Skip to main content

เราแกร่วอยู่ในร้านอาหารหน้าสถานีรถไฟเลาไค รอรถเที่ยว 2 ทุ่ม ถึงฮานอยเช้าแล้วต่อรถไปยังอ่าวฮาลอง หมู่เกาะกั๊ตบา ฝนตกกระหน่ำ นักท่องเที่ยวหลายชาติที่จะเดินทางไปฮานอยทยอยกันมาเรื่อยๆ จนแน่นขนัด ร้านใครร้านมันแล้วแต่คอนเนคชั่นของเอเจนซี่


เรานั่งจิบเบียร์ไปเกือบโหล เบียร์ที่เวียดนามมีหลายยี่ห้อ แตกต่างกันไปตามเมือง เบียร์ฮานอย เบียร์เว้ เบียร์(สด)โฮยอาน (อร่อยและราคาสุดคุ้ม ขอบอก) ฝนซาเม็ดและตกกระหน่ำ สลับกันหลายชั่วโมง ชวนให้คิดถึงหนังสงครามเวียดนาม ในแบบฉบับของฮอลลีวูด


ทหารอเมริกันที่ถูกส่งมารบที่ตะวันออกไกล นอกจาก ต้องเผชิญกับนักรบกองโจรเวียดกง ไข้มาลาเรีย ยังต้องเจอกับสายฝนที่ตกบ่อยจนไม่รู้ตัว อากาศที่นี่คุ้มดีคุ้มร้าย แดดเปรี้ยงอยู่ดีดีฝนตกเสียหน้าตาเฉยชวนให้ครั่นเนื้อครั่นตัวพอประมาณ


นักท่องเที่ยวบางคนถึงกับต้องซื้อเสื้อกันฝนกันยกใหญ่ ถึงเวลารถออก ฝนก็ยังตก เราแบกกระเป๋าเข้าไปในสถานีคนแน่นมากทั้งต่างชาติและคนเวียด วันสุดสัปดาห์ที่ไหนในโลกก็เหมือนกันทุกที่ คนเวียดนามจากฮานอยออกท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน เต็มขบวนรถ


ทุกอย่างดูเร่งรีบ เราต้องแทรกตัวเข้าไปภายในตัวรถเพราะไม่มีการต้องเสียเวลาต่อแถวให้เมื่อย ใครมาก่อนหรือหลังไม่เกี่ยง หากขึ้นได้ก็แทรกเข้าไปเลย หาที่นั่ง จัดวางสัมภาระอย่างไม่ต้องสนใจเผื่อแผ่ ใครมาก่อนวางก่อน ใครมาหลังหาที่วางให้ได้แล้วกัน ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่เช็คแล้วนั่งนิ่ง ๆ อย่าเดินให้วุ่นวาย


นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 2 คน ชายหญิง ผู้หญิงรวบเส้นผมเดดร็อคเอาไว้เต็มหัว ผู้ชายใส่เสื้อกล้ามสีขาวแบ็กแพ็กเดินขึ้นมาบนรถด้วยใบหน้า งง งง ..เจ้าหน้าที่รถไฟตามพวกเขามาติดๆ


นี่ไม่ใช่ตั๋ว” เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น

เอเจนซี่ให้ใบนี้มา เราจะรู้ได้ไง” ผู้หญิงเริ่มอุทธรณ์

ไม่รู้ ไม่ใช่ตั๋ว ลงไปก่อน” เจ้าหน้าที่ไม่เปิดโอกาสให้ต่อรอง


การซื้อตั๋วรถไฟจากซาปาไปฮานอย ต้องดูให้ดีเพราะที่ซาปามีคนทำหน้าที่เอเจนซี่หลายเจ้าและมีมาตรฐานที่แตกต่างกันออกไป บางเจ้าออกตั๋วรถไฟให้ทันที บางเจ้าจะออกเป็นใบรับรองการจองแล้วนำฝากกับไกด์ให้มาเอาตั๋วที่สถานีเลาไค


แน่นอน ต้องซื้อด้วยราคาที่ชาร์ตเรียบร้อยแล้ว


เรื่องตั๋วรถไฟเป็นเรื่องที่ชวนให้พิศวงงงงวยอยู่ไม่เบา ทางสถานีจะปล่อยตั๋วให้เอเจนซี่เหมาจองตั๋วเป็นตู้ๆ ก่อนลูกค้า เป็นภาคบังคับที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องซื้อตั๋วในราคาชาร์ตกับเอเจนซี่แต่ละร้านและยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่คิดจะจองตั๋วที่สถานีรถไฟโดยตรงเพราะเจ้าหน้าที่จะบอกเราว่า “ฟูล ทิกเก็ต” ดีอยู่บ้างที่เราได้ตั๋วจากเอเจนซี่ของรัฐโดยตรง


ชาร์ตน้อยกว่าเอเจนฯเอกชนนิดเดียว ...


