Skip to main content

ฉันตื่นนอนตอนเที่ยงวัน อากาศเมืองชายทะเลร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลท่วมตัว ลุกนั่งอย่างงงๆ อยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่านอนอยู่ที่บ้านพักน้องชาย  หลังอาบน้ำและกินข้าว ฉันนั่งรอให้น้องชายมารับไปหาพ่อ

ระหว่างทางนั่งรถไปโรงพยาบาลผ่านสวนยางเป็นแถวยาวสีเขียวเข้ม

ต้นยางเรียงรายผ่านหน้าฉัน  เป็นแถวตรงตลอดเป็นแนวทั้งสองข้างทาง  แม้ว่าฉันจะห่างบ้าน ห่างพ่อไปนานแสนนาน  แต่ป่าสีเขียวที่ยืนตรงเหมือนแถวของทหารที่ฉันเคยคุ้น ฉันได้กลิ่นยางโชยมาตามลมที่พัดผ่าน  ภาพพ่อกับแม่ช่วยกันถางไร่ที่ดิบทึบด้วยต้นไม้ กว่าจะล้มต้นไม้ลงแต่ละต้นจนหมดไร่ แล้วขุดหลุมขนาดสองฟุตกว้างยาวและลึกเท่ากัน  เพื่อลงต้นกล้าของยางพารา พวกเราตัวเล็กๆก็คลานกันไปในไร่จนมอมแมม  แล้วก็ค่อยๆโตขึ้นพร้อมต้นยางที่พ่อแม่ปลูก

แล้วพ่อแม่ก็ซื้อที่ทำสวนยางต่อไปอีก ฉันจำได้แม่นมั่นว่าการเอาดินถมลงไปในหลุมที่ขุดไว้เพื่อลงกล้ายางนั้น มันเหนื่อยอย่างแสนสาหัส  เมื่อเรามองหลุมยางที่เรียงรายในแต่ละแถว แต่ละคนเฝ้ามองหาหลุมสุดท้ายแห่งวันอยู่ร่ำไป  หลังจากยางเริ่มโตเท่ากับไหล่ของพวกเรา  แม่ก็ให้ไปช่วยดายหญ้าในแถวยาง กว่าจะหมดไปได้แต่ละแถวในแต่ละวัน  มือที่จับจอบก็พองแตกแล้วมีน้ำไหลออกมาจนต้องคอยซื้อปลาสเตอร์มาปิดทับไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะเจ็บจนหยิบจับอะไรไม่ได้ 

เมื่อยางโตพอที่จะกรีดเอาน้ำยางได้แล้ว ชุดเก็บน้ำยางอันแสนเท่ห์ของพวกเราแต่ละคนก็ถูกแขวนไว้รอตรงราวข้างหลังบ้าน เป็นเสื้อผ้าเก่าที่รอการทิ้งขว้าง เวลาที่เดินเก็บน้ำยางสีขาวที่พ่อกรีดใส่ถ้วยไว้   จะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ที่หยุดเรียน ชุดอันเขลอะไปด้วยขี้ยางและกลิ่นเหม็นของเหงื่อไคลที่ซักอย่างไรก็ไม่ออก ก็ถูกดึงลงจากราวจนหมด และกลับมาอยู่บนราวอย่างสงบเสงี่ยมอีกครั้งในตอนเย็นย่ำ

หลังจากพวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่หลังอาบน้ำขัดถูขี้ยางจนหมดจากแขนขาไปแล้ว   เรี่ยวแรงที่เคยมีในตอนเช้าก็หมดหายวับไปกับแถวยางที่ตรงเป็นแนวนั่น พลบค่ำพวกเราทุกคนนอนหลับสนิทและรู้ว่า รุ่งเช้าของพวกเรา ฟ้าจะสว่างตรงสวนยางนั้นอีกหนึ่งวัน  เมื่อพวกเราเริ่มโตและแยกย้ายกันออกจากบ้าน  พวกเราทุกคนก็ไม่ได้วนเวียนกลับไปเก็บน้ำยางให้พ่อและแม่อีก  นานเท่านานคนสองคนที่ยังเดินวนเวียนอยู่ในสวนยางอย่างเงียบเหงาทุกคืนวัน เมื่อฉันเหม่อมองผ่านน้ำตา  เห็นคนผ่านสายตาตามแนวสวนยางที่รถวิ่งผ่าน ฉันเผลอคิดว่าเป็นพ่อและแม่อยู่ร่ำไป

