Skip to main content

เด็กสาวทำงานแต่งกายในชุดส่าหรีสีสดเทินกิ่งไม้ไว้บนศีรษะกำลังเดินกลับบ้าน ลูกลิงแสนซนที่ปีนป่ายลูกกรง หญิงชราผู้ค่อยๆ ต่อยก้อนหินให้แตกออกจนเป็นกรวดด้วยมือเปล่า รถสามล้อเก่าผุพังในสีขาวดำ สวามีผู้เร้นกายขึ้นไปปลีกวิเวกอยู่ในถ้ำเล็กๆ เหนือบันไดเจ็ดร้อยขั้น หนุ่มช้ำรักผู้ทำท่าเบื่อโลกนั่งอยู่หน้าโรงหนัง...

20080513 1

20080513 2

เรื่องราวทั้งหมดนี้หากไม่ได้เกิดขึ้นที่อินเดียแล้ว จะมีที่ใดที่เรื่องราวอันแตกต่างกันสุดขั้ว ระหว่างรวยถึงจน ระหว่างความงามไปจนถึงความหดหู่อาดูร ระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ไปถึงความแตกร้าวแห่งศรัทธา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้น มีอยู่ ให้พบเห็นได้ในทุกแห่งหนของอินเดีย...ถ้าหากว่าใครมีโอกาสได้ไปดูด้วยตาตนเอง

แต่ถ้ารู้สึกว่าแดดที่บ้านเราในยามนี้มันร้อนเกินไปแล้วอยากเร้นกายหลบแดดแต่ก็ยังสามารถเพ่งมองเห็นความเป็นไปในชีวิต หรืออาจจะเรียกได้ว่า “สีสันแห่งความเป็นไป” ของชีวิต โดยเฉพาะชีวิตที่เหมือนมีสีสันและความมหัศจรรย์อยู่ทุกอณูอย่างอินเดีย ก็อาจจะแวะไปชมงานแสดงนิทรรศการภาพถ่าย สีสันของอินเดีย - Colors of India

20080513 3

เชอร์รี่ ผุงประเสริฐและ ลุคแคสซาดี้-ดอเรียน เป็นผู้นำเรื่องราวและโอกาสนี้มาจัดแสดงหลังจากที่มีโอกาสเดินทางไปอินเดียเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมและทักษะการสอนโยคะ ซึ่งทั้งคู่เป็นครูโยคะในประเทศไทยอยู่แล้ว ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนทั้งสองได้เก็บเกี่ยวความทรงจําในอารมณ์ต่างๆของดินแดนแห่งนี้ผ่านเลนส์ของกล้องโลโม่ Holga และ Horizon ซึ่งมีคุณสมบัติในการถ่ายภาพที่ ‘ไม่คมชัด’ แต่ทว่าเก็บอารมณ์และสีสันภาพได้ดี ที่สำคัญซึ่งทั้งสองชอบที่จะถ่ายภาพด้วยกล้องโลโม่ก็คือมันเป็นกล้องฟิล์ม เมื่อเห็นสิ่งใดสะดุดใจก็ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ แม้จะไม่สามารถดูหรือเห็นภาพที่ถ่ายได้โดยทันทีเหมือนกล้องระบบดิจิทัล แต่ก็รองรับอารมณ์ ณ ตอนนั้นหรือที่เรียกว่าโมเมนต์ (moment) ในการถ่ายภาพได้ดี

20080513 4

เชอร์รี่บอกว่า “มันเหมือนกับชีวิตของคนเรา ที่โมเมนต์ใดโมเมนต์หนึ่งผ่านเข้ามาตลอดเวลา แต่เราก็ไม่สามารถจับมันหรือหยุดมันเอาไว้ได้ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วผ่านเลยไป”