หนุ่มสาวนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเดินแบกกระเป๋าตามเจ้าหน้าที่ลงไปเคลียร์เรื่องตั๋วกันทางด้านล่าง ผมมองใบหน้ายาดาอย่างสงสารในชะตากรรมของทั้ง 2 คนเพราะหากไม่ได้ไป หมายความว่า ทั้ง 2 ต้องแกร่วอย่างไม่ควรจะแกร่ว


ผมหวังเพียงว่า เรื่องควรจะจบด้วยดี

...


เช้าที่ฮานอย เราเลือกที่จะเดินจากสถานีรถไฟไปยังพัมคินทัวร์ เพราะมันอยู่กันไม่ไกลและขยาดกับบรรดาแท็กซี่ที่ฮานอย คนยังไม่มากนัก นอกจาก ร้านกาแฟและเฝอแล้วยังมีแม่ค้าขายดอกไม้บนรถจักรยานที่พอจะทำให้ฮานอยยามเช้าได้เคลื่อนไหวบ้าง ผมเหลือบมองไปรอบๆ หวังว่าจะเห็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นคู่นั้น ไม่เป็นไร แม้จะไม่เห็นก็ไม่ได้หมายความว่า เค้าไม่ได้ขึ้นรถมาด้วยเพียงแค่อาจจะแยกไปทางอื่นตามเรื่องตามราว


อย่างน้อยนี่ก็เป็นคำปลอบใจที่ดี


ถึงพัมคินทัวร์ เราจัดแจงสัมภาระและล้างหน้าล้างตารอเวลารถมารับไปยังอ่าวฮาลอง แพ็กเกจนี้เป็นแพ็กเกจ 2 คืน 3 วัน นอนบนเรือในอ่าวและพักโรงแรมบนเกาะกั๊ตบา ถึงเวลา มิง ไกด์หนุ่มมาเรียกให้เราขึ้นรถเพื่อจะวนไปรับนักท่องเที่ยวร่วมทริปอีกกลุ่ม มุ่งไปอ่าวฮาลอง


อ่าวฮาลองเป็นชายฝั่งในทะเลจีนใต้ทางภาคเหนือของเวียดนาม ความโดดเด่นอยู่ที่ทิวทัศน์ที่งดงามประหลาดด้วยกลุ่มหินอันเกิดจากรอยเลื่อนในยุคน้ำแข็ง สภาพที่เย็นตัวลงทำให้เกิดชายฝั่งงดงามยาวจรดภาคใต้ของประเทศ คนเวียดนามในถิ่นนี้เป็นชาวน้ำที่เชี่ยวชาญ


รถแล่นเรื่อยๆ ออกจากฮานอย ประเทศเวียดนามจำกัดความเร็วของรถอยู่ที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เกินจากนี้มีหวังโดนซิว วิ่งกันครึ่งวันถึงอ่าวฮาลองจนได้ มิงบอกว่า หากจะเที่ยวอ่าวฮาลองอย่าไปโดยไม่มีไกด์เด็ดขาดเพราะเรือที่อ่าวไม่ได้รับนักท่องเที่ยวทั่วไปเป็นเรือที่ผ่านเอเจนซี่หรือหากจะข้ามเกาะก็ได้แต่ต้องโดยสารเรือชาวบ้านที่รู้จักกัน HAHA


บริเวณท่าเรือเต็มไปด้วยเรือลำน้อยลำใหญ่ เรือประมง เรือท่องเที่ยว ร้านอาหารและรถทัวร์ กิจการการท่องเที่ยวที่นี่ครบวงจร ตั้งแต่เอเจนซี่ในเมืองจนถึงสถานีบริการท่องเที่ยวอ่าวฮาลอง คอนเนคฯใคร คอนเนคฯมัน ต่างทำหน้าที่กันไป มิงบอกให้เรารอ เรือมารอรับเราอยู่แล้ว กัปตันเรือของเราเป็นคนรูปร่างหนา ตันแต่สมส่วน มีกังวานเสียงดุคล้ายกับตำรวจหรือทหาร เขาใส่แว่นดำและขอเช็คพาสปอร์ตของพวกเราทุกคน


ทริปนี้มีด้วยกัน 10 คน ผมกับยาดา คุณลุงป้าชาวมาเลเซีย ชาวแคนาเดียน 4 คน และอังกฤษอีก 2 คน ทริปทัวร์จะจัดอาหารเที่ยงให้บนเรือ รวมถึงมื้อเย็นและมื้อเช้า


ก่อนจะไปส่งเราขึ้นเกาะกั๊ตบาในวันรุ่งขึ้น ..



