Skip to main content

ผมยืนอยู่ท่ามกลางต้นไม้อันเก่าแก่อีกครั้ง เพลงร้องในยามตื่น มี ความหมายในยามหลับลึกด้วย

เหล่าต้นไม้มีตุ่มตา โอบกอดความโศกศัลย์ที่ไหลย้อนผ่านมาไม่ขาดสาย



ลำต้นยืนต้นอยู่ในความเงียบ

บทกวีในเช้าตรู่มอบให้นางฟ้า ฝากผ่านก้านกิ่งใบ

ผ้าห่มแห่งความรู้สึกในเช้าเย็นเยือก

เพลงร้องที่ไม่มีเสียงสะท้อนกลับมา

ต้นไม้ยืนฟังด้วยเปลือกเปลือยมาชั่วชีวิต

แผ่นดินร้องไห้

แดดจากไฟดวงเดิม

บทกวี ถ้อยคำที่ไม่มีคนเดินผ่าน

เพลงร้องในห้วงยอมจำนน

เหมือนต้นไม้ต้นเดิมรอการมาถึงของบทกวี เพลงร้อง

ต้นไม้โตขึ้นทุกปี มองกิ่งก้านใบที่ออกเดินมาจากความไม่มี แล้วหายไปในความไม่มีเช่นกัน

ดอกไม้ ธูปเทียนบนรากไม้ รอยเท้าของความทรงจำ

ในท้องทุ่งดวงวิญญาณ มีการเกิดใหม่ทุกวัน

ข้ามผ่านดินแดนโศกศัลย์ มีบทกวีและเพลงร้องกล่อมใจตัวเอง

ดอกไม้ ขนม ยังวางอยู่ที่เดิม

บนผืนดินสีลูกกวาด

ใบไม้ร่วงหล่นใส่ดินแดนเงียบงัน

เถ้าถ่านมอดไฟเป็นก้อนดิน โลกชั่วกัปกัลป์



เจ็ดปีผ่านแค่พลิกฝ่ามือ ก้อนดินยังจับตัวกันไม่แน่น

ผมร้องเพลงและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน

บทกวีสายน้ำตา

เหือดแห้งไปแต่ยามเปลือกตาปิดลงหลับไหลเท่านั้น

ขณะนิ้วมือยังรวบกำแน่น

พนังห้องแคบขยับเข้ามาทุกทาง

นกกลางคืนยังไม่สิ้นเสียงร้อง ปลุกให้ลุกขึ้นมานั่งหดหู่

ห้องกักขังแมวป่วย

ราวกับแผ่นดินกลางวันไม่มาอีกแล้ว

เสียงนกร้องหวานจับใจ ไม่ได้ยิน

ผืนดินไม่มีเหลือผลไม้ใดๆอีกแล้ว

ผมยืนอยู่ท่ามกลางต้นไม้อันเก่าแก่อีกครั้ง พร้อมดอกไม้หนึ่งช่อ ผมเลือกเอาดอกไม้สีขาว ยื่นให้เธอ ให้เธอ