ทั้งเชอร์รี่และลุคเดินทางไปที่เมืองมัยซอร์ (Mysore) เพื่อฝึกโยคะแบบ Ashtanga กับอาศรมโยคะเก่าแก่มีชื่อเสียงที่นั่น แม้ลุคจะเรียนภาษาสันสกฤตไปด้วยก็ตาม แต่เมื่อฝึกโยคะเสร็จในแต่ละวันจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ กิจกรรมการออกไปเดินเล่นเพื่อถ่ายภาพชีวิตผู้คนและสิ่งที่พบเห็นรอบๆ เมืองมัยซอร์จึงเป็นกิจกรรมในยามว่างและสร้างแรงบันดาลใจในระหว่างอยู่ในอินเดียได้ดี

วันหนึ่งขณะนั่งอยู่ในร้านเบเกอรี่ ลุคและเชอร์รี่กำลังถูกรุมล้อมด้วยเด็กๆ เกือบจะทุกวัยตั้งแต่เล็กสุดไปจนถึงเด็กโตเพื่อขอเงินและขอให้ซื้อขนมให้ เหตุการณ์นั้นทำให้ทั้งคู่นั่งลงคุยกันอย่างจริงจังว่าน่าจะนำภาพที่ถ่ายเอาไว้กลับมาสร้างคุณค่าเพื่อหยิบยื่นน้ำใจคืนให้กับผู้คนที่อินเดียอีกครั้ง
หลังจากกลับมาประเทศไทยแล้ว ทั้งคุณเชอร์รี่และคุณลุคเห็นพ้องกันว่าน่าจะนําความทรงจําดีๆ ในภาพถ่ายจำนวนมากมาทําประโยชน์ให้แก่สังคมตามที่เคยคิดกันไว้ โดยได้ร่วมกับความช่วยเหลือจากห้างเพนินซูล่า พลาซ่า (ซึ่งไม่ได้คิดค่าเช่าสถานที่) จัดงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายขึ้น โดยใช้เวลารวบรวม คัดเลือก อัดขยายชิ้นงานการถ่ายภาพของแต่ละคน จากการเตรียมงานอยู่นับปีก่อนจะนำออกแสดงเพื่อจัดจําหน่ายโดยรายได้ทั้งหมดจากการจัดจําหน่ายหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ทางเชอร์รี่และลุคเซ็นเตอร์จะนําไปมอบให้กับองค์กรการกุศลสองแห่งคือ Camillian Social Center ซึ่งทำงานช่วยเหลือเด็กที่ติดเชื้อเอดส์ในประเทศไทยและ Seva Foundation ซึ่งช่วยผู้พิการตาบอดในประเทศอินเดีย

งานนิทรรศการดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 20 พฤษภาคม 2551 ณ บริเวณ ลานโถงกลางเพนินซูล่า พลาซ่า การแสดงและจําหน่ายชิ้นงานภาพถ่ายจะเริ่มตั้งแต่วันเปิดงานจนถึงวันที่ 20 ทั้งนี้จะมีภาพถ่ายหลายขนาดและหลายรูปแบบออกแสดงและจําหน่ายในราคาตั้งแต่ชิ้นละ 6,000 บาท - 20,000 บาท ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้สนใจจะสามารถเป็นเจ้าของภาพถ่ายสีสันของอินเดียจากมุมมองของตากล้องทั้งสองและยังเป็นการได้ช่วยทำกุศลอีกด้วย

เมื่อไปดูจะได้รู้ว่า อินเดียแม้จะเป็นเพียงสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นอนุทวีปแต่ก็มีเรื่องราว มีพลังของตนเอง จนอาจกล่าวได้ว่าเปรียบเหมือนโลกหรือจักรวาลอันมีเอกลักษณ์อีกแห่งหนึ่งที่ไม่เหมือนที่อื่นใด เรื่องราวของอินเดียถูกส่งผ่านสีสันอันสดและร้อนแรง นัยว่าเพื่อขับเน้นให้ชีวิตไม่ว่าจะทุกข์ยากลำเค็ญหรือหมองหม่นเช่นไรให้เปล่งประกายของมันออกมาจนสุดชีวิต...ที่ควรจะเป็นหรือที่เป็นไป

