Skip to main content

 

   

ดูเอาเถิด  เพื่อนเอย  ลำน้ำในความฝัน
ฉันหลงลืมฤดู
บอกเล่าเรื่องที่ฉันรัก
นานมาแล้ว  ฉันมองเห็นแต่ดวงตาอาดูรลึกล้ำ
ไร้จุดจบ
ระหว่างทางความแข็งแกร่งกับมวลสารอ่อนนุ่ม
นานเพียงใด  ใสเย็นสงบไปตามเสียงเรียกของหัวใจ
ที่นั่น  พระอาทิตย์ยังคลุกฝุ่นอยู่ในดงสาปเสือ
ต้นหญ้ามีกลิ่นเสื้อผ้าเก่าๆ
เถาวัลย์ออกดอก   กลิ่นเหมือนน้ำปลา
ดวงตาดอกไม้มองดวงตาฉัน  ให้ฉันวางใจ
ดอกไม้วางใจฉัน
หอบเอาความหวังสู่หนทางไว้เนื้อเชื่อใจ
แม้แผ่นดินที่ฉันเดินไปนั้น   แห้งแล้ง
แต่ลำน้ำมีชีวิตไกลลึก

ฉันเดินไปบนแผ่นดินบนหลังเต่า
ซึ่งสายลมกลางคืนพัดเย็นเฉียบ
โปรยใบไม้แห้ง
พัดพาเกสรดอกไม้ป่าไปทั่วหมู่บ้าน
ฟังกิ่งไม้แห้งกวาดไปมาอยู่เหนือหลังคาบ้าน
ตื่นขึ้นมาพบกับอากาศหวานเย็น
ความเบิกบานของรุ่งเช้า
หมอกเช้าวาบหวามสายตาเทวีเสื้อสีบานเย็น
ลมหายใจฉันได้กลิ่นเกสรดอกไม้ตลอดเวลา
ฉันผ่านไปพบลูกหมูอายุ 3 เดือนแย่งเม็ดข้าวสุกกับฝูงไก่           
หญิงชราบอก  มันปรารถนาจะดูดนมแม่มากกว่า
นมแม่มีสีเลือดเจือปนอยู่ด้วย

ดูเอาเถิด  ขณะฉันเดินข้ามน้ำใสไหลเย็น
ความหมายของใบไม้สบตาก้อนหินใต้น้ำ
เวลาที่จะฟังเสียงตรึกตรอง   ผ่านมาตรึงใจใครผ่านทาง
แม้ฉันเพิ่งผ่านเวลาของใบไม้ร่วงจากกิ่งตอนกลางคืน
ขณะข่มตาหลับ   ฝูงแพะยังวิ่งชุลมุนเข้ามาในดวงตา
กระโจนลงไปในดินแดนฝันร้าย
ฉันด่าทอชายชราที่ยืนโบกธงให้รถไฟขบวนผู้ก่อการร้ายแล่นผ่านไปได้
พลันทันใด  รถคันที่ฉันนั่งมาพลันตกลงไปในเหว
มันหล่นไปอยู่ในกล่องหินสี่เหลี่ยมคางหมู
ฉันออกแรงดึง  ฉุดกระชากเท่าไหร่ก็ไร้ผล
ราวกับกำลังยืนผลักก้อนหินหนักพันตัน
กระทั่งผนังหินกลายเป็นถ้ำมืด
พลันทันใด  สายน้ำก็ไหลเข้ามาหา
ฉันนอนเกลือกกลิ้งในนั้น
มองไม่เห็นตลิ่ง
ฉันเคยพบที่ไหนหนอ
ฉันนึกขึ้นได้  ตอนนั้นทุกคนนอนตื่นสาย
ฉันกำลังว่ายน้ำ
รถไฟกลับแล่นข้ามศีรษะ
ฉันมองเข้าไปในโบกี้กล่องแก้วใส
ไม่มีใครนั่งอยู่เลย  เห็นแต่กองสำลีรูปเป็ดกำลังว่ายน้ำ
มันค่อยๆปลิวฟุ้งออกมาจากหน้าต่างโบกี้
ฉันต้องวิ่งตามไล่เก็บ  ทั้งที่ไมรู้ว่าจะเอาไปทำอะไร
ฉันวิ่งจนเหนื่อย
จนพบลำน้ำในความฝัน...

 

 

