Skip to main content

ฉันนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลครบสิบวันแล้ว แม่ยังเป็นคนทำอาหารเจให้ฉันกินทุกวัน กลางวันแม่จะเป็นคนที่อยู่เป็นเพื่อนฉันที่โรงพยาบาล เธอจะกลับบ้านไปทำงานหลังส่งเทวดาน้อยไปโรงเรียนแล้ว ตกเย็นหลังไปรับเทวดาน้อยจากโรงเรียนแล้ว เธอจะไปส่งแม่ที่บ้านเพื่อให้แม่นอนเป็นเพื่อนหลานสาวของฉัน กิจกรรมของเธอวนเวียนอย่างนี้ตลอดทั้งสิบวันที่ผ่านมา


ยิ่งเวลาที่หลานสาวเรียนพิเศษ เธอเป็นคนคอยรับกลับบ้าน กว่าเธอจะกลับมาหาฉันที่ห้องคนไข้ในบางวัน เทวดาน้อยก็หลับไปเสียแล้ว ทั้งวันของเธอต้องขับรถวนเวียนไปมาทั้งโรงพยาบาล ทั้งโรงเรียนลูกและหลาน จนฉันนึกสงสาร แม่บอกฉันว่า รถกำลังจะพังแล้วลูกเอ๋ย เพราะใช้มันทั้งวันทั้งคืน


แม่จะนั่งคะยั้นคะยอให้ฉันพยายามกิน ฉันพยายามกินตามที่แม่บอก หากแต่อาการเจ็บปากของฉันทำให้ฉันกลืนลำบาก ฉันจึงกินได้อย่างละเล็กๆน้อยๆ ตัวของฉันจึงเบาหวิว หมอเข้ามาตรวจฉันในห้องทุกวัน กินข้าวได้ไหมครับ หมอถาม ฉันยิ้มแล้วบอกหมอว่า พยายามกินอยู่ อยากหายเร็วๆ เป็นคนไข้นานๆนี่แย่จัง อยากเป็นพยาบาลเหมือนเดิมดีกว่า เล่นบทคนไข้แบบนี้ ไม่ดีเลยนะหมอนะ หมอหัวเราะ ถ้าแข็งแรงดีขึ้นแล้ว จะให้กลับบ้านนะครับ หมอบอก


ตึกที่ฉันนอนเป็นตึกพิเศษชั้นสองที่รับผู้ป่วยอายุรกรรม ห้องที่ฉันพักเป็นห้องด้านที่ติดกับถนน มีรถวิ่งไปวิ่งมาทั้งวัน ฉันนอนไม่หลับเพราะรู้สึกเหมือนรถสิบล้อวิ่งอยู่บนถนนทั้งวันทั้งคืน มันดังโครมครามอยู่ในอกของฉันตลอดเวลา บางเวลาฉันนึกสงสัยเมื่อมองไปที่ถนนไม่เห็นรถวิ่งมา หากแต่เสียงในอกที่ดังโครมครามตลอดเวลานั้นมันยังดังอยู่


ฉันนึกแปลกใจ หากแต่เก็บมันเงียบไว้ ฉันจะค้นหาคำตอบนั้นเอง หากแต่ในใจฉันนึกกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ฉันเป็นอะไรหนอ มีอะไรที่ร้ายแรงรอฉันอยู่หรือเปล่า อาการเจ็บที่หัวใจของฉันมันก็ไม่ได้ลดลงไปเลย มันยังคงเจ็บอยู่ตลอดเวลา


เทวดาน้อยของฉัน แต่งตัวออกจากโรงพยาบาลไปโรงเรียนทุกวัน หกโมงเช้าเขาตื่นอาบน้ำ กินข้าว เธอเป็นคนรับส่ง ตอนเย็นหลังกลับมาจากโรงเรียน เขาพยายามหาเรื่องตลกมาเล่าให้ฉันฟังทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน ฉันนอนอยู่บนเตียง เขานั่งใกล้ๆ ฉันแล้วบอกว่าวันนี้ ตลกมาก คุณแม่ต้องหัวเราะแล้วหายไข้ กลับบ้านได้เลยนะ เธอหันมาสบตาฉันแล้วอมยิ้ม


