Skip to main content

EIA ขัดขวางความเจริญ ? 

หัวไม้ story คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็นหัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)

มุทิตา เชื้อชั่ง, คิม ไชยสุขประเสริฐ, ชลธิชา ดีแจ่ม

นานๆ ทีจะเห็นคนระดับนายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม และระดับคุณสมัคร สุนทรเวช ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะพูดอะไรมักต้องเป็นที่ฮือฮาป่าแตกเสมอ ดังเช่นการวิจารณ์ว่า อีไอเอ' หรือ รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม' ที่เจ้าของโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต้องศึกษาแล้วส่งให้ สผ.พิจารณานั้นคล้ายๆ จะขัดขวางความเจริญ ทำให้การลงทุนล่าช้า สะดุด หยุดชะงัก....ทำนักลงทุนเดือนร้อน ใครรับผิดชอบ ฮึ !

---------------------------------------------

การตั้งโจทย์แบบนี้ออกจะพาสังคมไทยถอยหลังไปไกลสมัยที่ยังมีแนวการพัฒนาที่มุ่งแต่เรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งมักทำให้มีคำถามชนิดที่ให้เลือกเอาระหว่างสิ่งแวดล้อมและการลงทุนอยู่เสมอ ขณะที่ทุกวันนี้ การพัฒนา' และสิ่งแวดล้อม (และชุมชน และสุขภาพ และ....) ถูกผนวกเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิด การพัฒนาที่ยั่งยืน'

นอกเหนือจากถ้อยคำสวยหรู ในทางปฏิบัติ เรายังต้องเผชิญกับการหาจุดสมดุลของทั้งสองสิ่งเสมอ และไม่ต้องตีความให้เมื่อยตุ้ม เพราะนายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนว่าเลือกเอาสิ่งแวดล้อม..ทิ้งไป ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีในยุคที่ชาวบ้านชักแข็งข้อกับรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมีเครื่องมือที่พัฒนาไปพอควร เช่น รัฐธรรมนูญที่รับรองสิทธิต่างๆ ของพวกเขา ดูเอาแค่การต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ หรือดูคดีที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาฟ้องร้องภาครัฐ ก็จะเห็นเค้ารางความน่าปวดหัวอันไม่จบสิ้น

แทนที่จะโยนอีไอเอทิ้งไปแล้วบังคับขืนใจพวกต่อต้าน การคงอีไอเอไว้ และใช้มันอย่างที่ควรใช้ ให้มันเป็นอีไอเอจริงๆ ไม่ใช่ ตรายาง' ต่างหาก จึงจะเป็นทางออกที่จะทำให้การพัฒนาเดินต่อไปได้

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น คงต้องหันกลับมาทบทวนกันซักนิดว่าสิ่งที่คุณสมัครพูด จริงเท็จแค่ไหน อีไอเอมีน้ำยาถึงขนาดไปขัดขวางการพัฒนาเชียวหรือ ?

เช็คสภาพ อีไอเอ'

ทุกวันนี้อีไอเอถูกทำให้กลายเป็นพิธีกรรมส่วนหนึ่งที่โครงการขนาดใหญ่ต้องทำการศึกษา เพื่อจะดูว่าโครงการนั้นก่อผลกระทบด้านใดบ้าง และจะลดผลกระทบอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่อีไอเอของโครงการต่างๆ จะไม่ผ่าน ถ้าไม่ได้ผิดกฎหมาย ผิดกฎระเบียบจริงๆ เช่น โครงการที่ทำในพื้นที่อนุรักษ์

คำถามเหล่านี้อาจทำให้เห็นภาพอีไอเอชัดเจนขึ้น

 

ทุกโครงการต้องทำอีไอเอ ?

กระทรวงทรัพยากรฯ กำหนดประเภทและขนาดโครงการที่ต้องทำอีไอเอไว้ 22 ประเภท ถ้าอยู่นอกเหนือจากเกณฑ์ที่กำหนดก็ไม่ต้องทำ ที่ผ่านมามีการหลบเลี่ยงกันพอสมควร เช่นการปรับขนาดโครงการให้รอดหวุดหวิดไม่ต้องทำอีไอเอ

อีไอเอติดขัด ใช้เวลาพิจารณานาน ?