ลำแสงสีขาวนวลตาสะท้อนแสงแดด ผมมองเห็นใบหน้าในแสงสีขาวผ่อง

ยื่นมือออกไป แค่แสงสีขาวผ่านมาระบายบนนิ้วมือ

โลกในแสงแดดมีอยู่จริง เหมือนไม่มีอยู่จริง

เปลดอกไม้ไกวมาจากวันวานล่วงมาถึง

ลำธารในอกไหลข้ามวันข้ามคืน

ก้อนหินกับสายน้ำเย็นเฉียบ

ป่าชื้น ราวฝนโปรยทั้งวันทั้งคืน

เพลง บทกวีและต้นไม้เดือนธันวาคมผ่านมา

ผมนั่งรำลึกถึงรอยอาลัย รอยชีวิตมีอยู่จริงอันแสนสั้น


***
รำลึก 29 ธันวาคม ครบขวบวันเกิดดอกไม้สีขาวอีกปี


บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
ห้องครัวซ้อมดนตรี ถึงเพลงบันนังสตา บ้านเช่าบ้านไม้เป็นบ้านชาวนาในหมู่บ้านแม่เหียะ ชานเมืองเชียงใหม่   ห้องครัวคือห้องทำงาน  ห้องนอนบางเวลา  ห้องซ้อมดนตรี   ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก 
ชนกลุ่มน้อย
ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์
ชนกลุ่มน้อย
สองทุ่ม   อังคารที่ 16 มีนาคม  2553   นักดนตรีในเชียงใหม่  และคนในแวดวงหนังสือ ศิลปะ  นัดรวมตัวกันที่ร้านสุดสะแนน  ร่วมรำลึกถึงการจากไปของ ”จ่าเพียร”(พ.ต.อ สมเพียร เอกสมญา) วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด  ด้วยสายสัมพันธ์กับไวล์ดซี๊ด (ชุมพล  เอกสมญา) ลูกชายจ่าเพียรที่ผ่านมาเล่นดนตรีในเชียงใหม่อยู่เสมอๆ   เยียวยาจิตใจเมล็ดเถื่อนจากบันนังสตา  ร่วมรำลึก ...   
ชนกลุ่มน้อย
ขอต่อยาวสาวความยืดถึงน้ามาดบางมุมดูหน้าดุ เวลาเดินเหมือนนุ่นลอยอีกหน่อย อย่างที่บอกไว้ บุรุษไร้นาม(และหนาม)ตามใจคนนี้ อย่าให้นั่งหน้าทับหน้าหนังกลองแล้วกัน ความจืดของหน้าจะถูกขับออกมาอย่างเผ็ดร้อน ไม่เรียบเฉยปล่อยวางอีกแล้ว บางด้านดูดุเทียบได้ใบหน้าเสือจ้องขบ กลับเกลี่ยเสียใหม่ เป็นเสียงทะลวงไส้พุงเร้าใจผิดหน้าผิดหูผิดตาไปทันที
ชนกลุ่มน้อย
  “เลสาปหน้าร้อนเปื่อยหมดแล้ว” ประโยคนี้ถ้าเขียนใหม่ตามภาษาบรรพบุรุษของใต้สวรรค์ ต้องบอกว่า เลสาปหน้าร้อนเปื่อยแผล็ดๆ เหตุที่เปื่อยเห็นด้วยตา ถ้าพูดผ่านปากของบ่าวทอง ต้องเริ่มต้นว่า“ที่จริง”เช่นเคย “ที่จริงมันไม่เปื่อยหร็อก ที่มันเปื่อยเพราะเลกลายเป็นโคลน เปื่อยแผล็ดๆไปทั้งเล” …
ชนกลุ่มน้อย
  สวรรค์ปักษ์ใต้มีสะตอกับลูกเนียงรวมอยู่ด้วย หรอยที่สุดต้องเหนาะ(จิ้ม)กับน้ำชุบ(น้ำพริก-ต้องกะปิเท่านั้น) หรือกินกับแกงคั่ว คั่วกะทิหรือแกงคั่วเผ็ดไม่กะทิ เผ็ดร้อนไม่แพ้ขาดเหลือกันนัก ไม่มีใครบอกว่าพริกพัทลุงหรือพริกนครศรีธรรมราช เผ็ดแรงร้อนกว่ากัน...
ชนกลุ่มน้อย
นักดนตรีกลุ่มนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัญจวนจากฤดูความว่างของชีวิต ออกไปเล่นดนตรีบรรเลงชีวิตร่วมกัน หรือจะพูดอีกที การมาถึงของพวกเขาใต้สวรรค์ ไม่ต่างจากฝูงปลาดุกหนีน้ำแถกเหงือกมาหากันในช่วงหน้าแล้ง หนวดยั้วคลุกนัวกันมาบนโคลนเปียกๆ เหนียวเหนอะไปยังถิ่นที่คาดว่าจะมีน้ำ สีผิวฝูงปลาดุกเลื่อมมันน่าเกรงขาม
ชนกลุ่มน้อย
คำ  สุวิชานนท์ รัตนภิมล และคำของอา' รงค์ ทำนอง  สุวิชานนท์  รัตนภิมล
ชนกลุ่มน้อย
ลมบาดหิน ของอา… “ผู้ชายคนนั้นกับผู้หญิงของเขาตัดสินใจแรมคืนในกระโจม(เต็นท์) เขาพบว่าการเสียบก้านปลั๊กตัวผู้ลงในรูปลั๊กตัวเมียเพื่อต้มน้ำกับกาไฟฟ้านั้นเป็นความสะดวกสบายของคนในทาวน์เฮาส์ที่กรุงเทพฯ และอย่างน่าอิจฉา แต่การมองหาก้อนหินนำมาวางเป็นก้อนเส้า กิ่งไม้ง่ามปักกับดินแล้วพาดราวแขวนหม้อและริ้วชิ้นวัวฝานหมักเกลือ ก่อกองไฟและต้มกาแฟ นี้เป็นบางแบบของชีวิตซึ่งผู้ชายควรเรียนรู้...”
ชนกลุ่มน้อย
พอออกมาจากห้องฝึกเรียนไวโอลินกลางเมืองเชียงใหม่  ผมบอกเจ้า 9 ขวบว่าไปเยี่ยมคุณลุงหน่อยนะ   เจ้าเก้าขวบถามทันทีที่ไหน  ผมตอบกลับวัดเจดีย์หลวง  ไปทำอะไรเหรอ เขาสงสัย  อยากไปเยี่ยม พ่อไม่ได้เข้าไปนานแล้ว
ชนกลุ่มน้อย
  ในห้องทำงาน โต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้ไม้ไม่เหมือนวันก่อน หนังสือเล่มใหม่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเล่มมาวาง ชั้นหนังสือเรียงตามกัน โน้ตสั้นๆ เขียนถึงเวลานัดหมาย เวลาส่งงาน หมายเลขโทรศัพท์ ม้านั่งไม้ไว้นอนเอกเขนก โคมไฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีด โต๊ะกลม กีตาร์ กล้องถ่ายรูป รูปภาพบนผนัง ...
ชนกลุ่มน้อย
  ในชีวิต ณ ปัจจุบัน ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาข้องเกี่ยวกับเครื่องดนตรีชื่อ ไวโอลิน และยิ่งไม่เคยนึกว่าวันหนึ่ง จะมีไวโอลินมานอนอยู่ในห้อง ตั้งวางอยู่ข้างตัว รวมถึงได้ยินมันส่งเสียงทุกวันตอนย่ำค่ำ