Skip to main content
 ไม่มองซ้ายขวาหน้าหลัง  เดินเข้าไปหาแล้วโอบกอด  
"ได้กลิ่นมั้ย" ผมถาม
"เหมือนน้ำมัน" เขาตอบ
"ใช่  ในตัวเขามีน้ำมัน" ..
 บทสนทนาระหว่างโอบกอด  เป็นเช่นนี้จริงๆ

"ถ้ามันมีกลิ่นแสดงว่ามันไม่ล้มง่ายใช่มั้ย" โดนประโยคสงสัยเข้าเต็มๆ
"ล้มยากหรือล้มง่าย  มีกลิ่นหรือไม่มีกลิ่น  มันก็น่าโอบกอด"


สองคนกอดต้นไม้คนละต้น 
"นิ่มมั้ย" ผมถาม
"แข็งจะตาย"
"แต่ต้นนี้นิ่มมากๆ"..
วิชาสัมผัส  ทั้งสัมผัสนอกและสัมผัสใน  ออกจะเป็นเรื่องเข้าใจยาก  แต่วิชาโอบกอด  กลับง่ายดายเหลือเกิน 

"กอดต้นไม้"
ผมได้ยินครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน   ถึงขบวนการเคลื่อนไหวโอบกอดต้นไม้ในแถบเทือกเขาหิมาลัย ประเทศอินเดีย  ปกป้องต้นไม้ด้วยการโอบกอดต้นไม้  ให้รอดพ้นจากคมเลื่อยคมมีดของผู้รุกราน
เรียกกันในชื่อขบวนการชิปโก้ และคำขวัญของเขา
"หากขวานฟันลงมา  ขอให้ฟันลงมาที่ร่างกายเรา  ก่อนที่ต้นจะถูกโค่น"
ขบวนการที่ได้รับอิทธิพลจากมหาตมะ คานธี  เคยกล่าวไว้ว่า "มนุษย์จะต้องใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ  หากไม่ต้องการเดินทางไปสู่หายนภัย"
เป็นความรักและความศรัทธา  ที่จะให้ความเขียวชะอุ่มอยู่บนโลก

หลายปีต่อมา  เด็กชายในบ้านคาบข่าวมาบอก  พูดตาโตๆว่า วันนี้นะ คุณครูพาเด็กๆไปกอดต้นไม้  โรงเรียนนั้นชื่อหมีน่ารัก (
kiddy bear)  ขบวนการคิดดี้แบร์โอบกอดต้นไม้  นำเด็กนักเรียนไปกอดต้นไม้กลางเมืองเชียงใหม่   ทั้งกอด  ทั้งนอนดูกิ่งก้านใบ สื่อสารของความรู้สึก    ทั้งวาดรูปติดมาด้วย 
มันตราตรึงใจเจ้าตาโตๆ  ภูมิใจกับการกอดต้นไม้ตลอดมา
และนับแต่นั้น  การกอดต้นไม้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรา 

มีโอกาสไปใกล้ต้นไม้เมื่อไหร่  เราชวนกันไปกอดต้นไม้   ครั้งแล้วครั้งเล่า  เริ่มต้นจากไม้ใกล้บ้าน  ไม้ไกลบ้าน  จนถึงไม้กลางป่า  ถามไถ่ความรู้สึกกัน  ถ่ายเทสัมผัสภายในให้กัน

"พ่อได้ยินมันยืนร้องไห้"
ผมพูดแล้วเด็กชายรีบถาม  เพราะอะไรเหรอ
"ถนนขยายกว้างออกไป  ต้องตัดมันทิ้ง" 
"ถ้าเรามีถนนใหญ่ขึ้น  แสดงว่าต้นไม้ร้องไห้"  เจ้าเด็กชายพูดชัดถ้อยชัดคำ

นานวัน   ผมยิ่งรับรู้ว่า  ภาวะโอบกอด  ช่างเต็มไปด้วยพลังชีวิต  ออกไปจากชีวิตของเรา  ไปสู่ชีวิตอื่น  เห็นดวงตาผู้อื่น  เห็นสรีระผู้อื่น  และทัศนียภาพในการมองเห็นก็เปลี่ยนไปด้วย
"หลับตา  ให้รู้ว่า  เรากำลังโอบกอดสิ่งที่ดีที่สุด ให้รู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน 


ผมยังได้ยินเสียงตื่นเต้นดีใจของเด็กชายในบ้านด้วย  โดยเฉพาะยามเจอแมลงแปลกๆ  หนอน  ซากงู  ซากจักจั่น  มดแมงตามเปลือกไม้ 

ต้นไม้กลางป่าต้นหลังสุดที่เด็กชายโอบกอดก็คือต้นสนสามใบ 
ผมบอกเขาว่า  ต้นสนหนึ่งต้น  มีอีกหลายชีวิตอยู่ในตัวมัน  ทุกอย่างเติบโตออกมาจากหนึ่ง  เป็นสอง สาม สี่ ห้า ต่อเนื่องเรื่อยไป

เขาหลับตาพริ้ม  ฟังเสียงภายในต้นสน

 

 