ถึงเตียงพ่อ วันนี้พยาบาลเอาลูกบอลลูนห้าลูกมาให้ฝึกหายใจเพื่อไม่ให้ถุงลมในปอดแฟบจากใส่ท่อไว้   หมอมาเปิดแผลที่เข่าขวา แผลลึก  เนื้อรอบๆแผลยังบวมอยู่  หมอบอกว่าต้องฉีดยา ทำแผลไปเรื่อยๆก่อนเพราะเป็นแผลสกปรก อดทนหน่อยนะลุง หมอบอกพ่อตอนปิดแผล พ่อพยักหน้ารับอย่างยอมจำนน  

แล้วพยาบาลก็มาถอดสายน้ำเกลือออกเหลือเพียงจุกเล็กๆไว้สำหรับฉีดยา

พ่อถูกส่งไปเอกซเรย์อีกครั้ง  หมอบอกว่าถ้าผลเอกซเรย์ที่ปอดออกมาดี  พ่อจะได้ถอดท่อแล้ว

ระหว่างที่เปลเข็นพ่อกลับ ฉันมองภาพพ่อที่นอนบนเปลอย่างสะเทือนใจและหวาดกลัวลึกๆว่าพ่อจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  พ่อจะมีโอกาสได้กรีดยาง ทำนาที่พ่อรักอีกหรือเปล่าพ่อจ๋า หรือถึงเวลาที่คนสองคนจะหยุดเดินวนเวียนในสวนยางและท้องทุ่งที่เงียบเหงาแล้วใช่ไหม แล้วพ่อจะทำใจยอมรับมันได้หรือเปล่า

แล้วหมอก็มาถอดท่อออกจากอกพ่อหลังจากดูฟิล์มแล้ว หมอบอกว่าปอดพ่อดีขึ้นมาก ตอนที่หมอดึงท่อออกหลังตัดไหมที่ยึดสายยางไว้ ฉันเห็นน้ำตาพ่อไหลเป็นทางยาวเหมือนแนวของสายยางนั่น ฉันจับมือพ่อไว้มั่น   รับรู้ความเจ็บของพ่อผ่านแรงบีบมือที่ส่งผ่านมา มือกร้านหนาที่เลี้ยงพวกเรามาอย่างลำบากยากเย็น  แม้ในวันเก่าก่อนฉันไม่เคยได้นึกถึงความเหนื่อยหนักของพ่อเลย  จนมาถึงวันนี้วันที่ฉันหวาดกลัวที่สุด ฉันได้แต่พร่ำสวดมนต์ในใจ  ประคองมือพ่อไว้ด้วยมือที่สั่นเทาของฉัน ขอให้เราเข้มแข็งผ่านวันร้ายให้ได้ด้วยกัน

หลังหมอเอาพลาสเตอร์หนาปิดแผลหลังถอดท่อออกแล้ว พ่อดูสดชื่นขึ้น หายใจได้โล่งขึ้น ฉันบอกให้พ่อหายใจลึกๆและดื่มน้ำมากๆเพื่อละลายเสมหะที่ยังมีอยู่  เย็นวันนี้ พ่อลุกมานั่งข้างเตียงได้แล้ว

คนไข้ข้างเตียงหลายคนเริ่มมองมาและยิ้มให้ รู้ว่าคืนนี้ ฉันจะเป็นลูกคนเดียวของคนไข้เตียงนี้ที่ได้นั่งอยู่กับพ่อตลอดทั้งคืนจนกว่าพ่อจะดีขึ้น เขาคงได้ยินเสียงสวดมนต์ในม่านของเตียงนี้ หลังได้ยินพยาบาลถามฉันว่าจะเฝ้าทุกคืนเลยหรือพี่ ไหวไหม  ฉันยิ้มรับและพยักหน้า  ฉันเอาของเยี่ยมที่ญาติๆเอามาฝากยื่นไปให้คนไข้หลายคนข้างเตียง  ให้กำลังใจให้เขาผ่านคืนวันร้ายของชีวิตให้ได้     แม้ฉันจะยังไม่รู้ว่าพ่อจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่การได้ทำเพื่อคนอื่นก็ทำให้ฉันรู้สึกดีและมีความหวัง

