Skip to main content

เพราะว่าในนามของความถูกต้อง จะทำผิดอย่างไรก็ได้ ดังนั้นม็อบพันธมิตร ฯ จึงพากันทำผิดร้อยแปดพันเก้าประการ การกระทำทั้งร้อยแปดพันเก้าประการนั้นแม้จะเลวร้ายอย่างไรก็ไม่สำคัญนักเพราะถูกฉาบเคลือบไว้ในนามของความถูกต้อง


เช่นนี้เองที่เป็นเหตุนำไปสู่คือปัญหาความขัดแย้งยุ่งเหยิงและความรุนแรงในทุก ๆ ทาง


การหลบอยู่หลังวาทกรรมประเภท “กู้ชาติ” “พิทักษ์สถาบัน” ฯลฯ การหลงว่าตนเองหรือกลุ่มตนเองเป็นฝ่ายถูก เป็นฝ่ายจงรักภักดี รักชาติ ทำถูกกฏหมาย ตีตราฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายผิด ขายชาติ ไม่จงรักภักดี ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม เลว ดังนั้นในนามของความถูกต้อง จำเป็นต้องกำจัดให้หายไปไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม


อันที่จริงถ้าสังคมมีวุฒิภาวะมากกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าผู้คนในสังคมไม่มืดบอด ถ้าชนชั้นนำไม่ยึดติดกับอดีตเก่า ๆ และรู้จักไตร่ตรอง การชี้ถูก ชี้ผิดในหลาย ๆ เรื่องไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ใครมาเอ่ยอ้างความถูกต้องเพื่อกระทำการผิด ๆ ได้


แม้บางประเด็นอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินลงไปว่าฝ่ายใดกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูก ฝ่ายใดกันแน่ที่ขายชาติ ไม่ขายชาติ ทำถูกหรือผิดกฏหมาย ฝ่ายใดกันแน่ที่ใช้สถาบันเบื้องสูงเป็นเครื่องมือกล่าวหาผู้อื่นแต่หลายเรื่องก็มีมาตรวัดที่บอกได้ไม่ยาก


เป็นต้นว่า การบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลเป็นแรมเดือนนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายอย่างชัดเจนโดยไม่มีอะไรแย้ง การบุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT นั้นก็ผิดกฏหมาย การพกพาอาวุธปืนในที่ชุมนุมก็ผิดกฏหมายแม้จะอ้างว่าป้องกันตัวก็ตาม หรือการทำร้ายผู้อื่นที่มีความคิดเห็นแตกต่างซึ่งเผอิญเฉียดเข้าไปใกล้ เหล่านี้เป็นความผิดทนโท่ที่ไม่ต้องตีความ


ความผิดอีกประเภทหนึ่งที่บางทีอาจไม่ผิดกฏหมาย แต่ขัดต่อหลักจริยธรรมทางการเมือง เช่น การปลุกปั่นให้ประชาชนขัดขวางหรือล้มล้างระบอบประชาธิปไตย การไม่เคารพผลการเลือกตั้งซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันของสังคมการเมือง การขาดขันติธรรมหรือความอดทนอดกลั้นต่อความคิดเห็นแตกต่าง การใส่ร้ายผู้อื่น


เหล่านี้แม้บางทีจะบอกยากขึ้นมาหน่อย แต่ก็พอจะรู้ได้ด้วยสามัญสำนึกธรรมดาว่ามีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด การแยกแยะด้วยการใช้สามัญสำนึกผสมกับสติปัญญาวิพากษ์วิจารณ์จะช่วยป้องกันไม่ให้ใครต่อใครกระทำการผิด ๆ ในนามของความถูกต้องได้


แต่ที่ผ่านว่าการกระทำทั้งหมดของเหล่าพันธมิตร ฯ ถูกลบล้างง่ายดายเมื่อผู้กระทำเอ่ยอ้างในนามของความถูกต้อง ความรักชาติ ในนามของการปกป้องสถาบัน ฯ ถึงแม้แกนนำอย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล จะพูดถึงการนำผ้าอนามัยเปื้อนประจำเดือนไปวางรอบฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หรือจะปิดถนนไม่สนใจขบวนเสด็จก็ตาม


