Skip to main content
ตื่นเช้าขึ้นมา หากไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องทำ ผมจะนั่งเขียนโน่น เขียนนี่พร้อม ๆ กับที่เข้าไปในบอร์ดประชาไท อ่านกระทู้ต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ มานานจนเกือบจะกลายเป็นกิจวัตร (ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์) แต่หลังเช้าไปแล้ว ผมก็ทำอย่างอื่น ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จึงไม่อาจติดตามความเคลื่อนไหวในบอร์ดประชาไทได้อีก ดังนั้นจึงได้อ่านเพียงบางกระทู้เท่านั้นและล้วนแล้วแต่เป็นการอ่านผ่านๆ ทั้งสิ้น


กระทู้ในบอร์ดประชาไทและบอร์ดอื่น ๆ มีไว้สำหรับอ่านผ่าน ๆ เร็ว ๆ-ผมคิดว่าอย่างนั้นโดยเฉพาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อยหรือเข้ามาหาข้อมูลโดยตรง หรือไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัวพอที่จะสนทนากันในบอร์ด


กล่าวสำหรับบอร์ดประชาไท กระทู้ไหลเร็วมาก ไม่มีการปักหมุดสำหรับกระทู้ที่น่าสนใจหรือกระทู้ที่มีการถกเถียงกว้างขวางซึ่งที่จริงแล้วผมเห็นด้วยกับการไม่ปักหมุด เพราะกระทู้ทุกกระทู้ควรได้รับการอ่าน(อย่างผ่าน ๆ เหมือน ๆ กัน)


บางกระทู้ในบอร์ดประชาไทสนุกดี บางกระทู้มีสาระ มีเพียงบางกระทู้เท่านั้นที่ออกไปทางน่ารำคาญ ยกตัวอย่างเช่นกระทู้ของ "gruff" ผมไม่รู้ว่าคุณ "gruff" "รับงาน" มาหรือเปล่าเพราะเอาจริงเอาจังเหลือเกินกับการเขียนบทวิเคราะห์ที่เฉียบคมและแยบคาย แต่อย่างไรก็ตาม "gruff" ก็มาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบอร์ดประชาไท มาแล้วก็ไม่อยากให้ไปไหน อยากให้เขียน บทวิเคราะห์ที่เฉียบคมและแยบคาย ไปเรื่อย ๆ ถ้าหากการเขียนบทวิเคราะห์จะทำให้ "gruff" สบายใจและมีความสุข


ผมชอบอ่านกระทู้ของ "เดฟ" (เดฟมีหลายคน ?) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนเข้าไปรุมถล่ม "เดฟ" พอหอมปากหอมคอ จะด้วยอะไรก็ยากอธิบาย กระทู้ของ "เดฟ" ได้รับความนิยมอยู่เสมอ(หรือว่า "เดฟ" ชอบล่อเป้า) เท่าที่อ่านคิดว่า "เดฟ" คงอายุยังน้อย (บางคนเรียกเกรียน) อาจเคยเอนเอียงไปทางเหลือง แต่ไม่ช้าไม่นานเมื่อได้รู้เช่นเห็นชาติของประชาธิปัตย์และลัทธิพันธมิตรแล้ว ผมเชื่อว่า "เดฟ" คงจะเป็นแดงที่มีคุณภาพ


ตัวอย่างกระทู้ล่อเป้าของ "เดฟ" ฉิบหายแล้ว เศรษฐกิจประเทศไทยฟื้นตัวเร็ว แต่คนเสื้อแดงบอกไม่ดี !!!

"คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเร็ว ภายในสิ้นปีนี้ ค่าจีดีพีจะกลับมาเป็นบวกอย่างแน่นอน โครงการไทยเข้มแข็งและเริ่มกดปุ่มโอนเงินล็อตแรกเข้า 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเกษตร กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มการศึกษา และกลุ่มสาธารณสุข แต่คนเสื้อแดงบอกไม่เอา ไม่ดี จะเอาทักษิณอย่างเดียว มันจะไปบอกว่าดีได้ไงในเมื่อ วินมอเตอร์ไซร์ , แทรกซี่ ตกเย็นแม่งเอาแต่แดกเหล้า เมาเช้าเมาเย็น ส่วนแม่ค้าก็รอเวลา หลวงพ่อปากแดงว่าจะให้เลขอะไร พอโดนแดกก็โทษรัฐบาล เรียกหาทักษิณ ตามระเบียบ หรือใครจะเถียงบ้าง !!!"

