ยืนอยู่บนท่าเรือปากพะยูน มองเห็นเกาะสี่เกาะห้าที่อยู่ของรังนกนางแอ่นชัดเจน ราวกับภาพวาดในม่านฝน เบลอๆหมองๆ มองได้นานๆ ผมกลับบ้านทุกครั้ง ต้องไปให้ถึง ณ จุดนั้นให้ได้ ที่ซึ่งระเบียงยื่นออกไปในน้ำ
ยังมีร้านกาแฟ ชาผงชงถุงแบบโบราณ โต๊ะเก้าอี้ตั้งวางแบบเปิดโล่ง
ตกเย็นถุงกาแฟบนรถเข็นยกขึ้นลงไม่ขาดมือ ชงหวานชงขม ใส่นมข้นหวาน น้ำตาลกับโกปี้ โต๊ะต่อโต๊ะ เก้าอี้ต่อเก้าอี้ตั้งพื้นไม่มีหลังคา รับลมพัดมาแรงๆ มองออกไปยังเห็นพื้นน้ำเขียวกว้าง คราคร่ำด้วยเครื่องมือดักจับปลา
น่าจะเป็นมุมกาแฟที่อุบัติขึ้นมาตอนเย็นย่ำ และดูดีมากแห่งหนึ่ง ด้วยต่างคนต่างเป็นตัวละครให้กันและกัน ทำให้ฉากเก่าๆซึมๆเซาๆมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น นั่งได้ไม่เบื่อ
ว่ากันว่า ช่วงนากุ้งบูมตูมตาม และคนตามกันไปเลี้ยงกุ้งอย่างกับเด็กได้ของเล่นใหม่นั้น วงกาแฟยิ่งคึกคักกว่านี้ เรื่องที่พูดกันในวงก็ไม่พ้นการงานหยิบหมื่นหยิบแสนหยิบล้าน กุ้งใครหว่าว่ายวนยวนใจ ดำน้ำดำผุดดำว่ายสู้น้ำน่าเชยชมมากกว่าใคร อย่าเมาน้ำดำนะโว้ย เดี๋ยวก็สูญหมื่นสูญแสนสูญล้าน
การเมืองเชื่อขนมกินได้ เรื่องไกลตัว โม้ๆกันไปตามลมพัดหลวง ไม่ได้มีความหมายกว่าค่ำนี้คุณให้อาหารกุ้งแล้วยัง อย่ามานั่งพูดเรื่องการเมืองให้เมื่อยมือเลย (คนเลี้ยงกุ้งใส่ใจการใช้มือมากกว่าใช้ปาก)
(ไปต่อกันที่กาแฟท่าเรือ) เมื่อก่อนแพะเดินไปมา ร้องแบะๆให้เด็กตามมองเครายาวๆใต้ปลายคาง เป็นอีกสีสันหนึ่งของท่าเรือปากพะยูน
วันเย็นใจและใจเย็นตามไปด้วย ว่ายังอยู่บ้านได้อีกหลายวัน ผมมักมาปิดเวลาของวันตรงท่าเรือปากพะยูน แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีแต่กาแฟขาย ยังมีร่องรอยทางเดินของแพะ ร่องรอยเด็กชายช่วยแม่ขนหัวเคี่ยม หลบตาตำรวจ ไปให้ถึงมือซื้อขายโดยเร็วที่สุด ก่อนจะนำลงเรือไปยังป่าโตนดอีกฟากฝั่งเลสาป
อีกทั้งกลิ่นเลสาปเป็นกลิ่นใบไม้หมักดินเปื่อย ยังส่งกลิ่นหอมกรุ่น ยังมีไก่ทอดสูตรเฉพาะของชาวมุสลิมปากพะยูน อร่อยมากๆ ลองนึกถึงชิ้นไก่ติดกระดูก ไม่เกี่ยงว่าซี่โครง อก ปีก น่อง ล้วนทอดแดงหลามสุกกรอบนอกนุ่มใน
ขาดไม่ได้คือหอมเจียว กับข้าวเหนียวไม่เปียกไม่แห้งแข็ง เม็ดนุ่มพอดิบพอดี ส่งกลิ่นเย้ายวนใจคนเดินผ่านไปมา มีคนยืนรุมคอยต่อคิวกันเลยทีเดียว
รถเข็นขายไก่เจ้าประจำเห็นอยู่อย่างน้อย 2 เจ้า ผูกใจคนไว้ด้วยรสชาติไม่เหมือนที่ใด
นอกนั้นก็เป็นอาหารจำพวกปิ้งย่าง แผงผลไม้ ขนมหวาน น้ำเต้าหู้ ปาทั่งโก๋ ฯลฯ ทุกร้านรถเข็นดูหนาตาคนรุมล้อม เหมือนตลาดดีๆ นี่เอง เพียงแต่ของกินสดใหม่ปรากฏขึ้น ณ เย็นย่ำค่ำเท่านั้น ในปริมาณและคุณภาพพอเหมาะพอดี หลังนกนางแอ่นหายไปจากท้องฟ้า กลับคืนรังบนเกาะกันหมดแล้ว ไม่เห็นฝูงแพะ เป็นช่วงเวลาบรรยากาศที่ดูไม่วุ่นวาย ไม่จอแจ และเป็นมิตรอย่างยิ่ง