----------------------------


จะว่าไป ก่อนจะเอ่ยอ้างในนามของความถูกต้องนั้น คนโดยทั่วไปต้องคิดแล้วคิดอีกว่า “กูถูก !” “มึงผิด !” จริงหรือเปล่า


คงต้องใช้ความใจกล้าหน้าด้านอย่างมากจริง ๆ ในการพิพากษาคนอื่นว่าไร้คุณธรรม จริยธรรม ขณะเดียวกันก็ยกหางตนเองว่าเหนือกว่า


แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทุกวัน บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่เดินสายเทศนาเรื่องคุณธรรม จริยธรรมในขณะที่มือถือสาก ผู้พิพากษาบางรายสามารถตัดสินให้คนอื่นผิดในเรื่องจริยธรรมได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจแต่ไม่เคยมองดูตัวเอง


คนกลางและนักวิชาการยกตัวเองเป็นเทวดาด้วยทีท่าเหนียม ๆ แล้วบอกให้สมานฉันท์หรือวิจารณ์ทั้งสองฝ่าย คนกลุ่มนี้ซึ่งมีอยู่เต็มไปหมด แม้จะไม่พูดตรง ๆ ว่า “กูถูก” “มึงผิด” แต่ความหมายก็ไม่ต่างกัน


มีคนอีกประเภทหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะซื่อ ๆ เซ่อ ๆ แต่กระทำการผิด ๆ ในนามของความถูกต้องเช่นเดียวกัน คนประเภทนี้คิดอย่างบริสุทธิ์ใจที่คิดจะสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้แก่เพื่อนมนุษย์แต่การณ์กลับออกมาตรงกันข้าม คนประเภทนี้คิดจะสร้างพระเจ้าแต่กลับได้ซาตาน


ในม็อบพันธมิตร ฯ เข้าใจว่ามีทั้งคนประเภทที่สับสนในการแยกถูกผิดดีชั่ว ทั้งคนที่คิดจะสร้างพระเจ้า ทั้งคนที่รู้ตัวว่าตนเองกำลังโกหกคำโต ทั้งคนประเภทอยากเอาชนะเพียงอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับบ้านเมือง แต่ทั้งหมดทั้งปวงล้วนเหมือนกันคือ กระทำการต่าง ๆ ในนามของความถูกต้องทั้งนั้น


---------------------------------


ในนามของการเรียกร้องให้อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร และฝ่ายเสื้อแดง เคารพกระบวนการยุติธรรม กลุ่มพันธมิตร ฯ ไม่ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม


ในนามของความรักชาติ กลุ่มพันธมิตร ฯ สามารถกล่าวหาคนอื่นว่า “ขายชาติ” ได้เต็มปากเต็มคำ แม้ว่าความรักชาติในกรณีเขาพระวิหาร ได้จุดประกายสงครามระหว่างประเทศขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นปัญหา


ในนามของตุลาการ ผู้พิพากษาสามารถบิดเบือน ตีขลุม มั่ว ใช้กฏหมายจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ยกเว้นสำหรับตนเอง


ในนามของศีลธรรม จะละเมิดศีลธรรมอย่างไรก็ได้ ในนามของพระเจ้า จะเล่นบทเป็นซาตานก็ได้ ในนามของการปกป้องสถาบันเบื้องสูง บางทีอาจเป็นการทำลายสถาบันฯ อย่างร้ายแรงก็ได้ ในนามของความถูกต้อง ทำผิดอะไรก็ได้.



บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ผมใส่เครื่องหมายไปยาลน้อยหลังคำว่า “ม็อบพันธมิตร ฯ” ด้วยละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าผู้อ่านแต่ละคนสามารถที่จะเลือกใส่คำต่อท้ายคำว่า “พันธมิตร” ลงไปได้ตามที่เห็นสมควร เพราะรู้สึกกระดากละอายเกินกว่าที่จะเรียกกลุ่มนี้ด้วยชื่อเต็ม ๆ ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ครั้งแล้ว ครั้งเล่าที่คนกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่ตรงกันข้ามกับคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” คือมีแต่ความใจแคบ เอาแต่ใจตนเอง ขาดความอดทนอดกลั้นทางการเมือง ความอดทนอดกลั้นทางการเมืองที่เป็นคุณลักษณะสำคัญของการอยู่ร่วมกัน (เพราะจะได้ไม่ต้องฆ่ากัน) นอกจากขาดความอดทนอดกลั้นแล้วกลุ่มพันธมิตร ฯ…
เมธัส บัวชุม
บทความที่แล้ว ผมเสนอว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “พันธมิตรประชาชนเพื่ออะไรก็ตามแต่” ไม่สามารถเรียกว่าด้วยคำหรูๆ เกินจริงอย่าง “อารยะขัดขืน” ได้ หากแต่ควรเรียกว่า “อารยะข่มขืน” น่าจะเหมาะกว่า และผมได้แปลคำว่า “อารยะข่มขืน” ว่าหมายถึงการ “ข่มขืนที่เนียนๆ” อันหมายถึงการละเมิดขืนใจทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมที่ดูเหมือนจะถูกกฎหมายและดูเหมือนจะมีอารยะ แต่ที่แท้แล้ว เลวร้ายไม่น้อยกว่าการใช้กำลังบังคับตรงๆ เพราะเป็นการใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมหรือกลวิธีที่แนบเนียนแยบคายในการเข้าไปมีสิทธิเหนือร่างกายและจิตใจของผู้อื่น ส่วนในระดับของสังคมการเมืองนั้น…
เมธัส บัวชุม
เพื่อให้เห็นภาพและเกิดความชัดเจน เป็นความเหมาะสมที่เราจะเทียบเคียงการทำรัฐประหารซึ่งทุกครั้งจะถูกอ้างในนามของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสามอย่าง (เขาพระวิหาร การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ปฏิญญาฟินแลนด์) เข้ากับการข่มขืน เพราะมันมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมาก ๆ ใช้เพียงสามัญสำนึกเราก็รู้ว่าการทำรัฐประหารและการข่มขืนคือการละเมิดเพิกถอนในสิทธิทุกด้านและทุก ๆ หลักการของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในร่างกาย จิตใจและสติปัญญาตลอดจนพฤติกรรมการแสดงออก สิ่งที่คนถูกข่มขืนได้สูญเสียไปคือคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ อันเป็นแก่นสาระของการมีชีวิตอยู่…
เมธัส บัวชุม
กล้องถ่ายรูป นอกจากจะเป็นเครื่องมือสำหรับเก็บภาพแล้วยังสามารถเป็นอาวุธไปได้พร้อมกัน  หลายคนที่สันหลังหวะและกำลังจะหวะจึงมักกลัวกล้องเพราะมันจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ฟ้องด้วยภาพ” ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าคำบรรยายเป็นไหน ๆ และในรายที่ความผิดปรากฏชัดแล้ว กล้องก็สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ “ประจานด้วยภาพ” ได้อีกด้วยนักการเมืองหรือดาราหรือกระทั่งคนธรรมดาเวลาทำผิดจึงมักจะหลบกล้อง เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ให้นักศึกษาอมนกเขาแลกเกรดก็พยายามเลี่ยงหลบกล้องโดยเอาปี๊บคลุมหัว หรือนักการเมืองบางรายลงทุนพรางตัวเพื่อไม่ให้กล้องจับภาพได้ขณะที่เข้าพบป๋าเป็นการส่วนตัว…