ที่ว่า โครงการนู้นโครงการนี้ติดปัญหาอีไอเอ จริงๆ ไม่ใช่เพราะภาครัฐพิจารณานาน เพราะมีข้อกำหนดไว้ว่า คณะผู้ชำนาญการ (คชก.) ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ต้องพิจารณาอีไอเอที่บริษัทที่ปรึกษาส่งมาภายใน 45 วัน หากมีคำถามก็ต้องตีกลับให้ทำรายงานเพิ่มและนำเสนอใหม่ ซึ่งรอบต่อๆ มานั้น คชก.ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ถ้าไม่คอมเมนท์อะไรภายในเวลาที่กำหนดจะถือว่าผ่าน ดังนั้น เรื่องระยะเวลา ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทที่ปรึกษาจะส่งกลับมาให้ คชก.พิจารณาเมื่อไร

พิจารณาอีไอเอ ละเอียด เข้มงวด เกินไป ?

การกำหนดประเด็นว่าจะศึกษาอะไร หรือไม่ศึกษาอะไร บริษัทที่ปรึกษาจะเป็นผู้กำหนดเอง โดยเลือกเอาจากรายการที่ สผ.กำหนดไว้เป็นร้อยๆ รายการ การเลือกเองนี้ทำให้ข้อห่วงกังวลจริงๆ ของชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้ถูกศึกษาประเมิน ท้ายที่สุดโครงการจึงตอบคำถามของชาวบ้านได้ไม่ชัดเจน หรือไม่ถูกจุด เช่น บางโครงการที่ทำในเมืองประเมินแล้วพบว่าไม่มีผลกระทบเรื่องสัตว์ป่าสงวน

นอกจากนี้ระบบในประเทศไทยยังพิเศษมาก หากภาครัฐยังไม่ได้กำหนดค่ามาตรฐานสารเคมี หรือมลพิษตัวใด ก็เท่ากับไม่ต้องทำการศึกษาเรื่องนั้น ประเด็นนี้เป็นปัญหาอย่างมากในกรณีของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพราะมีปัญหาเรื่องสารอินทรีย์ระเหยง่าย หรือ VOCs ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง แต่ก็ไม่มีการศึกษากันเรื่องนี้เพราะประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดค่ามาตรฐาน VOCs

ใครจัดทำอีไอเอ ?

บริษัทที่ปรึกษาจะเป็นผู้ศึกษาอีไอเอ โดยรับจ้างกับเจ้าของโครงการโดยตรง บริษัทที่ว่าต้องได้รับใบอนุญาตจาก สผ. ซึ่งก็มีกันอยู่ไม่กี่บริษัท และการจ่ายค่าตอบแทนนั้น โดยส่วนใหญ่ เงินก้อนใหญ่ที่สุดจะจ่ายเมื่ออีไอเอผ่านแล้ว

เปิดเผยข้อมูลได้แค่ไหน ?

เกือบร้อยทั้งร้อย อีไอเอ จะเปิดเผยให้ชาวบ้านหรือผู้ต้องการมีส่วนร่วมเข้าถึง ต่อเมื่อมันผ่านการพิจารณาแล้วเท่านั้น เรื่องนี้ยังไม่มีกฎหมายระบุชัดเจนให้เปิดเผยตัวรายงานระหว่างที่ทำการศึกษา และยังเป็นที่รู้กันว่าการขอดูอีไอเอตอนที่ยังไม่ผ่านนั้นเป็นเรื่องลำบากยากเข็ญ สผ.จะบอกให้ไปขอที่เจ้าของโครงการ และเจ้าของโครงการจะบอกให้ไปขอที่ สผ.

ชาวบ้านมีส่วนร่วมตอนไหน ?

สิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน คือ ต้องมีการเวทีรับฟังความเห็นจากชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประกอบรายงาน แต่ยังมีปัญหาหลายประการ เช่น เวทีรับฟังจัดอย่างกระชั้นชิด ให้ข้อมูลด้านเดียว และข้อคิดเห็นของชาวบ้านไม่มีการตอบสนอง นำไปสรุป พิจารณาอย่างแท้จริง

ผ่านแล้วไง ?

ผ่านแล้วก็แล้วกัน เพราะระบบตรวจสอบยังมีช่องโหว่ ในอีไอเอเองจะมีการนำเสนอมาตรการลดผลกระทบด้านต่างๆ ซึ่งจะต้องนำส่วนนี้ไปแนบกับการยื่นขอใบอนุญาต แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นที่เปิดเผย นอกจากนี้หน่วยงานตรวจสอบ เช่น กรมโรงงาน ก็มักจะอ้างถึงปัญหาไม่มีมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบที่ครอบคลุมถึงมาตรการทั้งหมด ซึ่งมีหลากหลายด้านในหลากหลายโครงการ

 

ข้อเสนอ ยกเครื่อง' อีไอเอ เพื่อหนุนการพัฒนา

 