ขอให้คืนนี้ของคนทุกข์อย่างพวกเราทุกคนผ่านไป ให้พ่อหายและคลายทุกข์และความเจ็บปวดลงหลังหลับตา แม้ฟ้าจะมืดมิดและหัวใจของเราจะเต้นอย่างอ่อนล้า แต่พรุ่งนี้ฉันรู้ว่าพ่อจะลืมตามาแล้วยิ้มให้ฉันเหมือนเดิมในตอนเช้า

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอหอบกระเป๋าใบใหญ่มาวางตรงหน้า นอนที่ไหนดี ฉันรำพึง เอาอย่างนี้ ไปนอนวัดกับน้องชายเพื่อนพี่ดีกว่า หลังส่งเธอเข้าวัดแล้วนัดแนะกันว่ารุ่งเช้า เราจะไปหาเพื่อนของฉันที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง เราลงไปนั่งในเรือลำเล็ก เป็นเรือเครื่องมีคนนั่งในเรือเพียงสองสามคน ตอนนั้นการนั่งเรือเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปที่เกาะได้ เรือทะยานพุ่งในทะเลสาบสีครามเข้ม เธอและฉันตื่นเต้นมาก เป็นการลงเรือครั้งแรกของเรา แผ่นน้ำวิ่งผ่านหน้าเราไป ละอองน้ำเย็นเยือกกระเซ็นมาถูกเนื้อตัว หัวใจเราเต้นแรงแข่งกับเสียงเครื่องเรือ
มาลำ
ฉันอายุสิบแปดปีในตอนที่เธอยังเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบห้าใส่ชุดนักเรียนเทคนิค แบกกีต้าร์เดินผ่านบ้านพักของฉันและเพื่อนที่ฝึกงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ร่างผอมสูงของเธอปรากฎให้เห็นในตอนเช้า ก่อนพลบค่ำเธอกลับมาพร้อมกีต้าร์ตัวเดิม มีคนบอกฉันว่า เธอเป็นลูกชายหนึ่งในสองคนของป้าผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งทำงานในห้องแลปของโรงพยาบาล เราได้แต่มองกันไปมาแล้วเงียบ วันคืนผ่านไป จนค่ำวันหนึ่งเธอส่งยิ้มมา ฉันทักเธอว่า ตกลงเป็นนักเรียนหรือนักร้อง เธอยิ้มหวานแล้วตอบเบาๆว่า ทั้งสองอย่างครับ
มาลำ
ฉันไม่นึกว่า พ่อจะมาเยี่ยมฉันจริงๆ หลังจากการป่วยยาวนาน แม้ฉันรับปากพ่อไว้ว่า ฉันจะกลับไปหาที่บ้านของเรา แต่ฉันใช้วันลาพักผ่อนทั้งปีหมดไปแล้ว ฉันไม่ได้กลับไปหาพ่ออีกเลย ฉันกับพ่อส่งข่าวกันผ่านสายโทรศัพท์ เราคุยกันทุกวันแม้ไม่เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียงพ่อฉันรู้สึกดีมากแล้ว พ่อดั้นด้นมาหาฉันถึงบ้าน พ่อเดินลงจากรถ ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของฉัน หัวใจฉันเต้นรัวด้วยความดีใจ เราต่างโผเข้ามากอดกัน พ่อหอมหน้าผากฉันเหมือนเก่า ฉันถามพ่อว่า พ่อหายดีแล้วใช่ไหม ไม่น่าเชื่อเลย พ่อหายดีแล้วจริงๆ ตาขวาของพ่อปิดเองได้แล้ว เข่าขวาก็เป็นปกติ พ่อเดินได้เองไม่ต้องใช้อะไรช่วย ไม่ต้องพยุง…
มาลำ