เขาเล่าว่า หลังจากขึ้นรถที่พ่อมารับได้ห้านาที พ่อต้องจอดรถข้างทาง แล้วทั้งพ่อและลูกต้องวิ่งลงจากรถทันที ต่างคนต่างเอามือปิดจมูกไว้ คุณแม่ทายสิว่า เพราะอะไร ฉันหัวเราะแล้วบอกว่า รถเสีย เทวดาน้อยหัวเราะแล้วบอกว่า ผิด เฉลยเลยนะ ก็ในรถเหม็นมากๆนะสิ เธอหันหน้ามาสบตาฉันแล้วหัวเราะ เธอบอกว่า ตอบมาสิ ใครเอ่ย ตดได้เหม็นที่สุด ฉันหัวเราะหลังมองหน้าเทวดาน้อยนั่งอมยิ้ม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


พลบค่ำ มีน้องๆ สามคนมาเยี่ยม เป็นน้องที่รักเทวดาน้อย เคยดูแลกันมาตั้งแต่เทวดาน้อยตัวเล็กๆ หลังคุยกันเรื่องโน้น เรื่องนี้แล้ว เทวดาน้อยก็เปิดกล่องไวโอลินออกมา คุณแม่ครับ วันนี้ขอซ้อมไวโอลินหน่อยนะ ภาพที่ลูกยืนอยู่ใกล้ม่าน สว่างอยู่ความทรงจำแม่ ภาพนั้นช่างสวยงาม เด็กชายบรรจงสีไวโอลินด้วยท่าทีที่อ่อนโยนทะนุถนอม เสียงไวโอลินดังก้องในตึกคนไข้

 

  

 

ในพลบค่ำนั้น ฉันนอนดูเทวดาน้อยสีไวโอลินจนจบสองเพลง เสียงหัวเราะ เสียงปรบมือดังลั่นห้องคนไข้ น้าๆทั้งสามคนต่างยิ้มหน้าบานที่เห็นเทดาน้อยสีไวโอลิน ต่างคนต่างเชียร์แล้วบอกว่า อีกไม่นานคงได้เห็นเทวดาน้อยกับไวโอลินตามเวทีต่างๆแน่นอนเลย


รุ่งเช้าฉันบอกหมอว่า ขอกลับบ้านวันนี้เลยได้ไหม ฉันจะไปพักฟื้นต่อที่บ้าน หมออนุญาต ฉันลุกมาเก็บข้าวของ กว่าเราจะจัดการสิ่งต่างให้เรียบร้อย รับยาแล้วออกจากตึกก็เที่ยงวันแล้ว เธอดูตื่นเต้น มีความสุขที่จะได้เห็นฉันกลับบ้าน ถึงบ้านแล้ว แม่ที่รออยู่ที่บ้านออกมามารับฉัน แม่บอกว่าออกมาจากโรงพยาบาลก็ดีแล้ว อยู่บ้านจะได้แข็งแรงมากขึ้นเร็วๆ


เธอประคองฉันลงจากรถถึงห้องนอน เธอบอกฉันว่า นอนต่อนะ เธอจะดูแลฉันเอง ขอต้อนรับกลับบ้านของเราด้วยความยินดีที่สุด เธอแข็งแรงดีขึ้นวันไหน เราจะไปเที่ยวกันนะ เธอพูดมากกว่าที่เคยพูด ฉันมองเธอวิ่งถูบ้าน หาข้าวมาให้ฉันกินอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย แล้วนึกดีใจที่ได้กลับมาบ้านอีกครั้ง ได้เห็นเธอดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นฉันกลับบ้าน ไม่ใช่จากเธอและลูกไปอย่างที่เธอกลัว


หากแต่เมื่อหลับตาลงบนเตียงที่บ้าน ฉันถึงกับลุกขึ้นมานั่งอย่างตกใจเมื่อรู้ว่า เสียงรถสิบล้อวิ่งไปมาบนถนนทั้งวันทั้งคืนนั้น มันยังดังโครมครามอยู่ในอกฉันเหมือนเดิม ฉันล้มตัวลงไปนอนแล้วหลับตาใหม่ ความจริงที่ฉันค้นหามาทั้งสิบวันนั้นกระจ่างออกมาแล้ว เสียงนั้นเป็นเสียงหัวใจของฉันต่างหากที่มันเต้นดังทะลุอกออกมา ฉันเอามือกดลงไปที่หัวใจไว้ ฤทธิ์เดชของยาที่ฉันแพ้มันช่างมากมายเหลือเกิน ฉันนอนหลับตาเงียบอย่างคนที่ยอมจำนน มีเรื่องที่ฉันกลัวรออยู่ข้างหน้าแล้ว ฉันพลิกตะแคงตัวแล้วบอกตัวเองว่า ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ ฉันจะสู้ต่อไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม


ถ้าเธอรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า อีกสองวันข้างหน้า ฉันจะต้องกลับเข้าไปนอนที่โรงพยาบาลใหม่ด้วยสภาพที่เธอคาดไม่ถึง เธอคงไม่อยากพาฉันกลับมาแน่นอน หากแต่ชีวิตเป็นสิ่งลึกลับเสมอ ใครเลยจะรู้ว่าเราต้องเผชิญกับอะไรบ้าง สิ่งที่ยังมาไม่ถึงรอเราอยู่ตรงประตูบ้านในท่ามกลางความดีใจของเธอและแม่ เธอไปรับเทวดาน้อยกลับบ้านแล้วบอกลูกว่า แม่กลับบ้านแล้วนะ เทวดาน้อยดีใจเหลือเกินที่จะได้นอนที่บ้าน ไชโยไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลแล้ว เสียงลูกดังลั่นบ้านหากแต่ฉันนอนกุมหน้าอก แล้วมองลูกด้วยความสงสาร ในใจภาวนาให้วันพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดีเถอะนะ ขอให้ครอบครัวของเรามีความสุขด้วยกันในวันต่อไปด้วยเถิด

 

 

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอหอบกระเป๋าใบใหญ่มาวางตรงหน้า นอนที่ไหนดี ฉันรำพึง เอาอย่างนี้ ไปนอนวัดกับน้องชายเพื่อนพี่ดีกว่า หลังส่งเธอเข้าวัดแล้วนัดแนะกันว่ารุ่งเช้า เราจะไปหาเพื่อนของฉันที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง เราลงไปนั่งในเรือลำเล็ก เป็นเรือเครื่องมีคนนั่งในเรือเพียงสองสามคน ตอนนั้นการนั่งเรือเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปที่เกาะได้ เรือทะยานพุ่งในทะเลสาบสีครามเข้ม เธอและฉันตื่นเต้นมาก เป็นการลงเรือครั้งแรกของเรา แผ่นน้ำวิ่งผ่านหน้าเราไป ละอองน้ำเย็นเยือกกระเซ็นมาถูกเนื้อตัว หัวใจเราเต้นแรงแข่งกับเสียงเครื่องเรือ
มาลำ
ฉันอายุสิบแปดปีในตอนที่เธอยังเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบห้าใส่ชุดนักเรียนเทคนิค แบกกีต้าร์เดินผ่านบ้านพักของฉันและเพื่อนที่ฝึกงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ร่างผอมสูงของเธอปรากฎให้เห็นในตอนเช้า ก่อนพลบค่ำเธอกลับมาพร้อมกีต้าร์ตัวเดิม มีคนบอกฉันว่า เธอเป็นลูกชายหนึ่งในสองคนของป้าผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งทำงานในห้องแลปของโรงพยาบาล เราได้แต่มองกันไปมาแล้วเงียบ วันคืนผ่านไป จนค่ำวันหนึ่งเธอส่งยิ้มมา ฉันทักเธอว่า ตกลงเป็นนักเรียนหรือนักร้อง เธอยิ้มหวานแล้วตอบเบาๆว่า ทั้งสองอย่างครับ
มาลำ
ฉันไม่นึกว่า พ่อจะมาเยี่ยมฉันจริงๆ หลังจากการป่วยยาวนาน แม้ฉันรับปากพ่อไว้ว่า ฉันจะกลับไปหาที่บ้านของเรา แต่ฉันใช้วันลาพักผ่อนทั้งปีหมดไปแล้ว ฉันไม่ได้กลับไปหาพ่ออีกเลย ฉันกับพ่อส่งข่าวกันผ่านสายโทรศัพท์ เราคุยกันทุกวันแม้ไม่เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียงพ่อฉันรู้สึกดีมากแล้ว พ่อดั้นด้นมาหาฉันถึงบ้าน พ่อเดินลงจากรถ ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของฉัน หัวใจฉันเต้นรัวด้วยความดีใจ เราต่างโผเข้ามากอดกัน พ่อหอมหน้าผากฉันเหมือนเก่า ฉันถามพ่อว่า พ่อหายดีแล้วใช่ไหม ไม่น่าเชื่อเลย พ่อหายดีแล้วจริงๆ ตาขวาของพ่อปิดเองได้แล้ว เข่าขวาก็เป็นปกติ พ่อเดินได้เองไม่ต้องใช้อะไรช่วย ไม่ต้องพยุง…
มาลำ