ทะเล แม่น้ำ ภูเขา สัตว์ป่า ฯลฯ คงไม่ได้เย้วๆ ขัดขวางโครงการโดยตรง แต่สิ่งที่พูดได้ ชุมนุมได้ ฟ้องศาลปกครองได้ คือ ชาวบ้านในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสุขภาพจากโครงการ และในการต่อสู้ของพวกเขาก็มักใช้อีไอเอเป็นเครื่องมือสำคัญ แม้จะเป็นเครื่องมือที่ชำรุดทรุดโทรมเหลือทนก็ตามที

การตัดกระบวนการอีไอเอทิ้ง หรือการทำให้มันรวบรัดตัดตอนยิ่งขึ้น ไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ เพราะมันจะยิ่งสร้างความไม่เป็นธรรม ผลักภาระต่างๆ ให้กับคนเล็กคนน้อย อีกทั้งอีไอเอยังแทบจะเป็นช่องทางเดียวในขณะนี้ที่จะสร้างพื้นที่ในการคุยกันอย่างมีเหตุมีผลในรายละเอียดต่างๆ หากแก้ไขความบิดเบี้ยวของมันได้ ทำให้อีไอเอเป็นกระบวนการ' ที่เปิดให้ทุกฝ่ายมาหารือข้อห่วงกังวล และทางออกที่เป็นที่ยอมรับ

ข้อเสนอที่น่าสนใจ เช่น การปรับปรุงกระบวนการให้ แฟร์'

การเปิดเผยข้อมูลและการมีส่วนร่วม ควรทำตั้งแต่ยังไม่ทำการศึกษา เพื่อจะได้ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียดูร่วมกันว่าควรจะประเมินเรื่องอะไรบ้าง เรื่องความลับทางการค้าเป็นข้ออ้างที่สามารถจัดการนำส่วนนั้นแยกออกไปได้ แต่ไม่ใช่ปิดข้อมูลทั้งหมด ขณะที่ก่อนเปิดเวทีรับฟังความเห็นควรเปิดเผยข้อมูลระยะเวลาหนึ่งที่ให้เวลาส่วนต่างๆ ได้ศึกษาข้อมูลนานพอ และการสรุปเวทีก็ควรนำความเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อท้วงติงของชาวบ้านไปพิจารณาจริงๆ

การมีส่วนร่วมยังควรคลอบคลุมไปถึงการติดตามตรวจสอบ เมื่ออีไอเอผ่านแล้ว ชาวบ้านก็ควรร่วมติดตามร่วมกับราชการด้วย ทาง สผ.เองเคยเสนอว่าควรทำฐานข้อมูล EIA เพื่อให้มาตรการลดผลกระทบของโครงการต่างๆ เป็นที่เปิดเผย

องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม' ก็ถูกพูดถึงมากในระยะหลัง โดยเฉพาะเมื่อมันบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 67 ด้วย เพราะองค์กรดังกล่าวจะทำหน้าที่เสริมสร้างความสามารถของประชาชน หนุนเสริมระบบที่มีปัญหา เช่น การเป็นตัวกลางประสานการศึกษาอีไอเอ เจ้าของโครงการทำหน้าที่เพียงเป็นคนจ่ายเงิน ให้ข้อมูล แล้วให้องค์การอิสระฯ เป็นคนดีลกับบริษัทที่ทำการศึกษา กรณีของเนเธอร์แลนด์เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะมี EIA Commissioner เป็นตัวกลางประสาน และควบคุมแต่ละโครงการ

นอกจากนี้องค์การอิสระฯ ยังมีประโยชน์ในแง่ที่จะมีบทบาทในการเปิดเผยข้อมูลต่อสังคม รวมทั้งให้ความคิดเห็นต่ออีไอเอโครงการต่างๆ ประกอบการพิจารณาของหน่วยงานรับผิดชอบด้วย

ความพยายามอุดช่องโหว่ทั้งหมดนี้กำลังถูกรวบรวมไว้ในร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ของภาคประชาชน รวมไปถึงเรื่องการประเมินผลกระทบระดับยุทธศาสตร์นโยบาย หรือ SEA ซึ่งจะทำให้การตอบปัญหาทำได้กว้างขวางมากขึ้น เพราะอีไอเอเป็นการตอบคำถามระดับโครงการว่า โครงการนี้มีผลกระทบอย่างไร จะลดผลกระทบได้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเป็น SEA มันจะถามว่าทางเลือกที่ดีกว่ามีไหม คืออะไร และว่ากันระดับนโยบาย