7_8_01

บริเวณถ้ำฮาลอง จุดท่องเที่ยวอีกจุดที่ยินดีนำเสนอ



7_8_02
สินค้าบนเรือพาย ของชาวน้ำในอ่าวฮาลอง



7_8_03
อันนี้เป็นเรือเก็บขยะ ผลพวงจากการท่องเที่ยวครับ



7_8_4
ชายหาดบริเวณหมู่เกาะค้างคาว



7_8_05

7_8_06
ทิวทัศน์ของเกาะแก่งและกลุ่มหินรูปร่างประหลาดตาในอ่าวฮาลอง


7_8_07
กองทัพเรือสำราญ สนองการท่องเที่ยวในอ่าวฮาลอง



7_8_08
เวียดนามเป็นเมืองท่าที่มีเรือขนส่งสินค้ามากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในระดับภูมิภาค



7_8_09
แนวทรายกลางอ่าว



7_8_10
เรือขุดขนทรายจากอ่าวฮาลอง สนองความเติบโตของเมืองที่กำลังขยายทั่วเวียดนาม


บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลูกป่า สร้างร่มเงาโคลนสีแดงเหนียวหนึบค่อยๆ ซึมผ่านถุงมือไหมพรมสีขาว ท่อนไม้แหลมเหลาปลาย ถูกกระทุ้งลงดินแข็ง แล้วคว้านเป็นหลุมกว้างขนาดพอจะใส่กล้าไม้ฉีกถุงเพาะกล้าเบาๆ สองมือค่อยๆ โอบประคองดินดำห่อหุ้มต้นอ่อนลงในหลุมที่ถูกคว้านและตีกลบเบาๆ ให้ดินแน่นนำถุงเพาะกล้าครอบบนแนวไม้ที่ปักเอาไว้ ใบเล็กๆ สีเขียวบนลำต้นบอบบางตั้งฉากเป็นแนวดิ่งเป็นอันเสร็จขั้นตอนสำหรับการปลูกกล้า พร้อมกับหัวใจของแต่ละคนที่หวังว่ากล้าเล็กๆ จะเติบโตเป็นป่า ให้ร่มเงาแก่ผืนดินและโลก...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
“นาย ... !! เขียนงานให้เรายัง” ผมถามดาด้าตัวละครเก่าของผม “อีกนิดนึงพี่” “เฮ้ย เอาวันนี้นะ” (จันทร์) ม่ายงั้น ‘เจ้’ ทวง “เอ๋า พี่ไม่ได้กำหนดเวลานี่” “เออ รีบเลย” เวลาผ่านไป ไม่นานเลย ..... “ดาด้า นายแน่มาก” “ไร” “อ่านแล้วขนลุกเลยว่ะ” “ไปห้องน้ำเลยไป” !!! @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
“พี่ ไปแค้มป์แม่หละกันไม๊” ดาด้าตัวละครเก่าของผมเอ่ยถาม ระหว่างที่เรานั่งรถไปจังหวัดกระบี่ “ตาก อะนะ” ผมทำตาลุก มันเป็นสถานที่หนึ่งที่ฝันว่าจะไปถ่ายรูป “วันไหน” “เนี่ย กลับจากนี่แหละ” มหาดไทยอนุญาตให้ออฟฟิศของดาด้า เข้าไปถ่ายทำเรื่องกลุ่มมุสลิมในแค้มป์ ผมนั่งนับนิ้ว เอ มันตรงกับวันอะไรหว่า !! “เออ นายเขียนแคนโต้แล้วถ่ายรูปมาลงคอลัมน์เรานะ” เสียดายครับ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แคกตัสบางชนิดมีหนามหนุ่ม ฟู และดอกบนหัว สวยงามแต่ดูน่ากลัว ผีเสื้อเป็นราชินีแห่งแมลงที่น่าเก็บภาพเสมอ ผู้ย่อยสลาย เห็ดราบางชนิด มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์เป็นอย่างยิ่ง เอ่อ ผมจำไม่ได้ว่าเป็นดอกอะไร ครับ!! แมลงปอ ราชันย์แห่งแมลงที่น่าเก็บภาพเหมือนกัน ต่างตัวต่างลีลา ใบไม้ธรรมดา จะดูน่าสนใจเมื่อมีแสงเงาตกกระทบ โฟกัสที่ดอกไม้ เขาว่า "ผีเสื้อขยับปีก โลกถึงกับสั่นสะเทือน" สวัสดีครับ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
