Skip to main content

Kasian Tejapira(16/02/56)

ความขัดแย้งชายแดนภาคใต้ กองทัพแก้ไม่ได้ เพราะโดยเนื้อแท้มันไม่ใช่ปัญหาการทหาร แต่เป็นปัญหาการเมือง ในที่สุดการแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนภาคใต้นี้ต้องทำโดยรัฐบาล

ทว่าถึงแม้กองทัพจะแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนภาคใต้เองโดยลำพังไม่ได้ แต่กองทัพก็มีอำนาจ/อิทธิพลในทางเป็นจริงที่จะวีโต้ทางแก้ทางการเมืองซึ่งรัฐบาลเสนอ หากกองทัพยอมรับทางแก้นั้นไม่ได้ ในที่สุดแล้วการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้สำหรับรัฐบาลจึงมีลักษณะเป็นการแสวงหาหรือสร้างฉันทมติขึ้น (consensus-finding or -making) ในระหว่างกลุ่มฝ่ายและสถาบันอำนาจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสำคัญกับเรื่องนี้

ในทำนองเดียวกัน งานหาทางแก้ปัญหาหรือทางออกให้กับความขัดแย้งทางการเมืองใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ ในรัฐบาลชุดนี้ก็มีลักษณะแบบเดียวกัน คือรัฐบาลจำกัดการริเริ่มของตนอยู่ในกรอบการแสวงหา/สร้างฉันทมติกับกลุ่มฝ่ายและสถาบันอำนาจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เสียกับเรื่องนั้น ๆ เพื่อลดความเสี่ยง และจนกว่าบรรลุได้ซึ่งฉันทมติของกลุ่มฝ่ายต่าง ๆ เหล่านั้นรวมทั้งสาธารณชนอย่างท่วมท้นล้นหลามในปัญหาหนึ่ง ๆ รัฐบาลจึงจะเริ่มขยับตัว...นิดหนึ่ง

ในสถานการณ์ขัดแย้งช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ (power shift) ที่ดุลกำลังฝ่ายต่าง ๆ ก้ำกึ่งตรึงถ่วงกัน การเดินงานการเมืองอย่างรอจังหวะเวลาและยึดหยั่งตามฉันทมติอันท่วมท้นล้นหลามของสังคมเป็นที่ตั้ง, เกราะปกป้องและฐานรองรับแต่ละจังหวะก้าวที่ย่างไป ก็นับว่าสุขุมรัดกุมรอบคอบดี แต่ปัญหาอยู่ตรงฉันทมติที่แสวงหานั้นครอบคลุมกว้างไกลถึงไหน? หากเอาฉันทมติดังกล่าวไปขึ้นอยู่กับกรอบเกณฑ์ที่กำหนดโดยฝ่ายอนุรักษนิยมหรือปฏิกิริยาสุดโต่งเป็นที่ตั้งแล้ว ก็คงยากที่จะขยับเคลื่อนอะไรได้หรือสุดท้ายก็ไม่ต้องขยับเคลื่อนอะไร ในนามหรือข้ออ้างว่า "ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งในสังคม" ลองคิดดูเถิดว่า....

หากรัฐบาลจะนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองตามที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและสุเทพ เทือกสุบรรณวางเกณฑ์กำหนด

หากรัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ท่านประธานศาลรัฐธรรมนูญ คุณวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ชี้นำกำกับ

หากรัฐบาลจะปฏิรูปกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ตามที่หมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ตีกรอบจำกัด

หากรัฐบาลจะแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกับกัมพูชาตามที่กลุ่มพลังชาตินิยมสุดโต่งยืนกรานกดดัน

และหากรัฐบาลจะปฏิรูปการเมืองเชิงรุกในชายแดนภาคใต้ตามที่ปีกเหยี่ยวของฝ่ายความมั่นคงซึ่งยึดมั่นรัฐเดี่ยวรวมศูนย์อำนาจและเอาแต่มิติทางการทหารในการแก้ปัญหาอย่างตายตัวสุดโต่งขีดเส้นล้อมวงไว้แล้ว

เรายังจะต้องพูดอะไรถึงการปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลกันอีกเล่า? มิสู้ประกาศเลิกปฏิรูปการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้นจนกว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯมิดมิดีกว่าหรือ?

บล็อกของ เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ
บทกวีไว้อาลัยการจากไปของ 'ไม้หนึ่ง ก.กุนที' ที่ถูกยิงเสียชีวิตวันนี้ "เมื่อกวีจากไปไร้กวี.."
เกษียร เตชะพีระ
ที่คุณสุเทพ ณ กปปส.คัดค้านการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ยืนกรานว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ก็มีนัยการเมืองสำคัญตรงนี้ คือต้องทำแท้ง “อำนาจอธิปไตย” ของปวงชนชาวไทยให้จงได้ ไม่ให้มันได้คลอดได้ผุดได้เกิดผ่านกระบวนการเลือกตั้งมาลืมตาดูโลก ทำแท้ง “อำนาจอธิปไตย” ของปวงชนชาวไทยได้สำเร็จแล้ว ก็จะได้เคลมตนเองเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” แทนนั่นปะไร
เกษียร เตชะพีระ
พลังฮึกห้าวเหิมหาญของม็อบและขบวนการใดที่ก่อตัวขึ้นโดยกัดกร่อนบ่อนทำลายเหล่าสถาบันการเมืองของชาติให้เสื่อมทรุดถดถอยราบคาบลงไป ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ย่อมไม่สร้างสรรค์อะไรขึ้นมา มีแต่พลังทำลาย ผลได้ของการเคลื่อนไหว ไม่ยั่งยืน เมื่อฝุ่นหายตลบแล้วก็จะพบว่ามีแต่ซากปรักหักพังแห่งสถาบันการเมืองของชาติทั้งชาติ โดยไม่ได้ดอกผลการต่อสู้อะไรจริงจังยั่งยืนขึ้นมาเลย
เกษียร เตชะพีระ
ข้อสังเกตหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อสร้างและปรับปรุงระบบลอจิสติกส์ของประเทศใหม่ ผิดรัฐธรรมนูญ
เกษียร เตชะพีระ
ผมอ่านข้อเสนอที่นายกแพทยสภาและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขแถลงล่าสุดแล้ว มีความเห็นว่ามัน "ไม่เป็นกลาง" ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้...
เกษียร เตชะพีระ
วิธีการที่ผิด ไม่สามารถนำไปสู่เป้าหมายที่ถูกต้องดีงามได้ และคนอื่นเป็นเจ้าของประเทศไทยเหมือนกันเท่ากับผมและคุณ เท่ากันเป๊ะ