ร่างกฎหมายสิ่งแวดล้อมของภาคประชาชนนี้กำลังอยู่ระหว่างการระดมสมองในการแก้ไขร่างสุดท้าย และเตรียมจะล่ารายชื่อ 10,000 รายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายดังกล่าว เพื่อไปพิจารณาแข่งกับร่างของกระทรวงทรัพฯ เอง ที่มีการปรับแก้กันในรัฐบาลชุดที่แล้ว หัวเรือใหญ่คือ อาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ ซึ่งได้รับการวิพากษ์มากพอสมควรว่า ยังปรับไม่ถูกจุด ไม่โดนใจ เพราะเน้นการตอบโจทย์หน่วยงานภาครัฐให้ทำงานสะดวกมากขึ้นมากกว่า

ในส่วนของ สผ.เองมีการประชุมระดมความเห็นกันหลายครั้งเพื่อจะปรับกฎหมาย ระบบอีไอเอให้รองรับกับรัฐธรรมนูญ 2550 ที่รับรองสิทธิชุมชน และสิ่งแวดล้อมไว้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ม.67 ที่ระบุให้มีการจัดตั้งองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม แว่วมาว่า สผ.กำลังพยายามจะปรับให้การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ หรือ เอชไอเอ ผนวกเข้าไปกับอีไอเอด้วย และจะปรับปรุงการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่กรมกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมก็กำลังจัดระดมความเห็นว่า ด้วยการจัดตั้งองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องยกร่างกฎหมายภายในหนึ่งปีตามรัฐธรรมนูญกำหนด

นี่จึงเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญว่าจะใช้อีไอเอ' ให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาได้อย่างไร

สิ่งที่เกิดขึ้นอาจทำให้โครงการเดินไปช้าในช่วงแรกที่ต้องใช้ความรอบคอบ และจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ให้เป็นที่ยอมรับ แต่ก็อาจจะเป็นการ "go slow to go fast" อย่างที่หลายคนว่า เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะได้ไม่ต้องเผชิญกับการต่อต้านแบบที่ไม่มีทางออก และทำให้สังคมไทยพ้นไปจากปลักโคลนของโจทย์เดิมๆ ว่าจะเอา สิ่งแวดล้อม-ชุมชน หรือ อุตสาหกรรม-การพัฒนา...

 

ความเห็นชาวบ้านผู้คลุกคลีกับ อีไอเอ'

สุทธิ อัฌชาสัย เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก

"การทำรายงานอีไอเอต้องรายงานให้ สผ.ทราบทุกปี แต่ว่ากระบวนการรายงานบริษัทก็ไปจ้างบริษัทเอกชนมาอีกที เค้าทำของเค้าเอง ซึ่งก็แน่นอนว่ามันจะไม่ผิดหรือเกินค่ามาตรฐานใดๆ ทั้งสิ้น งานอีไอเอเค้าทำถูกต้องตามขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น แต่ว่าในความเป็นจริงรายงานนั้นเค้าเป็นคนทำเอง ทำให้ความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบไม่มีจริง ในขณะเดียวกันการเอาจริงของหน่วยงานที่ให้อนุญาตก็ไม่มีจริงด้วยเช่นกัน"

"อีไอเอเป็นแค่ใบประทับตราว่าโรงงานไหนสะอาด เพราะไม่เคยมีโรงงงานไหนถูกสั่งเพิกถอนอีไอเอ พอได้ไปแล้วถึงจะปฏิบัติตามหรือไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีการเพิกถอด แล้วแนวทางการพัฒนาอีไอเอก็ยังมีรูปแบบเดิมๆ ที่เจ้าของกิจการเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการ แต่ถึงอย่างไรในความคิดผม อีไอเอยังมีความจำเป็น แต่ต้องปรับปรุงหรือสังคายนารูปแบบการทำอีไอเอให้มีความรอบครอบมากกว่าเดิม โดยขบวนการจัดทำควรให้นักวิชาการที่มีความเป็นกลางเชื่อถือได้ หรือให้มีองค์กรอิสระที่มีความเป็นธรรมเป็นผู้รับผิดชอบจัดทำอีไอเอ ไม่ควรให้บริษัทเจ้าของโครงการหรือรัฐเป็นผู้จัดทำอีไอเอเอง และต้องจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นที่ถ่องแท้และแท้จริง เพื่อจะนำไปสู่การถกเถียงแลกเปลี่ยน และนำไปสู่การตัดสินใจอย่างเข้าใจของพี่น้องชาวบ้านด้วย"

