บ้านของย่าอยู่ริมฝั่งคลอง เป็นบ้านไม้ยกสูง เวลาเดินแผ่นไม้ในบ้านส่งเสียงดังตามจังหวะการเดิน ย่าคอยบอก เดินค่อยๆนะลูก ย่องๆเดินนะทำเป็นไหม จะได้ไม่มีเสียงดัง ย่าชอบทำขนม ที่บ้านย่าจึงมีหลานๆเต็มบ้าน ลูกๆของน้าชาย น้าสาวและพี่น้องของฉันอีกหกคน
หนึ่งในเด็กหลายคนนั้น มีอยู่คนเดียวที่เป็นเหตุผลของการขอแม่ไปนอนบ้านย่าของฉัน เขาเป็นลูกของน้าสาว อายุเท่าฉัน ตัวโต ผิวคล้ำ ดวงตาเขาเศร้า ท่าทีเงียบขรึม เขาว่ายน้ำเก่ง จับปลาได้คล่องแคล่ว ไม่มีท่าทีรำคาญที่พี่สาวอย่างฉัน คอยเดินตามเขา คอยถามโน่นถามนี่ตลอดเวลา ฉันติดเขาแจจนย่าออกปาก ระวังนะ เหาบนหัวจะกระโดดมาหากัน
ฉันตามเขาไปเล่นน้ำ หาปลา เดินร้องเพลงกอดคอกันไว้ เขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน เรานอนในมุ้งเดียวกัน ใกล้สว่างเขาจะปลุกฉันขึ้นมาเพื่อไปสวนยางเก็บลูกก่อที่แตกกระเด็นกลางดึก เขาเก็บให้ฉัน ใส่ย่ามที่ฉันพกไปด้วยจนเต็มแน่น เรากินนอนเที่ยวอยู่ด้วยกัน จนแม่มาตามให้กลับบ้าน ฉันจำได้ว่า เขียนจดหมายไว้ให้เขา อย่าลืมนะเราเป็นเพื่อนรักกัน
ถึงกระนั้นฉันกลับไปหาเขาเสมอ ไปเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวให้ฟัง
เขานั่งฟังฉันอย่างเงียบๆ นานๆจะมีเสียงตอบสักคำ ท่าทีเขาดูเศร้ามากขึ้น ฉันรู้เหตุผลความเศร้าที่อัดแน่นเต็มใจเขา น้าชายฉันมีเมียสองคน เขาเป็นลูกเมียหลวง เขาคงอยากให้พ่อกลับมาหาแม่และอยู่ด้วยกันเพียงครอบครัวเดียว
น่าแปลกที่เหตุผลพวกนี้ฉันรู้เองโดยไม่มีใครบอก แล้วฉันก็ไม่เคยเอ่ยปากพูดกับเขา ฉันชวนเขาไปเล่นน้ำ หาปลา ไปวิ่งเล่นในสวน เก็บลูกก่อ เหมือนแค่อยากปลอบใจเขา เป็นเพื่อนเขา ยามที่เขาทอดตามองเหม่อไปข้างหน้าเหมือนในโลกไม่มีใครเลยนั้น ฉันรู้ว่าชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่จะให้เป็นอย่างใจ ทำได้แค่ปล่อยมันไป โลกของเรายังอยู่กับสิ่งที่เราเล่น เราบังคับมันได้แค่นั้นจริงๆ เขาคงรู้เช่นกัน แม้ในท่าทีแสนเศร้า เขายังเงียบขรึมไม่เคยปริปากเรื่องใดๆเช่นกัน
เราโตมาด้วยกันอย่างนั้น แม้ในคืนวันที่ล้มลุกนั้น พวกเราต่างโตวันโตคืนเหมือนต้นไม้ใหญ่ แม้วันคืนอันขมขื่นของเขาผ่านไปอย่างปวดร้าว เขาเรียนจบเพียงชั้นประถม ทั้งที่ฉันรู้สึกว่าเขาจะไปได้ไกลกว่านั้น ฉันรู้สึกว่าเขาฉลาด มีบางเรื่องที่เขาอธิบายให้ฉันฟังได้ทั้งที่มันเป็นเรื่องยาก แล้วเขาก็ค่อยๆหายไปจากชีวิตฉัน เมื่อฉันต้องออกไปเรียนในที่ไกลขึ้น
