Skip to main content
 

ผมชอบดูและเล่นฟุตบอลแม้ว่าจะเล่นไม่ดีเลยก็ตาม  มันเป็นความบันเทิงและกีฬาที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเหมือนเข้าฟิตเนส  แต่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผมไม่เคยชอบดูฟุตบอลไทยเลย อาจจะเปิดโทรทัศน์ไปเจอโดยบังเอิญ หยุดดูสักครึ่งนาที พอได้ยินเสียงพากย์ของนักพากย์กีฬาช่อง 7 ซึ่งไม่พากย์ไปตามเกมกีฬา หากแต่จ้องจะเข้าข้างทีมไทยท่าเดียวทำให้เสียอารมณ์จนต้องรีบเปลี่ยนช่อง

ยิ่งเมื่อได้เห็นภาพข่าวนักฟุตบอลไทย แสดงอาการกักขฬะมีเรื่องวิวาทกับนักเตะต่างชาติอยู่บ่อย ๆ ด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกสมน้ำหน้า รู้สึกสมน้ำหน้ามากขึ้นเมื่อนักพากย์กีฬา สื่อมวลชนไทยหรือผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงกีฬาช่วยกันปกป้องนักเตะของตัวเอง อันนำไปสู่การกระทำน่าละอายแบบเดิม ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า มันยิ่งช่วยตอกย้ำ อคติ ความเชื่อเกี่ยวกับฟุตบอลไทยกระทั่งอะไรที่เป็นแบบไทย ๆ ของผมเองให้หนักแน่นขึ้น

นอกจากไม่พิศมัยการดูฟุตบอลไทยแล้ว มากไปกว่านั้น  ทุกครั้งเลยก็ว่าได้ผมยังเชียร์ให้ทีมฟุตบอลคู่แข่งเอาชนะทีมไทยด้วยซ้ำไป ผมต้องการให้ทีมไทยแพ้ ผมจะรู้สึกดีมากเมื่อเห็นบรรดาคนที่เชียร์ทีมไทยแสดงอาการผิดหวัง

ผมมาพิเคราะห์ตนเองว่าเหตุใดจึงรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับทีมฟุตบอลไทย ไม่ว่าจะเปลี่ยนผู้เล่นหรือเปลี่ยนโค้ชไปกี่คนก็ตาม แน่นอนอคติส่วนตนที่เปลี่ยนแปลงได้ยากนั้นมีส่วน แต่คำอธิบายที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีกนิดก็คือ ผมไม่ใคร่จะรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นไทยหรือความเป็นชาติมากนัก  เวลาได้ยินเพลงชาติก็ไม่อยากยืนตรง รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้รักชาติทั้งที่ใจไม่ได้รักจึงเกิดปฏิกิริยาต่อต้านไปโดยปริยาย

เหตุที่ไม่ใคร่ภาคภูมิใจในความเป็นชาติ หรือความเป็นไทยก็เพราะรู้สึกว่าชาติไทยไม่ใช่ของผม ไม่รู้สึกมีส่วนร่วมในความรักชาติ หากแต่
"ชาติ" เป็นของกองทัพที่นายทหารระดับสูงแสดงออกถึงความรักชาติด้วยการยึดอำนาจอยู่บ่อย ๆ  สังเกตดูนะครับว่า หากนายทหารเกิดความรักชาติมากจนถึงระดับสูงสุดเมื่อไหร่ นายทหารก็จะออกมาทำรัฐประหารโดยไม่ต้องปรึกษาผมหรือคนแบบผมที่มีอยู่จำนวนมาก  ก็แล้วทำไมต้องปรึกษาคนธรรมดา ๆ ด้วยล่ะ ในเมื่อคนธรรมดา ๆ ไม่ได้เป็นเจ้าของชาติ

การทำรัฐประหารเป็นมาตรวัดระดับความรักชาติของทหาร  ในนามของความรักชาติสามารถจะทำอะไรก็ได้แม้แต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือฉีกรัฐธรรมนูญ รักชาติมากเท่าไหร่ก็ยิ่งย่ำยีต่อชาติมากเท่านั้น คนที่กระทำย่ำยีชาติส่วนใหญ่ก็อ้างว่าเป็นคนรักชาติทั้งนั้น ปากรักชาติในขณะที่เท้าเหยียบย่ำ

ในสมัยที่นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคพลังประชาชน หลายคนคงตกอกตกใจกับการแสดงความรักชาติของนายทหาร 3 เหล่าทัพ ที่พากันออกโทรทัศน์ตีสีหน้าซึ้งเศร้าแล้วบอกให้นายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชนลาออก นายทหารสามารถบอกให้นายกรัฐมนตรีลาออกได้ก็เพราะความรักชาติของนายทหารยิ่งใหญ่สูงส่งบริสุทธิ์กว่าความรักชาติของนักการเมืองและของนายกรัฐมนตรี