วันนี้แล้วที่ฉันต้องจากพ่อไป ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ กว่าเราจะได้พบกัน ความเป็นห่วงพ่อยังอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจฉัน ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปแล้ว เช้านี้ฉันเดินอยู่บนเส้นทางเดิมของโรงพยาบาล จากประตูห้องพ่อ เดินตรงไป ถึงบันได ลงไปชั้นล่างสุด เลี้ยวขวาถึงร้านกาแฟร้านแรก ฉันซื้อกาแฟสดหนึ่งถ้วย เดินออกมาจากร้านแล้วไปร้านขายตั๋วรถที่อยู่ทางขวามือ ตรงข้ามกับร้านกาแฟ เป็นร้านเดียวในโรงพยาบาลที่ขายตั๋วเดินทางทั้งรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน คนขายถามฉัน เดินทางวันไหน ฉันตอบแล้วใจหาย พ่อนั่งมองฉันเก็บข้าวของสองสามอย่างใส่กระเป๋า อย่าลืมอะไรไว้นะลูก เก็บของให้หมดไม่ต้องรีบร้อนหรอก เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่ารถจะออก
มาลำ
หากมีใครนั่งมองความเคลื่อนไหวของฉัน เขาคงมองเห็นภาพที่ฉันเดินเข้าออกในโรงพยาบาลช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตอนเช้ากลับไปอาบน้ำ นอนพักที่บ้านพักน้องชาย ตอนเที่ยงขึ้นรถมาโรงพยาบาล ลงจากรถก็เดินไปโรงอาหาร แวะร้านหนังสือร้านเดียวที่แอบอยู่ในซอกด้านซ้ายมือของโรงอาหาร หยิบหนังสือรายสัปดาห์มาหนึ่งเล่ม จ่ายเงินแล้วเดินเลยมาซื้อน้ำเต้าหู้ อาหารเจเจ้าประจำ ผลไม้และขนมหวานที่พ่อชอบเจ้าเดิม แวะซื้อกาแฟสดและขนมปังแผ่นที่มีอยู่ร้านเดียวของชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปผ่านหน้าห้องยา ร้านขายกาแฟเย็นและน้ำอัดลม ถึงประตูตึก ผ่านเตียงที่พ่อเคยนอนหน้าเคาน์เตอร์…
มาลำ
ดึกแล้ว พ่อนอนหลับสนิทในม่านสีเขียว หายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ ฉันลืมตา เงยหน้าจากข้างเตียงที่ฟุบลงไป ห่มผ้าให้พ่อแล้วลุกไปล้างหน้า กลับมานั่งอยู่ในม่าน  นั่งมองพ่อหลับ นานมากแล้วที่เราไม่เคยได้อยู่ด้วยกันยาวนานอย่างนี้ตาข้างขวาของพ่อยังไม่ปิดลง มันเปิดอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น เมื่อฉันก้มลงไปมองใกล้ๆ พบว่าในตาของพ่อมีฉันอยู่ในนั้น  ฉันนึกภาวนาให้มันปิดลงเป็นปกติ ฉันอยากให้พ่อเป็นเหมือนเดิม เป็นพ่อคนเดิมของฉัน
มาลำ
พ่อหลับอยู่อย่างนั้นทั้งคืน มีเพียงเสียงหายใจและเสียงพลิกตัวเท่านั้นบอกเราว่า พ่อยังหลับอยู่ พ่อไม่ได้พูดอะไรที่ฉันฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว พ่อหลับเงียบแน่นิ่ง ถึงกระนั้นฉันก็นั่งเฝ้าพ่อแบบตาไม่กระพริบ พ่อหลับโดยที่มีฉันนั่งจ้องพ่ออยู่อย่างนั้น นอกเหนือจากการเช็ดตัวให้พ่อ ดูยาที่หยดลงในสายน้ำเกลือ วัดความดันเลือดแล้ว ฉันไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก นอกจากจ้องมองพ่อ   บางเวลาที่ดึกมากๆ ฉันง่วงมาก เผลอหลับฟุบลงบนเตียงพ่อ ข้างๆ มือที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง  ฉันหลับอยู่ในท่านั้นจนสะดุ้งตื่น ทันที่ที่รู้สึกตัว ฉันลนลานจ้องมองพ่อ ดูที่หน้าอกพ่อว่าขยับเคลื่อนไหวหายใจอยู่หรือเปล่า…
มาลำ