20080513 5

20080513 6

20080513 7

20080513 8
ภาพนี้ชื่อว่า Not Sure Where Things Are Going

20080513 9
เชอร์รี่กับผลงานถ่ายภาพโลโม่ของเธอเอง ซึ่งบอกว่าเป็นภาพที่ชื่นชอบ

20080513 10
บริษัทซักผ้า – ลุคผู้เก็บภาพนี้บอกกับเรา

ติดตามข่าวสารนิทรรศการภาพถ่ายของทั้งคู่ได้ทางwww.luke.org/colors

บล็อกของ อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง

อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
หากเลือกได้เราอยากจะให้ในพื้นที่ของชีวิตเติมเต็มด้วยสิ่งใด? เสื้อผ้าอาภรณ์สวยๆ งามๆ เงินทอง ความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุหรือการอิ่มเต็มในจิตใจ... มีเพียงคำถามแต่ไม่มีปลายทางของคำตอบ เพราะว่าการแสวงหาความหมายในชีวิต ว่าในชีวิตหนึ่งหนึ่งคนเราเกิดมาเพื่อค้นหาหรือเสาะแสวงหาสิ่งใดมาเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเอง ล้วนเป็นปรัชญาและเป้าหมายสูงสุดประการหนึ่งในการเกิดมามีชีวิตของคนเราทุกคน
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผู้หญิง งูและลวดลายแห่งพรรณพฤกษา จะก่อเกิดเป็นเรื่องราวใดบ้างนอกเหนือจากความฝันรัญจวนถึงสิ่งที่ลี้ลับน่าหลงใหลดั่งคำบอกเล่าถึงนางไม้ที่อาจจะมีตัวตนจริงๆ หรือเป็นเพียงเงาร่ายลายลวงท่ามกลางพงตึกและป่าคอนกรีตอันร้อนระอุแห่งเมืองกรุง บ่ายวันหนึ่งเราจงใจเดินทางไปกลางซอยทองหล่อ ย่านที่มีร้านอาหารมีระดับ ร้านค้าหรูหรา และย่านการค้าในบรรยากาศที่ไม่คล้ายเดินอยู่ในเมืองไทยเท่าใดนัก เพื่อไปชมนิทรรศการภาพเขียนของนวลตอง ประสานทอง ในชื่องานสั้นๆ ว่า ‘NYMPH’
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
วันหนึ่งปลายฤดูหนาวของลอนดอน ณ Natural History Museum ย่าน South Kensington เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมมีโอกาสได้ไปเดินชมนิทรรศการภาพถ่ายทางอากาศนิทรรศการหนึ่ง จำความรู้สึกของตัวเองขณะนั่งรถไฟใต้ดินไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ว่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่กำลังจะได้ชมภาพถ่ายเหล่านี้ที่กำลังแสดงอยู่อย่างใกล้ชิด “Earth From Above” By Yann Arthus-Bertrand…สาเหตุก็คือเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้นไปอีก ผมได้เห็นหนังสือชื่อเดียวกันนี้เป็นหนังสือปกแข็งขนาดเขื่องวางขายอยู่ในร้านหนังสือต่างประเทศในกรุงเทพฯ…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
