ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
\\/--break--\>
หลังจากที่จัดแจงที่พักกันลงตัวแล้ว ได้มีสัญญาณให้ไปรวมตัวกันที่บ้านพักของผู้หญิง เมื่อผมไปถึงผมเห็นทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว
“โอเค ครบล่ะนะ มีอะไรก็ว่ากันมา” พี่ทอด์ดบอกกับทุกคน
“คือหนูคิดว่า ตอนคุยกันก่อนมากับตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม ทุกอย่างมันไม่เหมือนอย่างที่คุยกัน ทุกคนต้องเหนื่อยกับเรื่องที่ไม่ควรจะเหนื่อย ต้องทนกับเรื่องที่ไม่ควรจะทน เช่น พี่ๆ นักดนตรีที่อายุห้าสิบกว่าต้องมาแบกเครื่องเสียงด้วยตนเอง น้องๆ แดนเซอร์ ต้องขนเสื้อผ้าด้วยตัวเอง และบางคนปวดฉี่ระหว่างทางแต่รถก็ไม่ยอมจอดให้ หนูว่ามันไม่ใช่ มันต้องดูแลกันบ้าง” หนูคนหนึ่งพูดเปิดประเด็น
“คนอื่นๆ ล่ะว่ายังไง” พี่ทอด์ดถามคนอื่นต่อ
“ผมเห็นด้วยกับที่หนูพูดเมื่อกี้นะ วันนั้นผมปวดขี้มากเลย ผมอยากขี้ ผมขอให้คนขับรถหยุดเข้าห้องน้ำ แต่เขาไม่ยอมหยุด เขามาต่อว่าผม เขาบอกให้ผมหุบปาก ถ้าเป็นเมืองไทย ผมกระโดดลงจากรถไปแล้ว” นักดนตรีไทยกล่าวเสริม
“หนูขอพูดบ้างนะ หนูไปแสดงมาหลายประเทศ หนูไม่เคยกลัวความลำบาก แต่ทุกอย่างต้องมีแผน ต้องอยู่ในแผน และทุกคนต้องรู้แผนล่วงหน้า ทั้งเรื่องเวลาเดินทาง เวลากินข้าว เวลาแสดง สถานที่แสดง สถานที่เปลี่ยนชุดเปลี่ยนผ้า คิวเพลงต่าง ๆ ถ้ารู้ล่วงหน้าอย่างที่หนูว่ามา ทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นและมันจะเหนื่อยน้อยลง อย่างนี้ต้องมาเหนื่อยกับการทำอะไรที่กะทันหันทันทีทันใด โดยไม่รู้โปรแกรมล่วงหน้า หนูเหนื่อยกับการต้องรีบเร่ง ไหนต้องรีบเปลี่ยนชุด ไหนต้องรีบเปลี่ยนคิวการแสดง หนูเหนื่อยกับสิ่งเหล่านี้มากกว่าเรื่องการเดินทางไกล เรื่องได้กินไม่ได้กิน สำหรับหนูไม่ใช่เรื่องใหญ่” แดนเซอร์คนหนึ่งพูดขึ้นมาพร้อมกับน้ำเสียงสะอื้น
“หนูพูดดีนะ แต่เวลาพูด หนูอย่าร้องไห้” มือคีย์บอร์ดกล่าวให้กำลังใจแดนเซอร์
“ผมขอพูดนิดหนึ่ง ไอ่ที่ว่าให้ผมหยุดรถแล้วผมไม่หยุดรถ คุณอย่าลืมว่าที่นี่อเมริกา ไม่ใช่เมืองไทย เราขับรถบนถนนไฮเวย์ รถเร็ว รถเยอะ ผมรู้แล้วว่าคุณปวดขี้ แต่มันยังไม่ถึง Exit ที่เป็นทางออกเพื่อเข้าปั๊มน้ำมัน ไม่ใช่ผมไม่อยากจอด แต่มันจอดไม่ได้ ผมพูดคุณก็ฟังไม่เข้าใจ คุณก็มาพูดภาษาไทย เดี๋ยวก็บ่น เดี๋ยวก็บ่น ผมก็เลยบอกว่าให้คุณหุบปากซะ แค่นี้แหละ พอถึง exit ผมก็เข้าไปจอด แต่ว่าขี้คุณแตกหรือยังผมก็ไม่รู้” นักดนตรีและคนขับรถจากฝรั่งเศสชี้แจง
“ผมมีความคิดเห็นที่อยากแลกเปลี่ยนหน่อย ผมรู้สึกว่างานบางงานที่เราไปไม่ทันจริง ๆ ควรจะยกเลิก เพราะถ้าเราเล่นด้วยบรรยากาศที่ฉุกละหุก มันจะออกมาไม่ดี เราควรจะดูให้ดีว่า ที่ที่เราจะเล่นอยู่ห่างไกลจากที่ที่เราพักตอนนี้หรือเปล่า ถ้ามันอยู่ไกลจนต้องรีบเดินทางขับรถเร็ว มันอันตราย” มือเบสจากฮอลแลนด์ แลกเปลี่ยนนำเสนอความเห็น
“หนูเห็นด้วยกับพี่มือเบสนะ หนูว่างานบางงาน หรือที่บางที่ เราต้องดูว่า มันเหมาะกับโชว์ของเราหรือเปล่า ถ้ามันไม่เหมาะ เราเล่นไปก็เหนื่อยเปล่า เสียแรงเปล่า” แดนเซอร์ อีกคนกล่าวเสริม