"การทำอีไอเอไม่ได้ขวางความเจริญ แต่จะทำให้การพัฒนาประเทศมีมาตรฐานมากขึ้น ถ้าเรายังหวังว่าเราอยากเห็นการพัฒนาที่ยั่งยืนเราก็ต้องตั้งมาตรฐานที่ดี ไม่เช่นนั้นพอเราผลิตสินค้าอะไรไปพอการจัดการไม่ได้มาตรฐาน ก็จะถูกกีดกันทางการค้า เกิดความเสียหายอยู่ดี เพราะฉะนั้นประเทศชาติต้องมีความเจริญท่ามกลางมาตรฐาน ทั้งนี้อีไอเอไม่ได้ขวางความเจริญ แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองคนคนนั้นว่ามองเรื่องสิ่งแวดล้อมแบบไหน ถ้าเราไม่เห็นคุณค่าเราก็มองว่าขวาง ถ้ามองว่ามีคุณค่าสำคัญกว่าการพัฒนาที่อยู่อย่างไม่ยังยืน ก็จะเห็นว่าการทำอีไอเอที่ก้าวหน้าและรอบคอบสำคัญกว่า"

 

สุพจน์ ส่งเสียง กลุ่มอนุรักษ์ฯ แม่รำพึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

"ในความรู้สึกชาวบ้าน อีไอเอจะต้องเป็นตัวสำคัญที่สุดในการที่จะกลั่นกรองในการที่จะมีโครงการนี่ตรงนี้หรือไม่ หรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมันคุ้มกับสิ่งที่ลงทุนไปหรือไม่ในระยะยาว แต่พอเรามาลงลึกเรื่องอีไอเอแล้วเนี่ย มันไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่เดิม กลับกลายว่าอีไอเอเหมือนเป็นการพยายามหาหนทางเพื่อให้บรรลุการทำโครงการได้ โดยวิธีการบิดเบือนต่างๆ คล้ายว่ามันลืมบทบาทหน้าที่ของอีไอเอไป เป็นการโกหกตัวเองเพื่อให้โครงการเกิด ผมว่าแนวความคิดที่เริ่มต้นของอีไอเอมันดี แต่ขบวนการ ขั้นตอนในการจัดทำอีไอเอมันยังไม่สมบูรณ์"

"พอประชาชนหรือชาวบ้านที่อยู่ในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบเกิดเท่าทันข้อมูล มันก็เลยต้องเข้าไปขัดขวาง และกลายเป็นปัญหาขัดขวางการพัฒนาประเทศไป ซึ่งมันโทษไม่ได้ เมื่อในตอนแรกคุณสร้างปัญหาให้อีไอเอมันมีขั้นตอนมากมาย ทำให้ชาวบ้านรู้สึกมึนงงว่าอีไอเอคืออะไร มีเพื่ออะไร และก่อนหน้านี้อาจจะมองว่าไม่มีปัญหาเรื่องอีไอเอเลย แต่พอยุคหนึ่งเมื่อชาวบ้านเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีการศึกษาเท่าทันข้อมูล รัฐก็บอกว่า อีไอเอเป็นตัวปัญหา แต่จริงๆ อีไอเอไม่ใช่ตัวปัญหา อีไอเอ ดีแล้ว แต่ทุนกับรัฐคือตัวปัญหา ปัญหาใหญ่มันอยู่ที่คนไม่ใช่ที่ระบบ"

"ขบวนการมีส่วนร่วมในอีไอเอในระดับชาวบ้านเรียกได้ว่าบอดสนิท คือเราไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบหรือมีส่วนร่วมในการทำอีไอเอได้ เริ่มต้นตั้งแต่การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบของบริษัทที่ชาวบ้านไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม บริษัทเข้ามาเหมือนแอบทำ คณะกรรมการที่เข้ามาทำอีไอเอแต่ต้นเราไม่ได้รับรู้ เมื่อมาเป็นรูปเล่มของอีไอเอแล้ว ทาง สผ. ก็บอกว่าไม่สามารถให้ดูได้เพราะรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติ ถือเป็นทรัพย์สินของบริษัทไม่สามารถให้รู้รายละเอียดได้ ซึ่งเราจะรู้ได้ก็เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้ว เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้วเราจะไปรู้ทำไม่ หากเราตรวจสอบภายหลังแล้วว่ามันไม่ตรง หรือเราจับเท็จได้ แต่ในฐานะประชาชนเราก็ยกเลิกไม่ได้"

