของตนมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มต้นการทำลายความรู้สึกอิจฉาริษยาที่แบ่งแยกชนชั้นกรรมาชีพออกจากกัน (ผลพวงจากระบบแบ่งงานกันทำ-ผู้แปล) ด้วยเหตุนั้นท่านจึงจำเป็นจะต้องฝึกฝนพวกเขา จัดตั้งความคิดให้พวกเขาเริ่มต้นความคิดที่จะไม่ทำงานเพียงเพื่อตอบสนองให้กับนายจ้างแต่ทำงานเพื่อตัวพวกเขาเอง มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่ชนชั้นกรรมาชีพจะต้องรวมตัวกันอย่างสมัครสมานสามัคคี เพื่อก่อตั้งและพัฒนากองกำลังของชนชั้นกรรมาชีพอันยิ่งใหญ่ โดยมีพวกเขาเป็นหน่วยตั้งต้น มันจะมีเหตุผลอะไรที่ท่านจะไม่พัฒนามันขึ้นภายในโรงงานเสียเอง ในเมื่อมันเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเป็นพื้นที่สำหรับให้การศึกษา สำหรับสร้างนักปฏิวัติมืออาชีพ พื้นที่ที่จะทำให้ชนชั้นกรรมาชีพลุกขึ้นจากหน้าที่การงานอันโหดร้ายที่อาจจะทำให้พวกเขาเปิดความคิดไปสู่การตระหนักถึงกระบวนการการผลิต หรือสิ่งอื่นที่ขยับไปไกลกว่านั้น (เช่นการปฏิวัติชนชั้นกรรมาชีพ-ผู้แปล)
แน่นอนว่าในการจะปฏิบัติการและดำเนินการภารกิจดังกล่าวจำเป็นจะต้องอาศัยวินัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วินัยของชนชั้นกรรมาชีพที่เราต้องการ กับวินัยที่พวกนายจ้างบังคับให้ชนชั้นกรรมาชีพต้องทำในทุกวันนั้นมีความแตกต่างกัน วินัยที่พวกนายจ้างใช้บังคับแรงงานนั้นแข็งแกร่งด้วยเรื่องสิทธิในการครอบครองทรัพย์สิน (กรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล-ผู้แปล) ที่ทำให้พวกนายจ้างและชนชั้นนายทุนได้รับอภิสิทธิ์พิเศษ ท่านจะต้องสร้างความเข้มแข็งด้วยกฎอื่นที่จะทำให้ชนชั้นกรรมาชีพซึ่งได้กลายเป็นเครื่องมือของผู้ขูดรีดมากว่าศตวรรษจะได้ปลดปล่อยตัวเองในวันนี้ อำนาจและพละกำลังของพวกท่าน