เมธัส บัวชุม
"ขี้กะโหล่ย" เป็นศัพท์วัยรุ่นทั่วไป สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้ มักจะมีความหมายเชิงลบ ทำนองว่าไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่อง นิสัยไม่ดี พฤติกรรมแย่ เป็นที่รังเกียจ ไม่ควรเข้าใกล้ อย่าไปคบหา ชอบเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น "ไอ้ลองมันขี้กะโหล่ย หน้าพระใจมาร กูไม่อยากสุงสิงกับมันหรอก" หรือ "ไอ้ลิ้มขี้กะโหล่ยโดนตำรวจจับไปเมื่อวานฐานปากดี"  หรือ "ม็อบพันธมารขี้กะโหล่ย หลอกขายเสื้อยามเผาแผ่นดิน" ฯลฯ
เมธัส บัวชุม
ปฏิวัติ 14 ตุลา 2516 ประชาชนรวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการทหาร ดึงอำนาจจากมือของเหล่าขุนนางข้าราชการมาเป็นของประชาชน ซึ่งในขณะนั้นบรรดาขุนนางข้าราชการแห่งระบอบอมาตยาธิปไตยครอบครองเป็นใหญ่ในเวทีการเมืองของสภาผู้แทนราษฎรอยู่  แต่ปัจจุบันกลับตาลปัตร เมื่อประชาชนร่วมแรงร่วมใจกับรัฐบาลประชาธิปไตยต่อสู้กับซากเดนแห่งระบอบอมาตยาธิปไตย ซึ่งกลายเป็นกลุ่มพลังนอกเวทีรัฐสภา เป็นกลุ่มเผด็จการนอกรัฐธรรมนูญที่ต้องการบ่อนเซาะทำลายความเข้มแข็งของระบอบรัฐสภาการขยับตัวเคลื่อนไหวของ “ระบอบเก่า” เพื่อหวนกลับมามีบทบาทในเวทีการเมือง ทำให้ประชาชนเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้าน…
เมธัส บัวชุม
อาการตบะแตกกับนักข่าว/คอลัมนิสต์ ของนายก ฯ สมัคร  สุนทรเวช เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่ใช่อะไรที่น่าตื่นเต้นตกใจแต่อย่างใด  แต่บรรดานักข่าวและผู้อยู่ในแวดวงออกอาการตระหนกตกใจราวกับสาวแรกรุ่นที่กำลังจะโดนข่มขืนเป็นครั้งแรก โดยไม่ตระหนักเลยว่า ที่ผ่านมานักข่าว/คอลัมนิสต์ กระทำการข่มขืนคนอื่นอยู่ตลอดเวลา หรือในทางกลับกันก็ถูกอำนาจที่เหนือกว่าข่มขืนหลายครั้ง การคุกคามข่มขืนสื่อมวลชนในยุคเผด็จการทหารครองเมือง เทียบไม่ได้แม้แต่นิดเดียวกับปัจจุบัน สื่อบางแขนงชิงข่มขืนตัวเองเสียก่อนที่จะถูกเผด็จการทหารที่นำโดยพลเอกสนธิ  บุณยรัตนกลิน จัดการข่มขืน (เราควรย้ำถึงชื่อของพลเอกสนธิ …
เมธัส บัวชุม
เครือผู้จัดการมีสื่ออยู่ในมือหลากหลายครบครัน ทั้งเคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุและเวบไซต์ อันทำให้การโฆษณาชวนเชื่อที่เหลวไหลของพวกเขาเป็นไปอย่างครอบคลุมกว้างขวาง เกิดประสิทธิภาพไม่น้อยพวกเขา (เครือผู้จัดการ) สถาปนาตัวเองตามแต่ใจต้องการโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาเลือกตั้งหรือแต่งตั้งด้วยบทบาทหลากหลายเหลือเชื่อคือเป็นตั้งแต่ “ยาม” ไปจนถึง “ผู้จัดการ”“ยาม” และ “ผู้จัดการ” นั้นอยู่กันคนละชนชั้นหรือพูดด้วยภาษาแบบหมอประเวศ วะสี ก็คืออยู่กันคนละ “ภาคส่วน” แต่บทบาทหน้าที่ทั้งหมดนี้พุ่งไปที่จุดประสงค์เดียวกันสำหรับ “ยาม” ภาพลักษณ์ที่ตายตัวคือเป็นคนระดับล่างของสังคม เป็นผู้ใช้แรงงานหรือใช้กำลัง…
เมธัส บัวชุม