นาฏกรรมชีวิตและเรื่องราวแห่งการกินของผู้คนที่ ‘นครปฐม’ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ติดๆ กัน ผมจะมีโอกาสแวะเที่ยวชมและเที่ยวชิมขนม ข้าวปลาอาหารและเมียงมองชีวิตของผู้คนในเมืองส้มโอหวาน ข้าวสารขาวถึงสองครั้งสองครา ซึ่งแต่ละครั้งคราเป็นต้องอดสงสัยไม่ได้ว่าในเมืองแห่งนี้ทำไมจึงมีการขายอาหารกันเป็นล่ำเป็นสัน ที่สำคัญยังมีรสชาติดีถูกปากถูกใจคนบ้านใกล้บ้านไกล ชนิดที่ว่าไม่ต้องรู้จักชื่อเสียงหรือมีป้ายโฆษณาชวนเชื่อ แค่ลองแวะชิมอาหารรถเข็นหรือตามสองข้างทางสักร้านในเมืองนครปฐมเป็นต้องอร่อยติดใจเกือบจะทุกรายไปหลายครั้งก่อนที่ได้แวะไปชิมข้าวหมูแดงกลางเมืองนครปฐม (…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
‘ทุ่งแสงตะวัน’ เป็นรายการโทรทัศน์เพื่อเด็กและเยาวชนที่รู้จักกันดีทั้งในแง่ฝีไม้ลายมือผู้ผลิตและความคิดสร้างสรรค์ ออกเดินโลดแล่นผ่านสายตาผู้ชมทีวีมาเมื่อสิบหกปีที่แล้วและยังคงเดินหน้าทำรายการทีวีที่น่ารักและมีแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมต่อไป แม้ไม่ได้อยู่หน้ากล้องในฐานะพิธีกรเดินเรื่อง แต่ สุริยนต์ จองลีพันธ์ หนึ่งในผู้บริหารบริษัท ป่าใหญ่ ครีเอชั่นฯ กลับมีความสำคัญในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังรายการเล็กๆ ที่งดงามนี้ด้วยการเป็นครีเอทีฟและผู้ดูแลการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
เด็กสาวทำงานแต่งกายในชุดส่าหรีสีสดเทินกิ่งไม้ไว้บนศีรษะกำลังเดินกลับบ้าน ลูกลิงแสนซนที่ปีนป่ายลูกกรง หญิงชราผู้ค่อยๆ ต่อยก้อนหินให้แตกออกจนเป็นกรวดด้วยมือเปล่า รถสามล้อเก่าผุพังในสีขาวดำ สวามีผู้เร้นกายขึ้นไปปลีกวิเวกอยู่ในถ้ำเล็กๆ เหนือบันไดเจ็ดร้อยขั้น หนุ่มช้ำรักผู้ทำท่าเบื่อโลกนั่งอยู่หน้าโรงหนัง...
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
...โอ๊ตเกิดที่ฉะเชิงเทรา จังหวัดหนึ่งในไทย ได้บวชเป็นพระสามอาทิตย์ในปี 2548 ที่วัดสามกอ นอกจากมีงานประจำแล้ว โอ๊ตยังทำงาน อาสาหน่วยแพทย์กู้ชีวิตวชิระพยาบาลในกรุงเทพฯ และย่านแหล่งท่องเที่ยว เป็นอาสาสายตรวจตำรวจจักรยานที่อยุธยาเพื่อดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวด้วย ที่ ‘สปินน์ คาเฟ่’ มีค็อกเทลให้เลือกมากมาย นอกจากเขาทำค็อกเทล พิงค์เลดี้ หรือพุซซีแค็ทแล้ว เขายังสามารถบอกแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับจักรยานได้อีกด้วย สามารถสอนคุณนานกว่าชั่วโมงก็ยังได้ และตอนนี้เขากำลังเรียนภาษาจีนอยู่ แต่เขาพูดตลก เก่งมาก…     ข้างความข้างต้นปรากฏอยู่ในหน้า About Us ของเว็บไซต์ www.spinn.cn…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
หน้าร้อนกับการไปทะเลเป็นของคู่กัน เปรียบแล้วก็เหมือนข้าวเหนียวมูลกับมะม่วงสุกรสอร่อยที่กำลังนิยมในช่วงยามนี้ แต่การนั่งอยู่กับบ้านวันดีคืนดีก็ยังอาจจะมีผู้หวังดีหิ้วเอาข้าวเหนียมมะม่วงมาฝากเราได้ ไม่เหมือนกับการออกไปค้นหาหรือเดินทางไปหา “ทะเลดีๆ” ที่จะช่วยคลายร้อนทั้งกายและใจ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะต้องพาตัวเองฝ่าความร้อนของสภาพอากาศออกไปจนกว่าจะถึงจุดหมาย 