ดังนั้นเมื่อนักการเมืองหรือนายกรัฐมนตรีสั่งให้ทหารจัดการกลุ่มก่อการร้ายพันธมิตรที่ยึดสนามบิน  นายทหารสามารถทำเป็นหูทวนลม เพิกเฉยต่อคำสั่งของนักการเมืองได้แม้ว่าโดยตำแหน่งแล้วจะเป็นหัวหน้าก็ตาม

ความรักชาติที่มากมายมหาศาลทำให้นายทหารสถาปนาตนเองเป็นเจ้าของประเทศไปโดยปริยาย

นอกจากกองทัพแล้ว ชาตินี้ก็เป็นของคนดีมีศีลธรรมซึ่งโดยมากแล้ว ความดีและศีลธรรมมักจะมีอยู่ในตัวของข้าราชการระดับสูงมากกว่าชาวบ้านโดยทั่วไป อย่างเช่น คนดีมีศีลธรรมและสปิริตสูงเยี่ยมแบบนาย จรัล ภักดีธนากุล
  ผู้ซึ่งเป็นผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญโดยสามารถเอาตัวรอดในเรื่องคุณสมบัติตามเงื่อนไขข้อกฎหมาย ด้วยการบอกว่าการไปสอนพิเศษและรับตังค์ตามมหาวิทยาลัยของตนนั้นไม่ถือว่าเป็นลูกจ้าง

คนดีแบบนายจรัล  ภักดีธนากุล นั้นมีอยู่ไม่น้อยในสังคมไทย แต่โดยเปรียบเทียบแล้วกล่าวได้ว่าเป็นคนส่วนน้อยของประเทศ เพราะคนเหล่านี้มีความรักชาติในหัวใจเต็มล้น ดังนั้นจึงอ้างจริยธรรม ศีลธรรมไม่ขาดปาก ใครที่ติดตามข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์อยู่บ้างคงพบได้ไม่ยากว่าเวลานายจรัล ภักดีธนากุล ให้สัมภาษณ์สื่อ คำพูดที่หลุดปากออกมาบ่อย ๆ ก็คือคุณธรรม จริยธรรม

มันทำให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่านอกจากนายทหารแล้ว กลุ่มคนที่จะรักชาติได้ต้องเป็นกลุ่มคนที่มีคุณธรรม จริยธรรมและเป็นคุณธรรม จริยธรรมแบบเดียวกับนายจรัล ภักดีธนากุล เท่านั้น

อีกประการหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึก
"เอียน" ในเรื่องของความรักชาติก็คือ  การโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับความเลอเลิศประเสริฐศรีของชาติไทยจนเกินเหตุ ด้วยข้อความประเภทที่ว่า "คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก"

โฆษณาชวนเชื่อเรื่องความรักชาตินี้ไม่จำเป็นจะต้องมาจากหน่วยงานราชการเท่านั้น พวกพ่อค้าและคนชั้นกลางก็ชอบที่จะโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับชาติไทยด้วยเช่นกัน

ทั้งสองประการ คือข้อสรุปเบื้องต้นสำหรับการไม่ชอบดูและเชียร์ฟุตบอลไทยของผม บางคนก็เลยเอ่ยปากไล่ให้ผมลาออกจากการเป็นคนไทย
"ไม่รักชาติไทย ก็อย่ามาเป็นคนไทย" ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของพวกหัวล้าหลังที่บอกนักการเมืองพรรคพลังประชาชนว่า "ในเมื่อรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ดีแล้วลงเลือกตั้งทำไม"