วันนี้แล้วที่ฉันต้องจากพ่อไป ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ กว่าเราจะได้พบกัน ความเป็นห่วงพ่อยังอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจฉัน ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปแล้ว เช้านี้ฉันเดินอยู่บนเส้นทางเดิมของโรงพยาบาล จากประตูห้องพ่อ เดินตรงไป ถึงบันได ลงไปชั้นล่างสุด เลี้ยวขวาถึงร้านกาแฟร้านแรก ฉันซื้อกาแฟสดหนึ่งถ้วย เดินออกมาจากร้านแล้วไปร้านขายตั๋วรถที่อยู่ทางขวามือ ตรงข้ามกับร้านกาแฟ เป็นร้านเดียวในโรงพยาบาลที่ขายตั๋วเดินทางทั้งรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน คนขายถามฉัน เดินทางวันไหน ฉันตอบแล้วใจหาย พ่อนั่งมองฉันเก็บข้าวของสองสามอย่างใส่กระเป๋า อย่าลืมอะไรไว้นะลูก เก็บของให้หมดไม่ต้องรีบร้อนหรอก เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่ารถจะออก
มาลำ
หากมีใครนั่งมองความเคลื่อนไหวของฉัน เขาคงมองเห็นภาพที่ฉันเดินเข้าออกในโรงพยาบาลช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตอนเช้ากลับไปอาบน้ำ นอนพักที่บ้านพักน้องชาย ตอนเที่ยงขึ้นรถมาโรงพยาบาล ลงจากรถก็เดินไปโรงอาหาร แวะร้านหนังสือร้านเดียวที่แอบอยู่ในซอกด้านซ้ายมือของโรงอาหาร หยิบหนังสือรายสัปดาห์มาหนึ่งเล่ม จ่ายเงินแล้วเดินเลยมาซื้อน้ำเต้าหู้ อาหารเจเจ้าประจำ ผลไม้และขนมหวานที่พ่อชอบเจ้าเดิม แวะซื้อกาแฟสดและขนมปังแผ่นที่มีอยู่ร้านเดียวของชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปผ่านหน้าห้องยา ร้านขายกาแฟเย็นและน้ำอัดลม ถึงประตูตึก ผ่านเตียงที่พ่อเคยนอนหน้าเคาน์เตอร์…
มาลำ
ดึกแล้ว พ่อนอนหลับสนิทในม่านสีเขียว หายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ ฉันลืมตา เงยหน้าจากข้างเตียงที่ฟุบลงไป ห่มผ้าให้พ่อแล้วลุกไปล้างหน้า กลับมานั่งอยู่ในม่าน  นั่งมองพ่อหลับ นานมากแล้วที่เราไม่เคยได้อยู่ด้วยกันยาวนานอย่างนี้ตาข้างขวาของพ่อยังไม่ปิดลง มันเปิดอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น เมื่อฉันก้มลงไปมองใกล้ๆ พบว่าในตาของพ่อมีฉันอยู่ในนั้น  ฉันนึกภาวนาให้มันปิดลงเป็นปกติ ฉันอยากให้พ่อเป็นเหมือนเดิม เป็นพ่อคนเดิมของฉัน
มาลำ
พ่อหลับอยู่อย่างนั้นทั้งคืน มีเพียงเสียงหายใจและเสียงพลิกตัวเท่านั้นบอกเราว่า พ่อยังหลับอยู่ พ่อไม่ได้พูดอะไรที่ฉันฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว พ่อหลับเงียบแน่นิ่ง ถึงกระนั้นฉันก็นั่งเฝ้าพ่อแบบตาไม่กระพริบ พ่อหลับโดยที่มีฉันนั่งจ้องพ่ออยู่อย่างนั้น นอกเหนือจากการเช็ดตัวให้พ่อ ดูยาที่หยดลงในสายน้ำเกลือ วัดความดันเลือดแล้ว ฉันไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก นอกจากจ้องมองพ่อ   บางเวลาที่ดึกมากๆ ฉันง่วงมาก เผลอหลับฟุบลงบนเตียงพ่อ ข้างๆ มือที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง  ฉันหลับอยู่ในท่านั้นจนสะดุ้งตื่น ทันที่ที่รู้สึกตัว ฉันลนลานจ้องมองพ่อ ดูที่หน้าอกพ่อว่าขยับเคลื่อนไหวหายใจอยู่หรือเปล่า…
มาลำ
