หน่อกล้วยกับมะพร้าวงอกหน่อ ราวกับเพิ่มจำนวนมากขึ้นชั่วข้ามคืน ผมสงสัยว่าพะเลอโดะจะเอาขึ้นรถอีกทำไม มิหนำซ้ำยังเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พะเลอโดะพูดทีเล่นทีจริงว่า เราต้องอยู่รอดด้วยวิธีของเรา
ผมไม่เข้าใจ แต่ไม่ได้ถามต่อ พอรถจอดแล้วดับเครื่องยนต์ ปิดไฟ ผมถึงรู้ความจริงใต้หน่อกล้วยกับมะพร้าวงอกหน่อ มันเป็นเกราะกำบังที่สามารถคุ้มครองเราได้ ผมไม่นึกว่ากะฌอกับซอมีญอจะมารอกลับขึ้นรถกลับไปกับเราด้วย
พะเลอโดะก็ไม่รู้ว่า เขาสองคนจะเอาอย่างไรกับชีวิต เหมือนเขาถูกปล่อยเข้าป่า เขาจะหนีเข้าป่า หลบๆ ซ่อนๆ อยู่ตามทุ่งนาทุ่งไร่ หรืออาศัยหลับนอนไปตามบ้าน รับจ้างเป็นแรงงานไปวันๆ ก็ตาม
พวกเขาคงรู้กลิ่น มีที่ไหนปลอดภัยบ้าง
ลุงเวยซาอยู่ในอารมณ์ครุ่นคิด ลุงเงียบผิดปกติ มองแม่น้ำอีกครั้ง มองไล่ไปตามบ้านเรือนที่ตั้งวางเรียงราย พะเลอโดะกำลังง่วนอยู่กับการจัดของภายในรถ
เรากำลังจะขึ้นรถอยู่แล้ว จู่ๆ ชายเตี้ยม่อต้อก็วิ่งตาตื่นมาพูดกับพะเลอโดะ ว่าเมื่อคืนมีคนหายไปจากหมู่บ้านหลายคน สองคนในจำนวนนั้นน่าจะเป็นกะฌอกับซอมีญอ มีคนได้ยินแต่เสียงเดินย่ำพื้นดินอย่างรีบเร่ง ไปกันเป็นกลุ่มใหญ่
พะเลอโดะมีสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะบอกผมกับลุงเวยซาว่าเรายังกลับไม่ได้ เราต้องอยู่ต่ออีกคืน แต่ชั่วข้ามคืนของพะเลอโดะ ผมรู้ดีว่า อาจหมายถึงครึ่งคืน หรือไม่ก็อาจสองสามวัน ขึ้นอยู่กับสัญชาติญาณครั้งสุดท้าย
อันที่จริงใครจะอยู่ใครจะไป ก็เป็นเรื่องปกติของชีวิตแถบนี้ คนหายดูเป็นเรื่องให้พูดถึงอย่างธรรมดาเหลือเกิน แม้ไม่อาจคาดเดาในชะตากรรมก็ตาม เพราะคนหายไป ก็อาจหมายถึงการย้ายที่ไปอยู่ที่อื่น ไปทำอะไรก็ได้ที่ใครไม่จำเป็นต้องรู้
ทุกอย่างน่าจะขึ้นอยู่กับการรอคอย ผมไม่รู้จะคอยอะไร คอยใคร หรือต้องห่วงใครบ้าง ลุงเวยซายังอยู่กับเรา กะฌอกับซอมีญอนั้นหรือ ที่นี่ก็เป็นแผ่นดินพวกเขา เขาไม่ใช่บุคคลสำคัญขนาดเป็นสิ่งจำเป็นของกองทัพ หรือกองทัพขาดเขาไปสองคน อาจจะลดทอนกำลังใจของหมู่ทหาร
เปล่า ..
ถึงอย่างไร ผมไม่รู้อยู่ดี ผมเดินไปนั่งมองแม่น้ำ ลุงเวยซาตามไปนั่งข้างๆ พะเลอโดะเดินหายไปกับชายเตี้ยม่อต้อ
บ่ายฝนตกพรำๆ เหมือนแม่น้ำใหญ่ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ มันยังคงไหลไปอย่างเย็นเยียบ ไหลเนื่องไปข้างหน้าอยู่อย่างนั้น ผมหลบมาอยู่ในศาลาริมน้ำ มีคนนั่งอยู่หลายคน ท่าทางแต่ละคนแทบไม่ต่างกัน นั่งรอคอยอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่แน่ว่าจะมาถึงใกล้ไกลเพียงใด
ตกค่ำ ยังไม่มีทีท่าว่ากะฌอกับซอมีญอจะกลับมา แมวดำตัวใหญ่วิ่งฝ่าฝนเปียกปอน เดินหายเข้าไปในบ้านไม้ สัตว์ยังมีที่หลบภัย แต่คนคงมองไม่เห็นทางได้ง่ายๆ
ผมไม่พบกะฌอกับซอมีญออีกเลย นับจากวันนั้น เรารออีกวันเต็มๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาสองคนไม่กลับมาจริงๆ เราช่วยกันหยิบหน่อกล้วยลงมาจากรถ มันไม่มีความจำเป็นใดๆอีกแล้ว ภายในรถดูโล่ง ผมกับลุงเวยซานอนเหยียดตัวบนพื้นรถ เสียงเครื่องรถครางหึ่งๆๆ พะเลอโดะไม่พูดอะไร นิ่งเงียบไปบนความเร็วของเต่าคลานต้วมเตี้ยมไปตามถนนดิน