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=829389

 

กระทู้ของ "พิเภก" ก็เป็นอะไรที่ผมเคยชอบอ่าน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับเลย สำนวนภาษาของ "พิเภก" แสดงให้เห็นถึงชั่วโมงบินที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างชำนาญ ข้อมูลที่ดูคล้ายจะเป็นข้อมูลวงในก็ชวนให้ติดตาม แต่น่าเสียดายมากที่ "พิเภก" ทำลายตัวเองด้วยการไปหนุน "เนวิน ชิดชอบ" นักการเมืองที่ชื่อเสียงเลวร้ายและด่างพร้อยมากที่สุดคนหนึ่งของประวัติการเมืองไทย ไม่ใช่หนุนธรรมดาแต่ใช้วิชามารหลอกล่อชาวบอร์ดประชาไทจนตนเองไม่เหลือเครดิตและความน่าเชื่อถืออีกต่อไป น่าเสียดายมากจริง ๆ ที่คนมีความสามารถอย่าง "พิเภก" เลือกสิ่งที่ผิดทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันผิด


กระทู้ของ "ลูกชาวนาไทย" ผมก็อ่าน วิเคราะห์น่าสนใจดี เพียงแต่มักจะมองโลกและคนเสื้อแดงในแง่ดีถึงดีมาก ให้ความสำคัญกับคนระดับรากหญ้าอย่างมากไม่รู้มากเกินไปหรือเปล่า แน่นอนว่าคนเสื้อแดงอ่านแล้วมีกำลังใจ แต่ผมคิดว่าฝ่ายศักดินานั้น "เล่น" กับอำนาจมานาน คงไม่มีอะไรง่ายสำหรับการต่อสู้ของคนเสื้อแดง


กระทู้ของ"คนไร้แผ่นดิน" คอยย้ำเตือนพวกเราอยู่ทุกวันถึงการก่อการร้ายยึดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรซึ่งการดำเนินคดียังไม่คืบหน้าไปไหน

268 วันแล้ว ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ก่อการร้ายสากล ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ยังคงลอยนวล

"คดีก่อการร้ายสากล ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บุกยึดปิดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมินับเป็นการก่อการร้ายที่ร้ายแรง ระดับโลกที่ทำให้คนหลายแสนคน เดือดร้อนเกิดความเสียหาย หลายแสนล้านบาท ทำให้ประเทศไทย เสียโอกาสในด้านการลงทุนเสียรายได้จากการท่องเที่ยว และอีกมากมายทั้งๆที่ ผุ้ก่อการร้าย ก็ไม่หลบหนีไปไหนและรู้ตัวก่อการทุกตัวคน ว่าเป็นใครมีกฏหมายทั้งไทย และกฏหมายสากล รองรับแต่ทำไม ผู้ก่อการร้าย ยังคงลอยนวลอยู่ได้รึว่า ประเทศไทย ยกเว้นความผิดทุกชนิด สำหรับคนสวมเสื้อสีเหลือง"

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=829536

 

กระทู้ของ "thaitiger" ที่คอยตัดข่าว บทความ บทวิเคราะห์มาให้อ่านจากหนังสือพิมพ์ก็เป็นอะไรที่ต้องขอบคุณเพราะผมใช้บริการอยู่เสมอ


นอกจากนี้แล้วก็มีหลายคนเป็นขาประจำของบอร์ดประชาไท และผมเข้าไปอ่านกระทู้ของคนเหล่านี้อยู่เสมอ อาทิ เช่น "มังกรดำ" "ตาย่าน" "Bor-Gor" "fanny" "chiangraiplus" "ป้าปากเกร็ด" "410YALA" "ลุงอิ่นคำ" "บังสุกุล" "jimbo" "easyboy" "ลุงจุกคนเสื้อแดง" " White Hawk" "นิรนารี" และอีกหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ


ชาวบอร์ดประชาไทหลายคนมีความรู้ ความสามารถ วิวาทะวิสาสะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอให้รักกันไว้ มุ่งไปสู่เป้าหมายด้วยกัน สักวันเถอะ มันจะดีขึ้น.

 