เหตุการณ์ทางการเมืองช่วงก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อล้มรัฐบาลประชาธิปไตยกระทั่งถึงยุคเผด็จการคมช. ครองเมืองซึ่งได้สร้างเครื่องมือต่างๆ (รวมทั้งรัดทำมะนวยฉบับหัวคูน) เพื่อสืบทอดอำนาจและทำการถอนรากถอนโคนรากฐานอุดมการณ์ประชาธิปไตยนั้น มีอะไรที่น่าสนใจมากมายจนผมคิดว่าน่าจะมีนักเขียนมือดีสักคนนำเอาเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ บวกกับจินตนาการบรรเจิดมาผูกร้อยเข้าเป็นนวนิยายชั้นเยี่ยมได้สักหลายเรื่อง การเมืองช่วงก่อนและหลังรัฐประหารนั้น “เป็นนิยายยิ่งกว่านิยาย” เสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการกลับตาลปัตรกลายเป็น “ฮีโร่” อย่างช่วยไม่ได้ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ  ชินวัตร ความพ่ายแพ้ยกแรกของเผด็จการทหาร…
เมธัส บัวชุม
-1-ปกติแล้ว ผมจะไม่หยิบนิตยสาร “เนชั่นสุดสัปดาห์” ขึ้นมาเปิดดูเพราะไม่คิดว่ามีคอลัมน์อะไรที่ดึงดูดใจเพียงพอ นอกจากก่อนหน้านี้ที่พลิกเปิดไปดู “เรื่องสั้น” เพื่อตรวจดูว่าเรื่องสั้นของตัวเองได้รับการพิจารณาหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมหมดปัญญาและพลังที่จะเขียนเรื่องสั้นแล้ว  ดังนั้นเวลาหยุดดูที่แผงหนังสือผมเพียงแต่กวาดสายตาดูนิตยสารรายสัปดาห์ยี่ห้อนี้เพียงผ่าน ๆ เท่านั้นแต่ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ล่าสุดที่หน้าปกเป็นรูป “ธีรยุทธ  บุญมี” นักคิดวิธีสร้างข่าวให้ตนเองนั้นสะกดให้ต้องหยิบขึ้นมาเปิดดู ที่น่าสนใจไม่ใช่รูป “ธีรยุทธ  บุญมี” แต่เป็น “คำ” ที่พาดผ่านหน้าปกซึ่งเขียนว่า “ตุลาตอแหล ?” พาดหัว…
เมธัส บัวชุม
-1-การได้รับรู้ข้อมูลจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ตลอดจนเข้าไปข้องเกี่ยวกับวงการตำรวจ-ยาบ้าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับผม ไม่คิดฝันว่าชีวิตที่หมกมุ่นอยู่แต่กับหนังสือและการคิดประเด็นทางนามธรรมอะไรไปเรื่อยเปื่อยจะได้พบพานประสบการณ์ชีวิตอีกด้านหนึ่ง ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ผมก็เช่นเดียวกับหลาย ๆ คนที่มองเรื่องยาเสพติดด้วยสายตาวิตกกังวล แลเห็นมันเป็นปิศาจที่นำความเลวร้ายเดือดร้อนมาสู่ชีวิต เป็นเหมือนมะเร็งที่คอยบั่นทอนสภาพร่างกายและจิตใจของคนที่ตกเป็นเหยื่อ (มันชวนให้นึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณเสียจริง ๆ!) ต่างไปจากเมื่อก่อนที่มองเรื่องนี้อีกแบบหนึ่ง…
เมธัส บัวชุม
  หนุ่มคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าวันดีคืนดีเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาตอนประมาณตีสาม เพราะเพื่อนของหลานมาเคาะประตูเรียก"มีอะไร" เขาถาม"งานเข้า!" เพื่อนของหลานบอก ก่อนที่จะขยายความว่าหลานของเขาถูกจับยาบ้า ตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจแล้วเขารีบไปที่สถานีตำรวจทันที อกสั่นขวัญแขวนเพราะเป็นห่วงหลาน พบหลานนั่งก้มหน้า น้ำตาคลอ และถูกใส่กุญแจมือ"ไม่ทัน!" หลานบอกทันทีที่เจอหน้า เขาไม่แน่ใจว่าคำว่า "ไม่ทัน" ของหลานนั้นหมายถึงอะไร มันอาจหมายถึงว่า "หนีตำรวจไม่ทัน" หรืออาจหมายถึงว่า "ทิ้งยาบ้าที่ติดตัวอยู่ไม่ทัน" เขาถามหลานสองสามคำและถามตำรวจอีกสองสามคำ ได้ความว่าหลานมียาบ้าติดตัวอยู่ 20 เม็ด พร้อมกับเงิน 4 พันกว่าบาท…