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
ห้องครัวซ้อมดนตรี ถึงเพลงบันนังสตา บ้านเช่าบ้านไม้เป็นบ้านชาวนาในหมู่บ้านแม่เหียะ ชานเมืองเชียงใหม่   ห้องครัวคือห้องทำงาน  ห้องนอนบางเวลา  ห้องซ้อมดนตรี   ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก 
ชนกลุ่มน้อย
ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์
ชนกลุ่มน้อย
สองทุ่ม   อังคารที่ 16 มีนาคม  2553   นักดนตรีในเชียงใหม่  และคนในแวดวงหนังสือ ศิลปะ  นัดรวมตัวกันที่ร้านสุดสะแนน  ร่วมรำลึกถึงการจากไปของ ”จ่าเพียร”(พ.ต.อ สมเพียร เอกสมญา) วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด  ด้วยสายสัมพันธ์กับไวล์ดซี๊ด (ชุมพล  เอกสมญา) ลูกชายจ่าเพียรที่ผ่านมาเล่นดนตรีในเชียงใหม่อยู่เสมอๆ   เยียวยาจิตใจเมล็ดเถื่อนจากบันนังสตา  ร่วมรำลึก ...   
ชนกลุ่มน้อย
ขอต่อยาวสาวความยืดถึงน้ามาดบางมุมดูหน้าดุ เวลาเดินเหมือนนุ่นลอยอีกหน่อย อย่างที่บอกไว้ บุรุษไร้นาม(และหนาม)ตามใจคนนี้ อย่าให้นั่งหน้าทับหน้าหนังกลองแล้วกัน ความจืดของหน้าจะถูกขับออกมาอย่างเผ็ดร้อน ไม่เรียบเฉยปล่อยวางอีกแล้ว บางด้านดูดุเทียบได้ใบหน้าเสือจ้องขบ กลับเกลี่ยเสียใหม่ เป็นเสียงทะลวงไส้พุงเร้าใจผิดหน้าผิดหูผิดตาไปทันที
ชนกลุ่มน้อย
  “เลสาปหน้าร้อนเปื่อยหมดแล้ว” ประโยคนี้ถ้าเขียนใหม่ตามภาษาบรรพบุรุษของใต้สวรรค์ ต้องบอกว่า เลสาปหน้าร้อนเปื่อยแผล็ดๆ เหตุที่เปื่อยเห็นด้วยตา ถ้าพูดผ่านปากของบ่าวทอง ต้องเริ่มต้นว่า“ที่จริง”เช่นเคย “ที่จริงมันไม่เปื่อยหร็อก ที่มันเปื่อยเพราะเลกลายเป็นโคลน เปื่อยแผล็ดๆไปทั้งเล” …
ชนกลุ่มน้อย
  สวรรค์ปักษ์ใต้มีสะตอกับลูกเนียงรวมอยู่ด้วย หรอยที่สุดต้องเหนาะ(จิ้ม)กับน้ำชุบ(น้ำพริก-ต้องกะปิเท่านั้น) หรือกินกับแกงคั่ว คั่วกะทิหรือแกงคั่วเผ็ดไม่กะทิ เผ็ดร้อนไม่แพ้ขาดเหลือกันนัก ไม่มีใครบอกว่าพริกพัทลุงหรือพริกนครศรีธรรมราช เผ็ดแรงร้อนกว่ากัน...
ชนกลุ่มน้อย
นักดนตรีกลุ่มนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัญจวนจากฤดูความว่างของชีวิต ออกไปเล่นดนตรีบรรเลงชีวิตร่วมกัน หรือจะพูดอีกที การมาถึงของพวกเขาใต้สวรรค์ ไม่ต่างจากฝูงปลาดุกหนีน้ำแถกเหงือกมาหากันในช่วงหน้าแล้ง หนวดยั้วคลุกนัวกันมาบนโคลนเปียกๆ เหนียวเหนอะไปยังถิ่นที่คาดว่าจะมีน้ำ สีผิวฝูงปลาดุกเลื่อมมันน่าเกรงขาม
ชนกลุ่มน้อย
คำ  สุวิชานนท์ รัตนภิมล และคำของอา' รงค์ ทำนอง  สุวิชานนท์  รัตนภิมล
ชนกลุ่มน้อย
ลมบาดหิน ของอา… “ผู้ชายคนนั้นกับผู้หญิงของเขาตัดสินใจแรมคืนในกระโจม(เต็นท์) เขาพบว่าการเสียบก้านปลั๊กตัวผู้ลงในรูปลั๊กตัวเมียเพื่อต้มน้ำกับกาไฟฟ้านั้นเป็นความสะดวกสบายของคนในทาวน์เฮาส์ที่กรุงเทพฯ และอย่างน่าอิจฉา แต่การมองหาก้อนหินนำมาวางเป็นก้อนเส้า กิ่งไม้ง่ามปักกับดินแล้วพาดราวแขวนหม้อและริ้วชิ้นวัวฝานหมักเกลือ ก่อกองไฟและต้มกาแฟ นี้เป็นบางแบบของชีวิตซึ่งผู้ชายควรเรียนรู้...”
ชนกลุ่มน้อย
พอออกมาจากห้องฝึกเรียนไวโอลินกลางเมืองเชียงใหม่  ผมบอกเจ้า 9 ขวบว่าไปเยี่ยมคุณลุงหน่อยนะ   เจ้าเก้าขวบถามทันทีที่ไหน  ผมตอบกลับวัดเจดีย์หลวง  ไปทำอะไรเหรอ เขาสงสัย  อยากไปเยี่ยม พ่อไม่ได้เข้าไปนานแล้ว
ชนกลุ่มน้อย
  ในห้องทำงาน โต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้ไม้ไม่เหมือนวันก่อน หนังสือเล่มใหม่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเล่มมาวาง ชั้นหนังสือเรียงตามกัน โน้ตสั้นๆ เขียนถึงเวลานัดหมาย เวลาส่งงาน หมายเลขโทรศัพท์ ม้านั่งไม้ไว้นอนเอกเขนก โคมไฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีด โต๊ะกลม กีตาร์ กล้องถ่ายรูป รูปภาพบนผนัง ...
ชนกลุ่มน้อย
  ในชีวิต ณ ปัจจุบัน ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาข้องเกี่ยวกับเครื่องดนตรีชื่อ ไวโอลิน และยิ่งไม่เคยนึกว่าวันหนึ่ง จะมีไวโอลินมานอนอยู่ในห้อง ตั้งวางอยู่ข้างตัว รวมถึงได้ยินมันส่งเสียงทุกวันตอนย่ำค่ำ