ไม่มีสถานที่ไหน ผูกมัดใจผมไว้แน่นเท่าที่แห่งนี้ เป็นแววตาของพ่อที่มองลูกด้วยความเอ็นดู ดินแดนที่เราเหล่าเด็กๆไม่ได้ไปบ่อย หนึ่งปีผ่านไปเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น เวลาอื่นราวกับมันเป็นสถานที่ต้องห้าม และน่าเกรงกลัว
ความจริงในโลกของเด็กชาย ต้องเดินไปเรียนหนังสือตามทางรถไฟ ไปกลับวันละ 10 กิโลเมตร เพียงมองข้ามผ่านทุ่งนาไปทางทิศตะวันตก ห่างราวครึ่งกิโลเมตร ก็เห็นแนวป่าทึบเป็นกำแพงหนา ล้อมไม้ใหญ่ต้นสูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง มีธงเหลืองปลิวอยู่เหนือยอดไม้ มองไม่เห็นโรงธรรม กุฎิ หรือต้นลั่นทมเก่าแก่ล้อมโรงธรรม
เดินผ่านทุกครั้ง ในใจผมผุดพรายถึงฉากนั้น เปลือกลำต้นกิ่งก้านลั่นทมที่ดูเหมือนแขนขาคนแก่ บิดงอเป็นโหนกนูนตุ่มตายื่นขึ้นมาจากดิน จะต่างออกไปก็ตรงที่มันเป็นลำแขนเหี่ยวแข็งเป็นหินที่ให้ช่อดอกขาว กลิ่นหอมโชยทั่วอาณาบริเวณโรงธรรม มากกว่านั้นก็คือ คูน้ำที่ไหลเป็นกำแพงเกือบล้อมรอบอาณาบริเวณ อย่างกับคูเมืองยังไงยังงั้น
ในโรงธรรมมีตาหลวงกับยายทอง ผู้ใหญ่เล่าให้เด็กฝังใจจำ ว่าเป็นพระผุดขึ้นมาจากดิน พร้อมยายทอง คนทุกรุ่นในหมู่บ้านบอกว่า ตั้งแต่เกิดก็เห็นมีอยู่แล้ว
หนึ่งปีคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมีโอกาสเข้าไปเพียงหนึ่งครั้ง เพราะวัดทุ่งขุนหลวงอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านออกไปราว 5 กิโลเมตร เป็นวัดที่ดูเหมือนเกาะตั้งอยู่บนทุ่งราบ เป็นไข่แดงที่ห้อมล้อมไว้ด้วยทุ่งนากว้าง ต้องเดินเท้าไปเท่านั้น เดินข้ามทุ่งนา ข้ามคลองที่ไหลไปลงทะเลสาปสงขลา แล้วข้ามป่าเสม็ด ข้ามทุ่งนาอีกครั้ง ทางเดินก็เป็นทางเปลี่ยว ไม่ค่อยมีคนเดิน
ต้องเป็นวันสำคัญเท่านั้น ทุกคนถึงจะไปรวมกัน
ตาหลวงเป็นพระปูนปั้นองค์ใหญ่มาก สายตาเด็กมองใบหน้าตาหลวงราวกับยืนมองยอดไม้ สูงเหลือเกิน ใครย่างเข้าไปถึงโรงธรรมต้องก้มต่ำ หรือไม่ก็หมอบคลานเข้าไปให้ใกล้ที่สุด เพื่อจะไหว้ขอพรให้ปกป้องดูแล และดลบันดาล
ทุกคนในหมู่บ้านเป็นลูกหลานตาหลวงยายทอง ความทุกข์ใดๆของลูกหลาน ถูกปัดเป่าออกไปอย่างน่าอัศจรรย์
คนรุ่นพ่อบอกว่า ตอนพ่อเล็กๆ มีช้างหลงทางเข้ามาใช้งวงรัดคอยายทอง คอหักหล่นดิน ยายทองที่เด็กชายเห็นจึงอยู่ในสภาพแยกหัวออกจากคอ ปิดทองห่มผ้าวางไว้ใกล้ๆ
ตาหลวงกับยายทองที่หัวออกจากตัว เป็นภาพติดตัวทุกคนในหมู่บ้าน
หนึ่งปี หนึ่งครั้งที่เด็กๆในหมู่บ้านต่างตื่นเต้น ก็คือได้ไปร่วมวันว่าง(สงกรานต์)ที่วัดทุ่งขุนหลวง คนจากทุกทิศทุกทางต่างมุ่งหน้ามา คนล้นโรงธรรม ออกเต็มอยู่บนศาลาไม้เก่าๆมุงหลังด้วยกระเบื้องเก่าๆ บ้างก็นั่งอยู่ใต้ร่มไม้
ต่างมุ่งหน้ามาเพื่อจะอาบน้ำตาหลวงยาทอง ทุกอย่างจะจบลงด้วยการขนน้ำจากบ่อทราย ขนไปอาบตาหลวงยายทอง ด้วยราดน้ำลงไปบนส่วนของตาหลวงยายทอง รดราดจากเหนือหัวลงมา และคอยรับน้ำจากปลายคาง ปลายหูตาหลวง น้ำที่ได้ไปนั้นเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคได้ เด็กไม่สบายก็นำมาตบหัว เหมือนนำมนต์หล่อเลี้ยงจิตใจคนในหมู่บ้าน
ระหว่างทางขนน้ำมาอาบตาหลวงยายทอง ก็สนุกกับการสาดน้ำใส่กันจนเปียกกันไปตามกัน ลองนึกถึงภาพคนจำนวนมาก เดินไปยังบ่อทรายบ่อเดียว คนตักก็ตักไป ผลัดเปลี่ยนกันตักน้ำ ใช้ขันน้ำรับทีละขัน เดินเป็นคลื่นคนเข้าไปในโรงธรรม
ล้อมตาหลวงยายทองอย่างกับมด กลิ่นน้ำที่ราดท่วมนองโรงธรรมมีกลิ่นของเสื้อผ้านักบวช ผมมักยืนสูดเอากลิ่นอากาศนานๆ
วันนี้ หนทางไปวัดทุ่งขุนหลวงทอดขนานทางรถไฟ ไม่ต้องเดินเป็นชั่วโมงอีกแล้ว กลับบ้าน ผมแวะไปกราบไหว้รำลึกถึงห้วงเวลาวัยเยาว์ ที่ยังวิ่งเล่นอยู่เงียบๆภายใน คุณค่าความหมายที่อยู่เหนือกาลเวลา
ทุ่งขุนหลวง ผมจึงนำมาเป็นนามสกุลของนามปากกา เขียนหนังสือ ด้วยอยากจะบอกถึงสถานที่ซึ่งกลายเป็นเงาตามตัว เงาวัดเก่าแก่ เงาตาหลวงยายทองที่ฝังเงียบอยู่ในใจเสมอมา