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
‘ตั้ม’ อาจจะเป็นชื่อเล่นของใครก็ได้ แต่คงมีคนเดียวเท่านั้นที่ชื่อจริงว่า ‘วิศุทธิ์ พรนิมิตร’ตั้มเป็นนักเขียน เจ้าของผลงานหนังสือหลายเล่ม เช่น hesheit, ควันใต้หมวก หรือประสบการณ์ส่วนตัวตอนที่ไปอยู่ญี่ปุ่นในชื่อ “ตั้มกับญี่ปุ่น” ฯลฯ แต่คุณอาจจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นนักเขียนเพราะพลิกดูผลงานของเขาแล้วล้วนแต่เป็นการ์ตูนตั้มเป็นนักเขียน...เขียนการ์ตูน ใครบางคนอาจจะสรุปอย่างนั้น..........................................
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
สำรวจลงไปในกระเป๋าหรือย่ามของความฝัน พบสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ก้นย่ามคือการทำร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีมุมหนังสือวางเอาไว้ให้คนจิบกาแฟละเมียดตัวอักษร
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมไม่แน่ใจว่าจะวางคำว่า ‘ของ’ เอาไว้ตรงไหนดี ระหว่างคำว่าช้างกับวิวช้าง‘ของ’วิว หรือว่า วิว‘ของ’ช้าง กันแน่...แม้ไม่แน่ใจแต่ผมรู้ดีว่าวิวชอบช้าง (ที่ไม่แน่ใจคือช้างจะชอบวิวด้วยหรือไม่) และเขียนรูปช้างมานานแล้วช้างที่เกิดจากปลายพู่กันและปลายนิ้วของวิวที่ถูกเกลี่ยกลบถมทับวาดเส้นและลากสีจนเกิดเป็นภาพและเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับช้างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเคยนับช้างของวิวคงเป็นช้างแห่งสีสันโขลงใหญ่นับไม่ถ้วนเลยทีเดียววิวเขียนรูปช้างแค่ให้รู้หรือดูออกว่าเป็นช้าง แม้จะมีงวง มีหาง มีตา แต่รูปร่างก็อ้วนป้อม ซ้ำสีสันตัวช้างก็แตกต่างออกไปจากช้างที่เหมือนจริง ช้างของวิวจึงไม่เหมือนและไม่ใช่ช้างจริงๆ…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ฉากแรก เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย มีแววตาเป็นประกาย ด้วยอิริยาบถที่สบายๆ และการพูดคุยที่ดูเป็นธรรมชาติ เราได้เห็นว่าเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มอะไรสักอย่างที่มีสีเขียวเข้ม โดยมีชายอีกคนหนึ่งคอยจดจ้องดูสิ่งที่เธอทำ พร้อมกับถามว่าเธอใส่อะไรลงไปในเครื่องปั่นเพื่อทำเครื่องดื่มชนิดนี้บ้าง... “ฉันก็เอาผักที่มีในตู้เย็นทุกอย่างใส่เข้าไป...คะน้า แตงกวา...ผักทุกอย่างที่มีสีเขียว แล้วก็ดื่มมัน” เธอว่า เสร็จแล้วเธอก็บรรจงเทเครื่องดื่มที่ทำอยู่ลงในแก้วที่มีก้านทรงสวย แล้วยื่นให้กับชายคนนั้น ตอนนี้เครื่องดื่มที่เธอทำแลดูเป็นเครื่องดื่มสำหรับวาระพิเศษ มิใช่น้ำผักปั่นที่เธอทำดื่มเองอยู่เป็นประจำ “…