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
  ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบกับบัวหิมะ นาทีเผชิญหน้าราวกับพบนักบวชในป่าหินบนความสูงของยอดเขา 2,100 เมตร ยอดเขาที่ผมบอกผ่านจอไม่ได้เสียด้วย จึงไม่อาจเขียนรายละเอียดใดๆ อันบอกถึงถิ่นพำนักที่อยู่ของดอกไม้บนหินชนิดนี้
ชนกลุ่มน้อย
  กระท่อมของลุงชวนเสพติด ผมนั่งๆเดินๆนอนๆในแบบของมนุษย์ถ้ำ กระท่อมปีกไม้อีกหลังหนึ่งอยู่ใกล้ลำเหมือง ลำเหมืองที่ไหลมีชีวิตผ่านดงกล้วย เลาะกอไผ่ หายเข้าไปในสวนผลไม้ ความเงียบของกระท่อมน่าหลงใหลเหลือเกิน
ชนกลุ่มน้อย
  เหมือนคนฟื้นจากป่วยไข้ต่อเนื่องมานาน พอไปยืนอยู่กลางไร่ยางโตน เครื่องยนต์ที่ผ่านโรงซ่อมมาใหม่หมาด ก็ถูกทดสอบชิ้นส่วนแตกหักที่ประกอบขึ้นมาใหม่ กลไกภายในเริ่มเข้ารูปรอย ให้กลับมาใช้งานอย่างเดิมได้อีกครั้ง พบลุงในช่วงเวลาภายในผมอย่างนั้น …
ชนกลุ่มน้อย
    โลกของเขาช่างแตกต่างจากคนอื่น ยากจะถามหาเหตุผลด้วยซ้ำว่า ผลน้ำเต้าแก่แกะเม็ดในออกไป เอามารวมกับลำไม้ไผ่เล็กๆ เปิดรูตามปล้อง กลายเป็นเครื่องดนตรีที่เรียกว่า “ฟูหลู” หรือแคนน้ำเต้าได้อย่างไร และสิ่งนั้นนำพาเรื่องใดมาสู่ตัวเขาบ้าง
ชนกลุ่มน้อย
Soy la sombra de una pena, ฉันคือท่วงทำนองแห่งความเศร้า
ชนกลุ่มน้อย
I've been lately thinking พักนี้ฉันมักคิดถึง About my lifes time ช่วงชีวิตของฉัน All the things I've done สิ่งที่ทำลงไปแล้ว
ชนกลุ่มน้อย
 ถนนสายนี้เกิดขึ้นมาในความเงียบเปลี่ยว ผมผ่านไปทุกครั้ง สวนทางกับรถแล่นผ่านไปมาน้อยมาก ผมยืนอยู่บนตำแหน่งข้างถนนปากทางเข้าบ้านแม่ป๋าม ขวามือไปเชียงใหม่ ซ้ายมือไปพร้าว อำเภอที่ดูราวติ่งเนื้อโด่เด่สุดเอื้อมของจังหวัดเชียงใหม่ ไม่มีเหตุผลจำเป็นพอที่ใครคนหนึ่งจะผ่านไปหา หากไม่จำเป็นด้วยเลือดเนื้อถิ่นเกิด หรือหน้าที่การงาน
ชนกลุ่มน้อย
  When I was young, my Dad would say Come on Son let's go out and play เมื่อยังเยาว์วัย พ่อจะบอกมานี่มาลูก ออกไปเล่นนะ Sometimes it seems like yesterday อย่างกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน And I'd climb up the closet shelf When I was all by my-self และฉันจะปีนชั้นตู้เสื้อผ้าเมื่ออยู่คนเดียว Grab his hat and fix the brim Pretending I was him คว้าหมวกของเขามาใส่ และทำตัวเป็นพ่อ no matter how hard I try แต่ไม่ว่าจะพยายามหนักเท่าไหร่ No matter how many tears I cry แต่ไม่ว่าจะร้องไห้มากเพียงใด No matter how many years go by แต่ไม่ว่ากี่ปีจะผ่านไป I still can't say good-bye ฉันยังไม่สามารถบอกลา He…
ชนกลุ่มน้อย
  ผมกลับมาเดินทางสู่ “คู่มือมนุษย์” ของ ท่านพุทธทาสภิกขุ ด้วยความรู้สึกอย่างท่องเดินทางไปในธรรม ในช่วงเวลาวิกฤติชีวิตไล่ตามสั่นคลอน เกิดภาวะความไม่ปกติ จนดูราวกับว่า อากาศรอบตัวมืดดำลงฉับพลันอีกครั้งหนึ่ง
ชนกลุ่มน้อย
  "ได้" พ่อของลูกคือลูกของพ่อ ตอบเพียงแค่นั้น  ลูกของพ่อคือหลานของปู่ก็ลิงโลด  "ได้ขึ้นภูเขาแล้ว ได้ไปภูเขา...""ลูกต้องเข้าใจอย่างหนึ่งนะ"  พ่อของลูกคือลูกของพ่อบอกแล้วเงียบคิด"มีอะไรเหรอ""เราไปร่วมงานคุณตานะ  จำได้มั้ย  คุณตาที่ให้ปูแม่น้ำ""จำได้ๆ  แต่มันตายหมด เหลือสองตัว คุณพ่อเอาไปปล่อยในสระพืชไร่มอชอ"