บริเวณนั้นทั้งบริเวณเป็นเกาะ สายน้ำไหลเรียบเรื่อยเซาะแก่งหินและรากไม้ใหญ่ริมตลิ่งเป็นเงาเว้าๆแหว่งๆ คือ การออกแบบอย่างลงตัวของธรรมชาติ สายฝนพรำตั้งแต่เริ่มเที่ยง อุโบสถหลังขนาดกะทัดรัดจึงกลายเป็นที่หลบฝนของชาวบ้าน หลายคนอุ้มลูกนั่งยองๆ อยู่ใต้ชายคา เด็กๆ กับเพื่อนบางคนหลบเข้าใต้ถุนอุโบสถขีดเขียนพื้นดินทรายเล่นฆ่าเวลา ชนกะเหรี่ยงโปจากหลายหมู่บ้านมาร่วมทำบุญปีใหม่ที่อุโบสถกลางน้ำ หมู่บ้านคลิตี้ล่าง หมู่บ้านของมนุษย์ตะกั่ว .. ปีใหม่แบบไทยๆ แต่ละปี อุโบสถกลางน้ำจะกลายเป็นที่ชุมนุมของคนในหมู่บ้าน ด้วยแรงเชื่อถือศรัทธา ชนกะเหรี่ยงโปจะเดินแห่ร้องรำทำเพลงกันมาเพื่อสรงน้ำพระสงฆ์ เมื่อถึงเวลา…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ไม่แน่ใจหรอกว่าเคยไปแม่ฮ่องสอนมากี่ครั้งกันแน่ รู้แต่เพียงว่า เพราะความที่มันไกลเสียจนมีคนร่ำลือถึงได้พยายามดั้นด้นไปให้ถึง ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง (ก็ยังอ๊วกเหมือนเดิม อิ อิ) ... “หากผมมีโอกาสได้แต่งงานนะ ผมจะแต่งที่แม่ฮ่องสอน” “เออ คุณไม่ต้องส่งการ์ดเชิญมาให้ผมนะ ไกลชิบ” “เฮ้ย มันมีเครื่องฯ .. บินถึง ..” “เออ ผม เมาเครื่อง” ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ราวห้าโมงเย็น “จุดเทียนหรือเปล่าคับทั่น” ผมโทรหาเพื่อนคนหนึ่งอย่างกระวนกระวาย “จุดดิคับ เริ่มหกโมงฯ แล้วมาตอนนี้ทำไม” มันว่าเข้าให้นั่น เป็นอันว่า คงต้องรออีกสักพัก กว่ากลุ่มของพวกเขาจะเดินทางมาถึง ผมเริ่มเดินสำรวจรอบๆ บริเวณศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมแห่งชาติแห่งแรกของเมืองไทย จริงๆ มันมีศูนย์ศิลปะอื่นๆ อยู่บ้างในต่างจังหวัดแต่มันคงดูไม่หรูหราใหญ่โตอลังการเท่าศูนย์นี้ ความใหญ่โตของมันทำให้ผมงกๆ เงิ่นๆ เดินเข้าไปในศูนย์เพื่อฆ่าเวลา เจ้าหน้าที่เกร่เข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม “ให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงตรวจกระเป๋า นิดนึงนะครับ” เขาบอกกับผมอย่างสุภาพ ซิปกระเป๋ากล้องถูกเปิด พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดเปรี้ยงผ่าลงตรงหัวพอดี ขณะที่ช่างภาพนับ 10 คน ดุ่ยๆ เข้าไปในอาคารเรียนแห่งนั้น โถงอาคารเอนกประสงค์โล่งๆ เหมาะจะเป็นสนามบาสฯ มากกว่าห้องเรียนถูกจัดแบ่งเป็น 2 ตอน ด้วยตู้ไม้ผุๆ ทางด้านหน้าเป็นชั้นเด็กโตและทางด้านหลังเป็นชั้นเด็กเล็กที่ไม่ควรจะเกิน 10 ขวบ โรงเรียนวัดสุทธารามหรือโรงเรียนวัดกำพร้า เป็นหนึ่งในหลายๆ โรงเรียนในจังหวัดสมุทรสาครที่รับเด็กลูกหลานแรงงานข้ามชาติมาเรียนหนังสือ วิชาที่สอน เน้นพูด อ่านและเขียนภาษาไทย ,เมื่อเค้าต้องอยู่ร่วมกับเราอย่างไม่อาจจะปฏิเสธ กล่าวกันทีเล่นทีจริงว่า หากหญิงสาวชาวพม่าไม่ทาแป้งทานาคาและชายหนุ่มชาวพม่านุ่งกางเกงยีนส์ไปเคาน์ ดาวน์ ที่ เซ็นทรัล…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