ชาตินี้ไม่ได้เป็นของประชาชน แต่เป็นของคนบางกลุ่ม บางประเภท ใครอยากจะอ้างว่ารักชาติก็อ้างไป แต่ผมไม่รักด้วยหรอก.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ก่อนอื่นคงต้องขอยอมรับในความสามารถของชัย ราชวัตร ที่สามารถตรึงใจผู้อ่านคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันและดูเหมือนว่าสามารถสร้างแฟนการ์ตูนรุ่นใหม่ ๆ ได้ไม่น้อย ความน่าสนใจประการหนึ่งของการ์ตูนคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” อยู่ที่การสร้างบทสนทนาระหว่างตัวการ์ตูนเพียงไม่กี่ประโยค แต่สื่อความหมายได้มากมายเสียยิ่งกว่าบทความที่ยาวเต็มหน้ากระดาษชัย ราชวัตร ใช้วาจาสั้น ๆ ในการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือบางครั้งเป็นการกล่าวหาใส่ความเกินจริง โดยที่เขาตัวเขาเองไม่ต้องรับผลอันใดจากการกระทำของตนเอง ตัวอย่างเช่นไทยรัฐ, 26…
เมธัส บัวชุม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ชัย ราชวัตร แสดงความหยาบของตัวเองผ่านการ์ตูนชุด “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ ชัดเจนอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเมืองสมัยทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ชัย ราชวัตร เอาการเอางานอย่างมากในการใช้ตัวการ์ตูนโจมตีฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ บางครั้งเขาออกอาการก้าวร้าวผิดปกติเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองแหลมคม เป็นผลให้การ์ตูนของเขาแตกต่างจากการ์ตูนของคนอื่น ๆ คือเป็นการ์ตูนที่เด็ก ๆ อ่านไม่รู้เรื่องเพราะอ้างอิงกับข้อมูลและความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงความน่าสนใจของหนังสือการ์ตูนโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่การใช้ “ภาพ” เป็นตัวเล่าเรื่อง…
เมธัส บัวชุม
อาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อนโทรมาชวนผมไปฟังการสัมมนาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเนื่องในงานธรรมศาสตร์วิชาการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของการเมืองภาคประชาชนไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไป 2550” เพื่อนบอกว่ามีคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณจอน อึ๊งภากรณ์ คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นพ.เหวง โตจิราการ คุณรสนา โตสิตระกูลผมได้ยินรายชื่อแล้วรู้สึกสนใจโดยเฉพาะคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองคุณภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ผิดหวัง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่มาร่วมวงสัมมนาแต่อย่างใด คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นำเสนอการวิเคราะห์อย่างเป็นวิชาการ อย่างไรก็ตาม…
เมธัส บัวชุม
คงเป็นเพราะความเชี่ยวชาญส่วนตัวหรือเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายเรื่องยาเสพติดมาก่อน คุณเฉลิม อยู่บำรุง จึงนำเสนอนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งว่าจะจัดการเฉียบขาดต่อพ่อค้า (และแม่ค้า) ยาเสพติดโดยลงโทษรุนแรงคือประหารชีวิต อย่างไรก็ตามคุณเฉลิม อยู่บำรุงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้แทนในครั้งนั้น ดังนั้น นโยบายอันดุดันเรื่องนี้ของคุณเฉลิม  อยู่บำรุงจึงถูกพับเก็บไปการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นโยบายทางสังคมอย่างเรื่องยาเสพติดและเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ถูกชูขึ้นหาเสียงมากนัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลายโดยมากแล้วจะเน้นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ การสร้างความอยู่ดีกินดี…
เมธัส บัวชุม
การหวนกลับมาระบาดอย่างหนักของยาเสพติดในปัจจุบัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด และได้ผลของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อดีอันเป็นรูปธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือยาเสพติดได้ลดหายไปจากสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน-นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผม “คิดถึง” อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร การเอาจริงเอาจังกับปัญหายาเสพติดของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเดือดร้อนถูกจับกันถ้วนหน้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ซื้อและขายอย่างสะดวกสบายโดยที่รัฐบาลไม่มีปัญญาจะจัดการได้ ผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งบอกว่า เขาสามารถซื้อตำรวจได้ทั้งจังหวัด…
เมธัส บัวชุม
อาจารย์สมศักดิ์  เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นกลางบางกลุ่มที่เป็นพวก “สองไม่เอา” คือไม่เอาทั้ง “ทักษิณ” และ “ไม่เอารัฐประหาร” จนเป็นประเด็นถกเถียงน่าสนใจทางโลกไซเบอร์นักวิชาการบางคนพยายามที่จะไปให้พ้นจาก “สองไม่เอา” โดยพูดถึง “ทางเลือกที่สาม” แต่ที่สุดก็ไม่สามารถบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม” นั้นคืออะไร การพยายามค้นหาหรือสร้าง “ทางเลือกที่สาม” มีข้อดีในแง่ที่ว่าอาจช่วยเปิดจินตนาการทางการเมืองให้กว้างขึ้นแต่ก็นั่นแหละใครจะบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม”  เป็นอย่างไร  “ทางเลือกที่สาม” มีจริงหรือ ?เมื่อ “ทางเลือกที่สาม” ไม่มีอยู่จริง…
