ดูเอาเถิด เพื่อนเอย ลำน้ำในความฝัน
ฉันหลงลืมฤดู
บอกเล่าเรื่องที่ฉันรัก
นานมาแล้ว ฉันมองเห็นแต่ดวงตาอาดูรลึกล้ำ
ไร้จุดจบ
ระหว่างทางความแข็งแกร่งกับมวลสารอ่อนนุ่ม
นานเพียงใด ใสเย็นสงบไปตามเสียงเรียกของหัวใจ
ที่นั่น พระอาทิตย์ยังคลุกฝุ่นอยู่ในดงสาปเสือ
ต้นหญ้ามีกลิ่นเสื้อผ้าเก่าๆ
เถาวัลย์ออกดอก กลิ่นเหมือนน้ำปลา
ดวงตาดอกไม้มองดวงตาฉัน ให้ฉันวางใจ
ดอกไม้วางใจฉัน
หอบเอาความหวังสู่หนทางไว้เนื้อเชื่อใจ
แม้แผ่นดินที่ฉันเดินไปนั้น แห้งแล้ง
แต่ลำน้ำมีชีวิตไกลลึก
ฉันเดินไปบนแผ่นดินบนหลังเต่า
ซึ่งสายลมกลางคืนพัดเย็นเฉียบ
โปรยใบไม้แห้ง
พัดพาเกสรดอกไม้ป่าไปทั่วหมู่บ้าน
ฟังกิ่งไม้แห้งกวาดไปมาอยู่เหนือหลังคาบ้าน
ตื่นขึ้นมาพบกับอากาศหวานเย็น
ความเบิกบานของรุ่งเช้า
หมอกเช้าวาบหวามสายตาเทวีเสื้อสีบานเย็น
ลมหายใจฉันได้กลิ่นเกสรดอกไม้ตลอดเวลา
ฉันผ่านไปพบลูกหมูอายุ 3 เดือนแย่งเม็ดข้าวสุกกับฝูงไก่
หญิงชราบอก มันปรารถนาจะดูดนมแม่มากกว่า
นมแม่มีสีเลือดเจือปนอยู่ด้วยดูเอาเถิด ขณะฉันเดินข้ามน้ำใสไหลเย็น
ความหมายของใบไม้สบตาก้อนหินใต้น้ำ
เวลาที่จะฟังเสียงตรึกตรอง ผ่านมาตรึงใจใครผ่านทาง
แม้ฉันเพิ่งผ่านเวลาของใบไม้ร่วงจากกิ่งตอนกลางคืน
ขณะข่มตาหลับ ฝูงแพะยังวิ่งชุลมุนเข้ามาในดวงตา
กระโจนลงไปในดินแดนฝันร้าย
ฉันด่าทอชายชราที่ยืนโบกธงให้รถไฟขบวนผู้ก่อการร้ายแล่นผ่านไปได้
พลันทันใด รถคันที่ฉันนั่งมาพลันตกลงไปในเหว
มันหล่นไปอยู่ในกล่องหินสี่เหลี่ยมคางหมู
ฉันออกแรงดึง ฉุดกระชากเท่าไหร่ก็ไร้ผล
ราวกับกำลังยืนผลักก้อนหินหนักพันตัน
กระทั่งผนังหินกลายเป็นถ้ำมืด
พลันทันใด สายน้ำก็ไหลเข้ามาหา
ฉันนอนเกลือกกลิ้งในนั้น
มองไม่เห็นตลิ่ง
ฉันเคยพบที่ไหนหนอ
ฉันนึกขึ้นได้ ตอนนั้นทุกคนนอนตื่นสาย
ฉันกำลังว่ายน้ำ
รถไฟกลับแล่นข้ามศีรษะ
ฉันมองเข้าไปในโบกี้กล่องแก้วใส
ไม่มีใครนั่งอยู่เลย เห็นแต่กองสำลีรูปเป็ดกำลังว่ายน้ำ
มันค่อยๆปลิวฟุ้งออกมาจากหน้าต่างโบกี้
ฉันต้องวิ่งตามไล่เก็บ ทั้งที่ไมรู้ว่าจะเอาไปทำอะไร
ฉันวิ่งจนเหนื่อย
จนพบลำน้ำในความฝัน...