ต่างรู้กันว่าปากพะยูนเป็นที่อยู่รวมกันของชุมชนชาวมุสลิม ตั้งแต่ผมจำความได้ก็เห็นชุมชนริมน้ำตั้งรกรากอยู่แน่นหนาแล้ว การแต่งเนื้อแต่งตัว อาหารการกิน รูปร่างหน้าตาผู้คนล้วนบ่งบอกว่าพวกเขามีเอกลักษณ์ชีวิตความเป็นอยู่
เสียงสวดดังกังวานไกลเหนือท้องน้ำกว้าง
ยิ่งลึกเข้าไปยังผืนดิน หรือยิ่งห่างไปจากฝั่งทะเลมากเท่าไหร่ เราจะพบพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นชาวมุสลิมไปขายปลามากขึ้นเท่านั้น ทุกตลาดที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน ทั้งตลาดนัดของหมู่บ้าน ตลาดนัดของตำบล หรือตลาดนัดต่างๆ ล้วนเป็นเสียงซื้อขายต่อรองกันอย่างเป็นกันเอง ระหว่างชาวมุสลิมกับคนในท้องถิ่นนั้นๆ
ปลาที่ขาย ถ้าไม่เป็นปลาสดก็เป็นปลาแห้ง ของหมักดองจากทะเล อย่างแป้งแดง พุงปลา จึ้งจัง บูดู ส่งผ่านมือชาวมุสลิมมาทั้งสิ้น พูดง่ายๆว่าพวกเขาเป็นผู้กุมเศรษฐกิจปากท้องที่มาจากทะเล
ของสดใหม่ ไม่โกงราคา อีกทั้งแถมแจก ปราศจากสารเคมีปนเปื้อนคือตราประทับที่ทุกคนในละแวกเลสาปต่างรับรู้
ปลาอะไรบ้างมาจากทะเลสาป ปลาหัวโม่ง ปลาหัวอ่อน ปลาโอน ปลาหลาด ปลากระบอก ปลาบุตรี ปลาลิ้นหมา ปลาทราย ปลาโคบมัน ปลาจระเม็ด ปลาหมอ ปลาช่อน ปลาดุก ฯลฯ รวมไปถึงแม่กุ้ง กุ้งใหญ่กุ้งเล็ก หอย ปู
ปลาจากเลสาปแทบไม่ขาดมื้ออาหาร
ใกล้ถึงวันเดินทางกลับ ผมตั้งใจจะเอาปลาแห้งติดไม้ติดมือไปบ้าง เลยเข้าไปยังร้านขายปลาแห้งเจ้าประจำ ลานตากปลาแห้งส่งกลิ่นปลาโชย ล้วนเป็นปลาจากเลสาป เป็นปลาสดเหลือขายแล้วเอามาตากแห้ง โคบมัน ปลาทูเค็ม กระบอกเค็ม หัวโม่งแดดเดียว หัวอ่อนแดดเดียว กุ้งแห้ง กะปิ ฯลฯ เยอะแยะจริงๆ เลือกซื้อติดไม้ติดมือได้ตามสะดวก
ปลานอนแห้งอยู่หลายสิบปี และยังจะนอนแห้งต่อไป ผมชอบอัธยาศัยคนขายปลาแห้ง หยิกๆหยอกๆประมาณว่าหน้าตาอย่างนี้ ไม่น่ามาถามหาปลาแห้ง บ้านลูกบ่าวอยู่ไหน จะซื้อไปฝากใคร และจะเอากี่โล
เห็นมั้ย จบลงด้วยความสำเร็จเรื่องการซื้อขาย
ผมถามหาเคย บ้านผมเรียกกะปิว่า "เคย" กันอย่างโจ่งแจ้งออกหน้าออกตา
"หน้าตาดีอย่างนี้ เที่ยวเดินแบกเคยได้พรื่อ"
"ใครๆก็แบกเคยกัน" ผมว่าไปบ้าง
"เอาเคยกุ้งหรือเคยปลา ใหม่ๆทั้งเพ แล้วเอากี่โล"
เห็นมั้ย ความสำเร็จเรื่องการขายเพิ่มเติมทวีมีชัย
"แป้งแดงพันพรื่อ กินไม่เป็นเสียแล้ว" (ผมแกล้งถามไปอย่างนั้น)
"แหม ลูกบ่าวใครไปอยู่กรุงเทพกลับมาแล้วไม่รู้จักแป้งแดง"
"อย่างนี้มั้ย" (ผมชี้ไปยังไหพุงปลา)
"สงสัยไม่รู้จักจริงๆ แล้วกุ้งส้มไม่เอาไปกินมั่งเหอ"
สูตรดองๆทั้งหลายก็กรูเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า ผมตกไปอยู่ในวงล้อมของแป้งแดง พุงปลา จึ้งจัง กุ้งส้ม บูดู ปลาแห้ง กุ้งแห้ง หมึกแห้ง ... อย่างชนิดไม่รู้จะหาวิธีถอนตัวออกมาได้อย่างไร