เมธัส บัวชุม
คุณสมัคร  สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดถึง “มือสกปรก” และ “มือที่มองไม่เห็น” ที่พยายามสอดเข้ามาจุ้นจ้านแทรกแซงการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวชบอกว่าเป็นมือที่อยู่ “นอกวงการเมือง” เป็นมือที่จะเข้ามาทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียงข้างมาก โดยมีความต้องการที่จะขัดขวางพรรคพลังประชาชนไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล“ไอ้มือสกปรกที่อยู่ข้างนอก ที่จะยื่นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลวนั้น ผมขอแถลงว่า เราต้องทำอย่างนี้ เพื่อรักษาเกียรติยศ เกียรติคุณของ กกต.ไม่ให้ท่านโดยอำนาจมืดมาบีบบังคับ มาทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นการเฉไฉ ทั้ง 4 พรรค เราได้ตกลงกันแล้วว่า เราจะดำเนินการตั้งรัฐบาล ซึ่งตั้งได้แน่นอน…
เมธัส บัวชุม
-1-ครั้งที่แล้ว ผมเขียนแสดงความคิดเห็นต่อบทความของศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งเขียนยกย่องว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความสง่างามออกมาสามเรื่องจนทำให้เหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ถึงเวลานี้ไม่ทราบว่าศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะยังเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีความสง่างามอยู่อีกหรือไม่เพราะหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อพรรคพลังประชาชนแล้ว เขาก็ออกอาการที่เรียกได้ว่า "ขี้แพ้ชวนตั้งพรรค"ด้วยแรงหนุนจากบุคคลบางกลุ่ม และองค์กรบางองค์กร ตลอดจนการได้รับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในกรุงเทพมหานครที่มีชัยเหนือพรรคพลังประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับสอง…
เมธัส บัวชุม
ผมรู้สึกประหลาดใจ คาดไม่ถึง เหลือเชื่อ รับไม่ได้ ต่อบทความของศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2550  ผมอ่านอย่างตั้งใจทีคำ ทีละประโยค  เมื่ออ่านจบแล้ว ได้แต่ส่ายหัว บ่นงึมงัมอยู่คนเดียวว่านิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เขียนอย่างที่เขียนไปแล้วได้อย่างไร เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า นิธิ  เอียวศรีวงศ์ ในวัยชรา ได้ทำลายตัวเองด้วยการเขียนบทความอันน่าสะอิดสะเอียนเพื่อชื่นชม คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างหน้ามืดตามัว เขาเขียนว่า“คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป (…
เมธัส บัวชุม
-1-เป็นที่รู้กันดีว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งมีคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม ผู้ซึ่งดูเหมือนจะชมชอบ “สถาบันทหาร” เป็นพิเศษเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นองค์กรที่กล่าวได้ว่าคลอดออกมาจาก “มดลูก” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทำการรัฐประหารปล้นชิงอำนาจมาจากประชาชน โดยมีพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้ซึ่งนอกจากชอบอ้างเรื่อง “ความมั่นคง” แล้วยังชอบอ้างเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” แต่ว่ากันว่าจดทะเบียนสมรสซ้อนอย่างน้อยสองครั้งเป็นอดีตประธาน  เป็นที่รู้กันดีว่าจุดประสงค์หลักของคมช.และ “บรรดาลูกๆ”  ทั้งหลายก็คือต้องการทำลายล้าง ถอนรากถอนโคน…
เมธัส บัวชุม
-1-การยึดอำนาจโดยกลุ่มทหาร ที่เรียกตัวเองด้วยชื่อที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับคนที่พบเห็นหรือศึกษาเกี่ยวกับการรัฐประหารมาบ้างว่า “คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (คปค.) ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นถือเป็นฝันร้ายยาวนานสำหรับสังคมการเมืองไทย และเชื่อว่าจะตามหลอกตามหลอนประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยไปตลอดคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเสียใหม่แต่ก็ยังฟังดูคุ้น ๆ อยู่ดีว่า “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) บัดนี้คำว่า “ความมั่นคง” ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในรูปของชื่อเรียกและนับจากนี้เป็นต้นไป วาทกรรม “ความมั่นคง”…
เมธัส บัวชุม
หนังสือที่มีชื่อโดนใจใครหลาย ๆ คนเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากคนที่เห็นด้วยและคนที่รับไม่ได้แน่นอนว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องถูกอกถูกใจที่มีคนมาช่วย "ด่า" รัฐธรรมนูญปี 2550เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่หัวหน้าพรรคฝีปากกล้าของพลังประชาชนเคยลั่นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า "รัฐธรรมนูญเฮงซวย"นักวิชาการน้อยใหญ่หลายคนเห็นตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องทำโพลล์ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นเฮงซวยจริง ๆ ทั้งนี้เพราะมันไม่ตอบโจทย์ที่กำลังเป็นปัญหาของสังคม ไม่ตอบคำถามของคนชั้นกลางที่อยากมีชีวิตมั่นคงภายใต้กระแสของโลกาภิวัฒน์ ทั้งยังไม่ช่วยให้คนระดับล่างมองเห็นอนาคตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าแต่รัฐธรรมนูญเฮงซวยฉบับปี 2550…