“ปากน้ำระนองเลยพี่” เลิศ หนุ่มน้อยหุ่นทรงกระบอกแนะนำ “เหรอ ไกลมะ” ผมถาม “ไม่เท่าไร รับรองสวย พี่” ปากน้ำระนอง ห่างจากตัวเมืองราวขับรถ 10 นาที บนถนนเลียบเนินจะมองเห็นตัวเมืองระนองกลางขุนเขาโอบล้อมอย่างชัดเจนระนองเป็นเมืองชายแดนพม่าฝั่งทะเลอันดามัน ร้อนและชื้น จนได้ชื่อว่า เมืองฝน 8 แดด 4 (อันที่จริง เมืองชายฝั่งทะเลภาคใต้ก็ฝน 8 แดด 4 กันแทบทั้งนั้น) ฝนตกชุก ทั้งหนักและพรำๆ ในช่วงที่ผมอยู่ที่นั่น ระนองติดกับประเทศพม่าบริเวณเมืองทวายโดยมีเกาะสองกั้นเป็นพรมแดนธรรมชาติและชายฝั่งที่ทอดยาวจรด จ.พังงา เดินทางไม่ยากเพราะมีบริษัททัวร์บริษัทเดียวที่ให้บริการ 2 รอบ คือ เช้าและบ่าย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ความน่าสนใจของท้องฟ้าก่อนพายุจะมาหรือสตอม เซอจ ที่ คุณดินยา ได้เขียนเป็นข้อมูลเอาไว้ เร้าให้ผมเกิดแรงบันดาลใจที่จะบันทึกภาพ ท้องฟ้าก่อนพายุจะมา ภาพเหล่านี้ถ่ายระหว่างวันที่ 25-30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ขณะที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องคลื่นพายุซัดฝั่ง บริเวณอ่าวไทยเมืองแม่กลอง ... ... จู่ๆ ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับมืดครึ้ม กลุ่มเมฆก่อตัวอย่างฉับพลันกลืนแสงอาทิตย์ มองดูแล้วพูดไม่ถูกว่ามีความรู้สึกอย่างไร สีสันของเมฆเขียวครามแต้มอากาศสีเทา ฝนตั้งเค้าในที่ไกลๆ ท้องฟ้า ...ท่าจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
จบแล้วครับ .. เล่นง่ายแบบนี้เชียวเร๊อะ!! Ha Ha ... มีคำกล่าวง่ายๆ ว่า ทุกครั้งในการเดินทาง จงยิ้ม พึ่งพาสมองและสองเท้าแล้วค้นหา ...คุณจะพบว่า โรงแรมราคาดีแต่สะอาด รอคุณอยู่สุดซอย ...เสมอ เราบินออกจากฮานอยด้วยสายการบินโลว์คอส แอร์ เครื่องบินดีเลย์นิดหน่อย อย่างไม่ดัดจริต ผมคิดถึงส้มตำหอยดอง ปูปลาร้า ปากซอย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ฮานอยเป็นหัวเมืองใหญ่ทางภาคเหนือของเวียดนาม สถานที่ที่มีอัตราการเติบโตของจีดีพีไม่เป็นรองเมืองอื่นๆ (ยกเว้นตอนนี้เวียดนามเจอภาวะเงินเฟ้อ) กับความรุ่งเรืองแห่งอดีตอดีตแห่งภูมิภาคหนึ่งของจีนที่ได้ชื่อว่า อันนัมประกอบไปด้วย การจราจรอันคับคั่ง(จริงๆ ก็คับคั่งทุกเมืองใหญ่แหละ)ย่านโอลด์ ทาวน์ ทะเลสาบคืนดาบ บาร์เกย์และดนตรีแนวแทรนส์เราเจอฟั้งกี้ มั้งกี้ ณ หัวมุมถนนย่านใจกลางเมือง หลังจากที่เดินตามหามาตั้งแต่หัวค่ำ ในอาคารพาณิชย์ 1 คูหา ไกด์คนเก่งจากเกาะกั๊ตบาแนะนำให้เรามาย่านนี้ เหตุผลหนึ่งเพราะเป็นย่านบาร์เกย์ที่คนในเพศที่ 3 สามารถจะแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่…