พ่อเพ้อทั้งคืนจนฉันตกใจ ทั้งเป็นประโยคยาวๆ บางคราวเหมือนพึมพำอยู่ในลำคอ หลายครั้งฉันเผลอตอบเพราะนึกว่าพ่อพูดกับฉัน แต่เปล่า พ่อกลับหลับต่อหลังจากที่ฉันส่งเสียงตอบ หลายคำที่พ่อเพ้อ ฟังเหมือนเรียกชื่อใครหลายคน เวลาที่พยาบาลมาวัดความดัน ฉีดยา พ่อลืมตามาดูเหมือนพ่อตื่น แต่พอฉันถาม พ่อกลับหลับตาต่อเหมือนยังไม่ตื่นเช้าแล้ว แม่มาถึงข้างเตียงพร้อมข้าวต้มเช่นเคย หลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูเตียงนอนใหม่ พ่อหลับสนิท แม่ถามฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฉันสบตาแม่แล้วบอกว่าความดันเลือดยังต่ำอยู่ต้องให้ยาเพิ่มความดันต่อ อย่างอื่นก็ดูดีนะ พ่อหายใจปกติและไม่มีไข้ มีอย่างเดียวที่น่าตกใจก็คือพ่อเพ้อทั้งคืน…
มาลำ
เสียงแม่ร่ำไห้ผ่านมาตามสายโทรศัพท์  หลังจากฉันกลับมาทำงานได้เจ็ดวัน  แม่ระล่ำระลักบอกฉันว่า พ่อแย่แน่ๆ คราวนี้ พ่ออาการหนักกว่าเดิมแล้วลูกเอ๋ย คราวนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ช่วยพ่อด้วยนะลูกฉันเอาเสื้อผ้าสองสามชุดใส่กระเป๋าใบเดิมที่ยังไม่ได้ซัก หลังกลับมาคราวที่แล้ว  ของใช้บางอย่างยังไม่ได้รื้อออกมาด้วยซ้ำ  แต่ฉันต้องไป หลังได้ยินเสียงแม่ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย หูฉันมีแต่เสียงร้องไห้ของแม่ ตาของฉันเห็นแต่ภาพพ่อ ฉันลาพักผ่อนฉุกเฉินอีกครั้ง แม้ต้องรบกวนฝากเวรใครต่อใครหลายคน ทุกคนเต็มอกเต็มใจช่วยเหลือฉัน เพราะถ้อยคำที่ฉันเอ่ยปากบอก  ฉันต้องกลับไปหาพ่อ …
มาลำ
ทันทีที่พ่อลุกเดินได้ หมออนุญาตให้พ่อเข้าพักในห้องพิเศษได้แล้ว หลังจากที่ขนของใช้ต่างๆ ของพ่อเข้าห้อง ฉันพยุงพ่อลงนั่งรถเข็น แล้วเวรเปลเข็นพ่อเข้าห้อง รอยช้ำรอบตาพ่อเริ่มจางลง ตาขวาที่หมอเปิดดูในตอนเช้าของทุกวันยังเหมือนเดิม ยังเปิดอยู่ตลอดเวลาเข่าขวาของพ่อยังงอไม่ได้และแผลลึก ยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวันเพื่อทำแผลและฉีดยา ฉันช่วยพ่อออกกำลังขา โดยยกขาขวาขึ้นสูงและงอเข่า พ่อพยายามทำตามที่ฉันบอก แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บแผลมากขึ้น ฉันรู้ว่า พ่อคงอยากหายในเร็ววัน พ่อบ่นอยากกลับบ้าน และหงุดหงิดง่ายมากขึ้น  แม้พ่อพยายามข่มอารมณ์ก็ตาม  เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องอารมณ์พ่อกับหมอ หมอก็เพิ่มยาให้พ่อ…
มาลำ
ฉันตื่นนอนตอนเที่ยงวัน อากาศเมืองชายทะเลร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลท่วมตัว ลุกนั่งอย่างงงๆ อยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่านอนอยู่ที่บ้านพักน้องชาย  หลังอาบน้ำและกินข้าว ฉันนั่งรอให้น้องชายมารับไปหาพ่อระหว่างทางนั่งรถไปโรงพยาบาลผ่านสวนยางเป็นแถวยาวสีเขียวเข้มต้นยางเรียงรายผ่านหน้าฉัน  เป็นแถวตรงตลอดเป็นแนวทั้งสองข้างทาง  แม้ว่าฉันจะห่างบ้าน ห่างพ่อไปนานแสนนาน  แต่ป่าสีเขียวที่ยืนตรงเหมือนแถวของทหารที่ฉันเคยคุ้น ฉันได้กลิ่นยางโชยมาตามลมที่พัดผ่าน  ภาพพ่อกับแม่ช่วยกันถางไร่ที่ดิบทึบด้วยต้นไม้ กว่าจะล้มต้นไม้ลงแต่ละต้นจนหมดไร่ แล้วขุดหลุมขนาดสองฟุตกว้างยาวและลึกเท่ากัน …