“โอเค บางอย่างเรายอมรับผิด แต่บางอย่างเราอยากบอกว่า เรามาที่นี่เพื่อมาเพาะเมล็ดพันธุ์ด้วยกัน เราถือเมล็ดพันธุ์ร่วมกันคนละเม็ด ลานนาถือเมล็ดพันธุ์ของเหนือมา ซอถือเมล็ดพันธุ์ทางใต้มา ป้อถือความเป็นไทยภาคกลาง อ.ยอด ถือเมล็ดพันธุ์จากแม่น้ำโขงมา ชิถือเมล็ดพันธุ์ของคนปกาเกอะญอ ของคนชนเผ่ามา ส่วนนักดนตรีคนอื่น ๆ และผม เรามาร่วมกันเพาะเมล็ดหว่านเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ให้มันงอกออกมาสู่พื้นที่ใหม่ สู่ดินแดนใหม่ ผมเชื่อว่านี่คือ โอกาสของเราทุกคน
เวลาผมพานักดนตรีไทยมา ปัญหาใหญ่คือเรื่องภาษา อย่างเรื่องที่จะเข้าห้องน้ำแต่คนขับรถไม่ยอมจอดให้ ผมมองว่าปัญหามีอยู่นิดเดียว คือเรื่องภาษา สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เราเป็นคนไทย เรารักในวัฒนธรรมไทยก็จริงอยู่ แต่เมือเราจะมาประเทศเขา เราน่าจะเอาหน่อย ศึกษาภาษาเขาหน่อย ศึกษาวัฒนธรรมเขาหน่อย แต่พรุ่งนี้เราจะทำใหม่ให้ดีกว่าเดิม” พี่ทอด์ดกล่าวทิ้งท้าย
หลังจากนั้นทุกคนแยกย้ายกันกลับเข้านอน ในขณะที่ทีมงานของพี่ทอด์ดต้องประชุมวางแผน ปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่ได้รับการสะท้อนจากวันนี้ เพื่อนำไปแก้ในงานที่เหลืออยู่
รุ่งเช้าผมตื่นมาเห็นพี่ทอด์ดนั่งทำรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่เหลืออยู่
“มันเป็นเรื่องธรรมดานะคุณ ไม่ใช่กลุ่มนี้กลุ่มเดียวที่เป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่ผมนำนักดนตรีไทยมาทัวร์อเมริกา ผมจะเจอแบบนี้ทุกครั้ง เรื่องอาหาร การเดินทาง ที่พัก เป็นปัญหาหลัก ผมต้องคอยแก้ปัญหาอยู่เสมอ ถ้าชิอยากเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วค่อยมาลุ้นกันต่อว่าท้าย ๆ เหตุการณ์มันจะคลี่คลายลงอย่างไร ชิเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นได้เต็มที่เลย” พี่ทอด์ดคุยกับผม
“ตามประสบการณ์ผมนะพี่ เวลาพาชาวบ้านไปศึกษาดูงาน มันจะมีอยู่ 2 อย่างที่สำคัญ คือเรื่องที่พัก กับเรื่องอาหาร ถ้าที่พักดี อาหารถูกปาก คุณเอาไปเลย คะแนนเต็มร้อย แต่หากที่พักไม่ดีขอให้อาหารถูกปากและกินอิ่ม คุณเอาไปเลย เก้าสิบ หรืออาหารอาจจะไม่ถูกปาก แต่ที่พักดี คุณก็อาจจะได้ เจ็ดสิบถึง แปดสิบอยู่ แต่หากที่พักแย่ อาหารไม่ถูกปาก คะแนนคุณติดลบทันที” ผมแลกเปลี่ยนกับพี่ทอด์ด
“เรื่องอาหารเรายอมรับผิด เพราะเราไม่มีเวลาหยุดพักนาน ๆ เพื่อกินอาหาร เราต้องรีบเดินทางไปเพื่อไปให้ทันเวลาการแสดง นี่เราต้องหาทางแก้ปัญหา” พี่ทอด์ดบอก
สักพักผมเดินออกไปนอกบ้าน สายตาผมไปสะดุดอยู่ที่ป้ายหน้าปากซอย
“Stop, Karen street” ผมแปลกใจกับชื่อซอยมาก หรือซอยนี้เป็นซอยของคนปกาเกอะญอ ผมถามพี่ต้อย คนไทยในเทกซัส เขาก็ไม่เข้าใจที่มาที่ไปว่าทำไมถึงชื่อ Karen street ตั้งแต่เขามาอยู่เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ถนนซอยนี้ก็ชื่อแบบนี้แล้ว
“แถวนี้ไม่มีคนคาเรนหรอก มีแต่คนแมกซิโก” พี่ต้อยบอกผม ผมจึงกลับไปเอาเตหน่าออกมา แล้วไปชักรูปคู่กับ Karen street ณ Houston, Texas
วัดไทย ใน Houston
คณะถ่ายรูปหน้าวัดเป็นที่ระลึก
เตหน่ากู Stop at Karen Street,Houston,TX.