พ่อเพ้อทั้งคืนจนฉันตกใจ ทั้งเป็นประโยคยาวๆ บางคราวเหมือนพึมพำอยู่ในลำคอ หลายครั้งฉันเผลอตอบเพราะนึกว่าพ่อพูดกับฉัน แต่เปล่า พ่อกลับหลับต่อหลังจากที่ฉันส่งเสียงตอบ หลายคำที่พ่อเพ้อ ฟังเหมือนเรียกชื่อใครหลายคน เวลาที่พยาบาลมาวัดความดัน ฉีดยา พ่อลืมตามาดูเหมือนพ่อตื่น แต่พอฉันถาม พ่อกลับหลับตาต่อเหมือนยังไม่ตื่นเช้าแล้ว แม่มาถึงข้างเตียงพร้อมข้าวต้มเช่นเคย หลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูเตียงนอนใหม่ พ่อหลับสนิท แม่ถามฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฉันสบตาแม่แล้วบอกว่าความดันเลือดยังต่ำอยู่ต้องให้ยาเพิ่มความดันต่อ อย่างอื่นก็ดูดีนะ พ่อหายใจปกติและไม่มีไข้ มีอย่างเดียวที่น่าตกใจก็คือพ่อเพ้อทั้งคืน…
มาลำ
เสียงแม่ร่ำไห้ผ่านมาตามสายโทรศัพท์  หลังจากฉันกลับมาทำงานได้เจ็ดวัน  แม่ระล่ำระลักบอกฉันว่า พ่อแย่แน่ๆ คราวนี้ พ่ออาการหนักกว่าเดิมแล้วลูกเอ๋ย คราวนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ช่วยพ่อด้วยนะลูกฉันเอาเสื้อผ้าสองสามชุดใส่กระเป๋าใบเดิมที่ยังไม่ได้ซัก หลังกลับมาคราวที่แล้ว  ของใช้บางอย่างยังไม่ได้รื้อออกมาด้วยซ้ำ  แต่ฉันต้องไป หลังได้ยินเสียงแม่ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย หูฉันมีแต่เสียงร้องไห้ของแม่ ตาของฉันเห็นแต่ภาพพ่อ ฉันลาพักผ่อนฉุกเฉินอีกครั้ง แม้ต้องรบกวนฝากเวรใครต่อใครหลายคน ทุกคนเต็มอกเต็มใจช่วยเหลือฉัน เพราะถ้อยคำที่ฉันเอ่ยปากบอก  ฉันต้องกลับไปหาพ่อ …
มาลำ
ทันทีที่พ่อลุกเดินได้ หมออนุญาตให้พ่อเข้าพักในห้องพิเศษได้แล้ว หลังจากที่ขนของใช้ต่างๆ ของพ่อเข้าห้อง ฉันพยุงพ่อลงนั่งรถเข็น แล้วเวรเปลเข็นพ่อเข้าห้อง รอยช้ำรอบตาพ่อเริ่มจางลง ตาขวาที่หมอเปิดดูในตอนเช้าของทุกวันยังเหมือนเดิม ยังเปิดอยู่ตลอดเวลาเข่าขวาของพ่อยังงอไม่ได้และแผลลึก ยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวันเพื่อทำแผลและฉีดยา ฉันช่วยพ่อออกกำลังขา โดยยกขาขวาขึ้นสูงและงอเข่า พ่อพยายามทำตามที่ฉันบอก แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บแผลมากขึ้น ฉันรู้ว่า พ่อคงอยากหายในเร็ววัน พ่อบ่นอยากกลับบ้าน และหงุดหงิดง่ายมากขึ้น  แม้พ่อพยายามข่มอารมณ์ก็ตาม  เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องอารมณ์พ่อกับหมอ หมอก็เพิ่มยาให้พ่อ…
มาลำ
ฉันตื่นนอนตอนเที่ยงวัน อากาศเมืองชายทะเลร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลท่วมตัว ลุกนั่งอย่างงงๆ อยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่านอนอยู่ที่บ้านพักน้องชาย  หลังอาบน้ำและกินข้าว ฉันนั่งรอให้น้องชายมารับไปหาพ่อระหว่างทางนั่งรถไปโรงพยาบาลผ่านสวนยางเป็นแถวยาวสีเขียวเข้มต้นยางเรียงรายผ่านหน้าฉัน  เป็นแถวตรงตลอดเป็นแนวทั้งสองข้างทาง  แม้ว่าฉันจะห่างบ้าน ห่างพ่อไปนานแสนนาน  แต่ป่าสีเขียวที่ยืนตรงเหมือนแถวของทหารที่ฉันเคยคุ้น ฉันได้กลิ่นยางโชยมาตามลมที่พัดผ่าน  ภาพพ่อกับแม่ช่วยกันถางไร่ที่ดิบทึบด้วยต้นไม้ กว่าจะล้มต้นไม้ลงแต่ละต้นจนหมดไร่ แล้วขุดหลุมขนาดสองฟุตกว้างยาวและลึกเท่ากัน …