น่าแปลกที่เรื่องราวของเขากลับตรึงหัวใจฉันตลอดมา เรื่องราวที่แสนเศร้าของเด็กชายอ่อนไหว ฉันคิดถึงเขาเสมอ ทุกครั้งที่กลับบ้าน ฉันจะปั่นจักรยานไปหาเขา ชวนเขาไปในเส้นทางเดิม เล่นน้ำคลอง หาปลาหาหอยในนาข้าว เล่าเรื่องราวที่ฉันพบเจอ เขายิ่งขรึมลงไปอีก ฉันเหมือนพูดอยู่คนเดียวทั้งวัน ถึงกระนั้น ฉันรู้ว่า เขาฟังฉันอยู่เพราะเขานั่งเงียบอยู่ข้างๆฉัน ไม่ยอมไปไหนเช่นกัน เราขลุกอยู่ด้วยกันทุกวันจนถึงเวลาที่ฉันกลับไปเรียนต่อ
สองปีที่อยู่เมืองหลวงฉันเฝ้าคิดถึงเขา คิดถึงน้ำในคลอง ทุ่งนา ต้นก่อกลางสวนยาง บางเวลาฉันนอนร้องไห้ สิ่งเดียวที่ฉันทำเพื่อคลายความรู้สึกเหล่านั้นคือการอ่านหนังสือ ฉันขลุกอยู่กับหนังสือทั้งวันทั้งคืนหลังเลิกเรียน ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย ตามร้านหนังสือ ฉันตั้งใจหยิบหนังสือเล่มนั้น ที่ชื่อคืนวันอันแสนงาม มาฝากเขา ฉันอยากให้เขารู้ว่า ไม่ว่าวันคืนจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งดีๆที่อยู่ในหัวใจของเรานั้น ไม่เคยเปลี่ยน
ถึงวันฉันกลับมาบ้าน ฉันรู้จากแม่ว่า เขาหนีไปพร้อมกับข้อหาฆ่าคนตาย เขาไปยิงคนตามคำสั่งของพ่อ แม่ฉันบอกว่า โธ่เอ๋ย น่าสงสาร คงอยากให้พ่อรัก เด็กเอ๋ยเด็ก
หัวใจฉันเหมือนถูกฉีกทิ้ง ทุรนทุราย เราคงไม่ได้พบเจอกันแล้ว เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง หัวใจเขาคงแหลกสลายเหมือนที่ฉันกำลังเป็นอยู่ ทำไมเขาถึงต้องเจอเรื่องราวที่ร้ายกาจอย่างนี้หนอ ฉันได้แต่ตัดพ้อคร่ำครวญอยู่คนเดียว ทำไมคนบางคนอย่างเขาถึงมีชีวิตที่ปวดร้าวอย่างนั้น
ฉันเพียงอยากมีเวลานั่งอ่านหนังสือเล่มนี้ให้เขาฟัง บางตอนที่ฉันชอบ บางถ้อยคำที่ฉันร้องไห้ ฉันอยากได้ยินเสียงเขาพูด บอกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับหนังสือเล่มนี้
สิ่งที่เขาคิดฝัน ฉันอยากให้มีเวลาอย่างนั้น
แต่มันผ่านไปแล้ว ความจริงที่แสนโหดร้ายได้ตอกย้ำฉันแล้ว เขาไม่อยู่แล้ว ฉันไม่มีวันที่จะได้พบเจอเขาอีก เราเหมือนตายจากกัน หนังสือยังคงวางอยู่ข้างตัว มีเพียงฉันที่เหม่อมองอยู่เพียงลำพังท่ามกลางท้องทุ่ง คิดถึงเขาเต็มหัวใจ