ทันทีที่พ่อลุกเดินได้ หมออนุญาตให้พ่อเข้าพักในห้องพิเศษได้แล้ว หลังจากที่ขนของใช้ต่างๆ ของพ่อเข้าห้อง ฉันพยุงพ่อลงนั่งรถเข็น แล้วเวรเปลเข็นพ่อเข้าห้อง รอยช้ำรอบตาพ่อเริ่มจางลง ตาขวาที่หมอเปิดดูในตอนเช้าของทุกวันยังเหมือนเดิม ยังเปิดอยู่ตลอดเวลา
เข่าขวาของพ่อยังงอไม่ได้และแผลลึก ยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวันเพื่อทำแผลและฉีดยา ฉันช่วยพ่อออกกำลังขา โดยยกขาขวาขึ้นสูงและงอเข่า พ่อพยายามทำตามที่ฉันบอก แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บแผลมากขึ้น ฉันรู้ว่า พ่อคงอยากหายในเร็ววัน พ่อบ่นอยากกลับบ้าน และหงุดหงิดง่ายมากขึ้น แม้พ่อพยายามข่มอารมณ์ก็ตาม เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องอารมณ์พ่อกับหมอ หมอก็เพิ่มยาให้พ่อ บอกเป็นเพราะอาการกระทบกระเทือนทางสมองนั่นเอง แล้วพ่อก็หลับมากขึ้น มีฉันนั่งมองหน้าพ่ออยู่ข้างเตียง มองแล้วคิดย้อนไปไกล
ในคืนที่แสงจันทร์ส่องสว่าง พ่ออุ้มน้องสาวคนเล็กของฉันไว้ในอ้อมแขน พี่สาวและฉันเดินอยู่ตรงกลาง รั้งท้ายเป็นแม่หอบข้าวของพะรุงพะรัง ในกลางดึกที่เราต่างเดินดุ่มออกมาจากบ้านของย่า แสงจันทร์สีขาวนวลกระจ่างอยู่กลางฟ้า เราข้ามสะพานไม้ที่ข้ามคลองถึงสามสาย เดินผ่านทุ่งนากว้าง แม้จะรู้สึกกลัว แต่เมื่อเหลือบมองพ่อ ความกลัวก็หายไป
พ่อเดินตัวตรงในความมืดสลัว ไปให้ถึงบ้านของเราโดยไม่หวาดหวั่น ฉันจึงเดินตามพ่ออย่างมั่นใจ ในใจฉันรู้ว่า พ่อจะอยู่เคียงข้างเราเสมอและไม่มีวันทิ้งพวกเราไป ก้มลงไปมองในน้ำบนสะพานไม้ ยังเห็นแสงจันทร์สวยกระจ่าง ในตอนนั้นฉันยังเล็กมากแต่แสงจันทร์สวยจับใจติดในความรู้สึกและจำได้ทุกครั้งที่นึกถึงพ่อ ฉันมักจะนึกถึงดึกคืนนั้น คืนที่พวกเราเดินในความเงียบกลางคืน
แล้วก็ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับมาทำงานแล้ว แม้ในใจฉันอยากอยู่ใกล้พ่อ ดูแลพ่อจนกลับบ้าน แม้ว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันวนเวียนอยู่ข้างเตียงพ่อ โรงอาหารและบ้านพักน้องชายที่ชายทะเลในตอนกลางวัน แม้จะมีหน้าตาเหมือนคนที่ง่วงนอนตลอดเวลา แต่สิ่งที่ฉันทำทั้งหมดทำให้พ่อดูดีขึ้นเรื่อยๆ พ่อคงจะได้ออกจากโรงพยาบาลในเร็ววัน ถึงกระนั้นในใจฉันยังอดห่วงพ่อไม่ได้ เมื่อกำตั๋วรถไว้ในมือ หัวใจก็หนักอึ้ง อ่อนแอ คำพูดบอกลามารออยู่ แต่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเอ่ยปากเมื่อสบตาพ่อ
เหมือนพ่อรู้ พ่อมองหน้าฉัน ถามฉันว่า จะกลับวันนี้ใช่ไหมลูก กลับเถอะ พ่อจะทำอย่างที่ลูกบอกและไม่กี่วันพ่อคงกลับบ้านได้ แล้วเราคงไปพบกันที่บ้านนะลูกนะ พ่อไม่เป็นไรแล้ว พ่อจะต้องหายดีและอยู่กับลูกไปนานๆ ขอบใจลูกทุกคนที่ทำเพื่อพ่อ พ่อรู้ว่าเรารักกัน พ่อดีใจที่สุดแล้ว
ฉันกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่พากันมาอัดแน่นที่หน้าอกลงไป พยายามกระพริบตาไล่น้ำใสๆ ที่ออกมาบังสายตาไว้ พยักหน้าให้พ่อ บอกพ่อให้กินข้าวมากๆ กินยาและทำตามที่หมอบอกด้วย ถึงอย่างไรพ่อป่วยครั้งนี้ก็ยังมีข้อดีที่ทำให้เราได้พบกัน แม้จะเป็นในโรงพยาบาลก็เถอะ แต่เรายังได้อยู่ใกล้กัน ลูกทุกคนของพ่อก็มาอยู่รวมกัน และที่ดีที่สุดก็คือ ฉันได้ใช้วิชาที่พ่อส่งให้ฉันเรียนจนจบมาเพื่อพ่อ ถือเป็นการคืนกำไรทบต้นในเงินลงทุนที่พ่อขาดทุนมาตลอดชีวิต แล้วพ่อและฉันก็หัวเราะพร้อมกันเป็นครั้งแรก
ถึงตอนนี้ พ่อคงรู้แล้วว่าฉันทำอะไรบ้างในเวลากลางคืน ฉันและพ่อเหมือนกันคือ เราต่างเดินไปในความมืด ทำอะไรก็ไม่รู้ในสิ่งที่มองหาแทบไม่เห็น แต่ผลของมันยิ่งใหญ่เหมือนแสงจันทร์ในคืนเดือนมืดของดึกคืนนั้นเหลือเกิน มันกระจ่าง สว่างพราวอยู่อย่างนั้น พ่อคงเข้าใจและมองเห็นภาพได้ชัดเจนเมื่อนึกถึง
เหนืออื่นใด ฉันได้กอดพ่อ เราได้กอดกันในวันที่เรายังมีลมหายใจและยังไม่สาย
นะพ่อนะ ลูกคงต้องกลับไปทำหน้าที่ต่อ เรายังได้พบกันในวันหน้าที่บ้านของเรา เราต่างจะทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อกันและกันนะพ่อ ฉันบอกพ่อเมื่อก้มลงกราบ พ่อยิ้มให้ฉันและกอดฉันนิ่งนาน แม้ฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ฉันก็รู้ว่า พ่อคงกล้ำกลืนน้ำตาเหมือนฉัน
ฉันเดินไปลาพยาบาลที่เคาน์เตอร์และบอกฝากดูแลพ่อด้วย ฉันจะรบกวนโทรมาถามอาการพ่อบ่อยๆ และขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้พ่อของฉันหายเร็วขึ้น
เมื่อหิ้วกระเป๋าออกจากโรงพยาบาล ฉันกลับไปอย่างมั่นใจ อย่างน้อยฉันรู้ว่าพ่อจะได้กลับบ้านแน่นอน และพ่อจะหายอย่างที่ฉันภาวนามาตลอดทางที่นั่งรถมาหาพ่อ แม้ว่าพ่อจะต้องเลิกทำสิ่งที่พ่อรักและเคยทำมาชั่วชีวิตหลังการป่วยไข้ครั้งนี้
ท้องทุ่งกว้างๆ คงเศร้า ป่ายางเป็นแถวท่ามกลางแสงจันทร์คงเงียบเหงาวังเวง และพากันแปลกใจว่าทำไมพ่อจึงหายไปจากที่ที่เขารักเหลือเกินได้ แม้มันจะเข้าใจสัจธรรมและเหมือนล่วงรู้การบอกลาเหมือนฤดูเปลี่ยนผ่าน เหมือนในใจฉัน แต่มันคงเฝ้าคิดถึงพ่อไม่รู้คลาย คงเหมือนพ่อและฉันที่เป็นอย่างนั้น
ระหว่างนั่งรถกลับมาฉันครุ่นคิดถึงพ่อและวางแผนว่าจะกลับมาหาพ่อในช่วงไหนดีนั้น ฉันคงไม่กลับไป หากฉันล่วงรู้ได้ว่า อีกเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ฉันจะได้กลับมาหาพ่อด้วยความกระวนกระวาย ห่วงพ่อมากกว่าเดิมหลายเท่านัก