"อีไอเอที่ผ่านมาไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ รัฐและทุนก็แฮปปี้มาตลอด แต่มามีปัญหาชัดเจนก็กรณีโรงถลุงเหล็กที่บางสะพาน ซึ่งในส่วนตรงนี้ชาวบ้านเองพยายามจะบอกว่าพื้นที่ตรงนี้มันไม่เหมาะสม ไม่ใช่จะไปหาเรื่องในอีไอเอ และความไม่เหมาะสมตรงนี้ก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ชาวบ้านสร้างขึ้นเอง ทั้งที่เป็นแหล่งวางไข่ปลาทู หรือแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่มีการปิดอ่าวมาตั้งแต่ปี 2500 และไม่ใช่ว่าเรามานั่งกินอย่างเดียว หรือให้ไม่กินก็ได้ แต่มันคืออาหารของประเทศและอาชีพของชาวประมง"

"ถ้าจะพูดว่าการให้แก้อีไอเอมันคือชัยชนะก็เป็นเพียงในระดับหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่น่าวิตกมากกว่า คือถ้าเรารู้ไม่เท่าทันแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าภาครัฐ และเอกชนที่เป็นนายทุนเองล้วนแล้วแต่พยายามจะทำในสิ่งที่มองประชาชนเป็นคนโง่ ยกตัวอย่างอีไอเอของโรงถลุงเหล็กล่าสุด ที่พอเรื่องราวมันดังขึ้นมาแล้ว และชาวบ้านร้องเรียนมาตลอด จากการศึกษาพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมปี 35 โครงการเหล่านี้ต้องรอให้มีรายงาน อีไอเอ ผ่านความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ในพื้นที่ แต่เรื่องนี้เราร้องเรียนกับ สผ.มาเป็นปี แต่เมื่อมีการดำเนินการขุดถมดินของบริษัทในพื้นที่ก่อสร้างโรงถลุงเหล็กเค้าก็ไม่ได้สั่งการให้ยุติ โครงการจึงเดินหน้าต่อ เกิดเป็นฉนวนเหตุให้มีความรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตขึ้น"

 

 

 

*ขอขอบคุณข้อมูลการให้สัมภาษณ์จาก บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผู้อำนวยการโครงการยุทธศาสตร์นโยบายฐานทรัพยากร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ ศุภกิจ นันทะวรการ จากมูลนิธินโยบายสุขภาวะ

 

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
ระหว่างรอผลว่า ท้ายที่สุดอดีตนายกรัฐมนตรีไทยและภรรยาจะได้อยู่ในประเทศอังกฤษในฐานะผู้ลี้ภัย หรือจะกลายเป็นผู้ร้ายข้ามแดนที่ต้องประสานให้ส่งมอบตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ลองดูซิว่าทำเนียบรุ่นผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศอังกฤษอ้าแขนรับที่ผ่านมา มีใครบ้าง.... 
หัวไม้ story
วันที่ 8 สิงหาคม ปี 1988 เป็นวันแห่งการปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า และการปราบปรามนั้นได้ดำเนินไปหลายวันในย่างกุ้ง หัวไม้สัปดาห์นี้ ขอเป็นส่วนหนึ่งของการรำลึกในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของการต่อสู้ของเพื่อนมิตรชาวพม่าในครั้งนั้น ด้วยบทเพลงพม่าที่เขียนขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น คือเพลง วันที่ 8 เดือน 8 ปี 88 และ เพลงไม่มีวันลืม (Kabar Ma Kyay Bu Heyt!) ทั้งสองเพลงออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า (Democratic Voice of Burma - DVB) ทุกรอบปี เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ปราบปรามที่เกิดขึ้นเราหวังว่าสักวันหนึ่งเสรีภาพและประชาธิปไตยจะปรากฏขึ้นในขอบฟ้าฟากตะวันตก เพลง วันที่ 8…
หัวไม้ story
< พิณผกา งามสม > ถ้าผู้หญิงคืออีกซีกหนึ่งของฟากฟ้า อย่างที่จอน เลนนอน ไอดอลแห่งยุคบุปผาชนเคยกล่าวไว้  ภาพข่าว ดร. วันอาซีซาร์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาแห่งสหพันธ์รัฐมาเลเซีย เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้กับสามีได้ลงเลือกตั้งชิงเก้าอี้ในรัฐสภาที่ว่างลงในฐานะอีกครึ่งชีวิตทางการเมืองของนายอันวาร์ อิบราฮิม ก็คงเป็นตัวอย่างจริงของความเป็นอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า แต่จะเป็นท้องฟ้าของวันใหม่ดังที่นายอันวาร์ย้ำมาตลอดหรือไม่ เป็นเรื่องของการเมืองที่ยากจะคาดการณ์ ดร. วันอาซีซาร์ ได้ชื่อว่าเป็นทัพหลังที่แข็งแกร่งของนายอันวาร์ จากอาชีพจักษุแพทย์…
หัวไม้ story
ทีมข่าวการเมือง ประชาไท บันทึกปฏิกิริยาฝ่าย ‘ขวาใหม่' ภายใต้ฉายา ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' หลังจากการปราศรัยที่สนามหลวงของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ‘ดา ตอร์ปิโด' เมื่อวันที่ 18 กรกฎคมที่ผ่านมาโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้หยิบประเด็นการปราศรัยของ ‘ดา ตอร์ปิโด' มาวิพากษ์วิจารณ์เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายคืนนับตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เป็นต้นมา กระทั่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บ.ชน.) ขอให้ศาลอาญากรุงเทพฯ อนุมัติหมายจับเลขที่ 2209/51 ให้จับกุม น.ส.ดารณีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ทำให้ น.ส.ดารณี…
หัวไม้ story
นับแต่รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งเข้าสู่ตำแหน่ง การฟ้องร้องอันเนื่องมาจากการเมือง และการฟ้องร้องอันมีผลทางการเมืองก็ดาหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไทย และองค์กรอิสระ เสมือนเป็นโหมโรงสำหรับ ‘ตุลาการภิวัตน์’ ก็ไม่ปาน เพื่อเป็นหมุดหยุดพักสำหรับความสับสนในคดีที่เยอะแยะ อีรุงตุงนังกันอยู่ขณะนี้  "ประชาไท" รวบรวมคดีที่มีการฟ้องร้องกัน ภายใต้เงื่อนเวลาเริ่มต้นคือรัฐบาลชุดนี้ ให้ดูกันว่ายุคนี้ ศาลนั้น "งานเข้า" ขนาดไหน  
หัวไม้ story
จังหวัดระยองเป็นจังหวัดแรกๆ ที่รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบ โดยนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2524 จากขนาด 4,100 ไร่ ขยายจนเป็น 15,745 ไร่ นิคมฯ มาบตาพุดยังประกอบด้วย 4 นิคม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมเหมราช นิคมอุตสาหกรรมผาแดง และนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมหนักทั้งสิ้น 134 โรง (รวมโรงไฟฟ้า 8 โรง (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2550)) แยกเป็น 1.กลุ่มปิโตรเคมี  2.กลุ่มเคมีภัณฑ์และปุ๋ย 3.กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน 4.กลุ่มสาธารณูปโภค เช่น โรงไฟฟ้า 5.กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก 6.กลุ่มเขตธุรกิจอุตสาหกรรม เช่น โรงกำจัดกากของเสีย 7.กลุ่มเขตท่าเรือ…
หัวไม้ story
หลังจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) 2007 ได้รับอนุมัติไปเมื่อราวเดือนมิถุนายน 2550  ก็เป็นอันชัดเจนว่า นับจากนี้ไป 15 ปี ประเทศไทยมีแผนการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซ 20 กว่าโรง โรงไฟฟ้าถ่านหิน 4 โรง (2,800 เมกกะวัตต์) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4 โรง (4,000 เมกกะวัตต์) มีทั้งที่ กฟผ.สร้างเองและการเปิดให้บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ผลิตไฟฟ้า (IPP)ยังไม่นับรวมการรับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านอีกเป็นจำนวนมากด้วย  แผนดังกล่าวถูกร่างขึ้นโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นตัวหลัก ขณะที่มีเสียงเรียกร้องให้มีองค์กรอิสระขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะเพื่อจะได้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน…
หัวไม้ story
ในสังคมการเมืองไทยสมัยใหม่ของไทย ผ่านความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบบ โครงสร้าง การเข้าถึงอำนาจ หลายครั้ง หลายรูปแบบ ที่มีสำเร็จและล้มเหลวคละเคล้ากันไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างฉับพลัน โดยวิธีนอกระบบกฎเกณฑ์ทางการเมืองที่สังคมในช่วงเวลานั้นๆ ไม่ยอมรับ เกี่ยวพันโดยตรงกับผลลัพธ์ของปฏิบัติการ ถ้าสำเร็จ คณะผู้ก่อการก็สามารถบัญญัติคำหรือภาษาสวยงามลงไปอ้างอิงการกระทำของกลุ่มตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็น คณะปฏิวัติ  คณะปฏิรูป  เป็นต้น แต่หากล้มเหลวมีเพียงโทษสถานเดียวคือการเป็นศัตรูของสังคมในฐานะ “กบฏ” หัวไม้สัปดาห์นี้จะพาย้อนไปดูการปฎิบัติการเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ…
หัวไม้ story
  < พิณผกา งามสม > เมื่อชาวนาอยากจะพูดให้คุณเข้าใจปี 2545 ชาวบ้านปากมูลเลือกที่จะเดินทางทั่วอิสานเพื่อสื่อสารทางตรงไปยังบรรดาเพื่อนระดับชาวบ้านเพื่อให้เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงต้องต้านเขื่อนเพราะพวกเขาไม่ได้พื้นที่ในสื่อกระแสหลักที่มักนำเสนอข่าวแบบจุดพลุ แล้วก็เลือนหายไป นั่นจึงทำให้พวกเขาออกเดิน เดินเพื่อสื่อสารทางตรง ไม่ต้องผ่านสื่ออีกต่อไป แน่นอนว่าชาวบ้านปากมูลต้องเดินทางวันละกว่า 10 กิโลเมตร ค่อยๆ เดินไปเพื่อแสดงนิทรรศการ และพูด แบบปากต่อปาก พวกเขาไม่ได้เดินมาที่ทำเนียบรัฐบาลหลังจากได้บทเรียนยาวนานจาก 99 วันหน้าทำเนียบ ชาวบ้านบางคนบอกว่า…
หัวไม้ story
สัมมนาทางวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 59 ปีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ห้อง ร.103 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์13 มิถุนายน 2551 “...ในวาระนี้นอกจากจะรู้สึกถึงวันเกิดของคณะ(รัฐศาสตร์) แล้ว ก็อยากจะอวยพรท่านนายกฯ ในสังคมมุสลิมนั้นมีวิธีขอพรให้ผู้นำ และเขาบอกว่าวิธีขอพรให้ผู้นำนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องขอพรให้ต้อง ขอให้พระเป็นเจ้าเอื้ออำนวยให้ผู้ปกครองมีสติ สามารถดำเนินการปกครองของตัวโดยคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ประโยชน์ของคนทั้งหลายทั้งปวง มีปัญญาเลือกทางเลือกที่ถูกต้อง ผมว่าอันนี้เป็นพรที่เราอยากจะให้กับท่านนายกรัฐมนตรีในวันเกิดของท่าน เสียดายที่นักข่าวโทรทัศน์ไปหมดแล้ว...”…
หัวไม้ story
ภาวะความขัดแย้งทางการเมืองไทยขณะนี้ ได้ก่อให้เกิดความกังวล 2 ประการคือ รัฐจะใช้ความรุนแรงกับผู้เคลื่อนไหวในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอีกประการคือ การรัฐประหารซึ่งสื่อกระแสหลักยังคงต้องเกาะติด ‘น้ำเสียง' และ ‘ท่าที' ของนายทหารระดับสูงอย่างต่อเนื่องเมื่อย้อนดูสถิติการรัฐประหารของไทยจะพบว่า ความถี่ในการรัฐประหารของไทยคือ ประมาณ 7 ปีต่อการรัฐประหาร 1 ครั้ง การรัฐประหารที่เว้นช่วงสั้นที่สุดคือการรัฐประหารครั้งที่ 7 วันที่ 6 ตุลาคม 2519 - 20 ตุลาคม 2520 ( 1 ปีกับอีก 15 วัน)ช่วงที่เว้นระยะนานที่สุดคือ 23 ก.พ. 2534 - 19 กันยายน 2549 เว้นช่วงนาน 15 ปี 6 เดือน กับอีก 28 วัน…
หัวไม้ story
หลังจากทำงานขับรถบรรทุกส่งแก๊สกับบริษัทไทยอินดัสเตรียลแก๊ส จำกัด (มหาชน) (ทีไอจี) มาได้ร่วมปี “สุรชัย” ถูกเรียกเข้าสำนักงานใหญ่ หวังใจว่าจะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ หลังจากถูกต่ออายุทดลองงานมาเกือบปี แต่เมื่อไปถึงสำนักงานใหญ่ เขากลับได้รับการแนะนำให้รู้จักกับบริษัทอเดคโก้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัททีไอจีอ้างว่า เป็นบริษัทจัดหางานระดับโลก ที่มีพนักงานกว่าเจ็ดหมื่นคนทั่วโลก ทีละคน ทีละคน... เขาและเพื่อนๆ ทยอยเซ็นสัญญาที่เจ้าหน้าที่ของบริษัทบอกว่าจะกรอกรายละเอียดให้ เขาบอกว่า ปัญหาใหญ่ คือทุกคนไม่ได้มีความรู้เรื่องกฎหมายแรงงานหรือสัญญาเลย ทั้งยังไม่มีเวลาอ่าน…