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ผมใส่เครื่องหมายไปยาลน้อยหลังคำว่า “ม็อบพันธมิตร ฯ” ด้วยละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าผู้อ่านแต่ละคนสามารถที่จะเลือกใส่คำต่อท้ายคำว่า “พันธมิตร” ลงไปได้ตามที่เห็นสมควร เพราะรู้สึกกระดากละอายเกินกว่าที่จะเรียกกลุ่มนี้ด้วยชื่อเต็ม ๆ ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ครั้งแล้ว ครั้งเล่าที่คนกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่ตรงกันข้ามกับคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” คือมีแต่ความใจแคบ เอาแต่ใจตนเอง ขาดความอดทนอดกลั้นทางการเมือง ความอดทนอดกลั้นทางการเมืองที่เป็นคุณลักษณะสำคัญของการอยู่ร่วมกัน (เพราะจะได้ไม่ต้องฆ่ากัน) นอกจากขาดความอดทนอดกลั้นแล้วกลุ่มพันธมิตร ฯ…
เมธัส บัวชุม
บทความที่แล้ว ผมเสนอว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “พันธมิตรประชาชนเพื่ออะไรก็ตามแต่” ไม่สามารถเรียกว่าด้วยคำหรูๆ เกินจริงอย่าง “อารยะขัดขืน” ได้ หากแต่ควรเรียกว่า “อารยะข่มขืน” น่าจะเหมาะกว่า และผมได้แปลคำว่า “อารยะข่มขืน” ว่าหมายถึงการ “ข่มขืนที่เนียนๆ” อันหมายถึงการละเมิดขืนใจทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมที่ดูเหมือนจะถูกกฎหมายและดูเหมือนจะมีอารยะ แต่ที่แท้แล้ว เลวร้ายไม่น้อยกว่าการใช้กำลังบังคับตรงๆ เพราะเป็นการใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมหรือกลวิธีที่แนบเนียนแยบคายในการเข้าไปมีสิทธิเหนือร่างกายและจิตใจของผู้อื่น ส่วนในระดับของสังคมการเมืองนั้น…
เมธัส บัวชุม
เพื่อให้เห็นภาพและเกิดความชัดเจน เป็นความเหมาะสมที่เราจะเทียบเคียงการทำรัฐประหารซึ่งทุกครั้งจะถูกอ้างในนามของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสามอย่าง (เขาพระวิหาร การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ปฏิญญาฟินแลนด์) เข้ากับการข่มขืน เพราะมันมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมาก ๆ ใช้เพียงสามัญสำนึกเราก็รู้ว่าการทำรัฐประหารและการข่มขืนคือการละเมิดเพิกถอนในสิทธิทุกด้านและทุก ๆ หลักการของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในร่างกาย จิตใจและสติปัญญาตลอดจนพฤติกรรมการแสดงออก สิ่งที่คนถูกข่มขืนได้สูญเสียไปคือคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ อันเป็นแก่นสาระของการมีชีวิตอยู่…
เมธัส บัวชุม
กล้องถ่ายรูป นอกจากจะเป็นเครื่องมือสำหรับเก็บภาพแล้วยังสามารถเป็นอาวุธไปได้พร้อมกัน  หลายคนที่สันหลังหวะและกำลังจะหวะจึงมักกลัวกล้องเพราะมันจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ฟ้องด้วยภาพ” ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าคำบรรยายเป็นไหน ๆ และในรายที่ความผิดปรากฏชัดแล้ว กล้องก็สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ “ประจานด้วยภาพ” ได้อีกด้วยนักการเมืองหรือดาราหรือกระทั่งคนธรรมดาเวลาทำผิดจึงมักจะหลบกล้อง เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ให้นักศึกษาอมนกเขาแลกเกรดก็พยายามเลี่ยงหลบกล้องโดยเอาปี๊บคลุมหัว หรือนักการเมืองบางรายลงทุนพรางตัวเพื่อไม่ให้กล้องจับภาพได้ขณะที่เข้าพบป๋าเป็นการส่วนตัว…
เมธัส บัวชุม
"ขี้กะโหล่ย" เป็นศัพท์วัยรุ่นทั่วไป สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้ มักจะมีความหมายเชิงลบ ทำนองว่าไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่อง นิสัยไม่ดี พฤติกรรมแย่ เป็นที่รังเกียจ ไม่ควรเข้าใกล้ อย่าไปคบหา ชอบเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น "ไอ้ลองมันขี้กะโหล่ย หน้าพระใจมาร กูไม่อยากสุงสิงกับมันหรอก" หรือ "ไอ้ลิ้มขี้กะโหล่ยโดนตำรวจจับไปเมื่อวานฐานปากดี"  หรือ "ม็อบพันธมารขี้กะโหล่ย หลอกขายเสื้อยามเผาแผ่นดิน" ฯลฯ
เมธัส บัวชุม
ปฏิวัติ 14 ตุลา 2516 ประชาชนรวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการทหาร ดึงอำนาจจากมือของเหล่าขุนนางข้าราชการมาเป็นของประชาชน ซึ่งในขณะนั้นบรรดาขุนนางข้าราชการแห่งระบอบอมาตยาธิปไตยครอบครองเป็นใหญ่ในเวทีการเมืองของสภาผู้แทนราษฎรอยู่  แต่ปัจจุบันกลับตาลปัตร เมื่อประชาชนร่วมแรงร่วมใจกับรัฐบาลประชาธิปไตยต่อสู้กับซากเดนแห่งระบอบอมาตยาธิปไตย ซึ่งกลายเป็นกลุ่มพลังนอกเวทีรัฐสภา เป็นกลุ่มเผด็จการนอกรัฐธรรมนูญที่ต้องการบ่อนเซาะทำลายความเข้มแข็งของระบอบรัฐสภาการขยับตัวเคลื่อนไหวของ “ระบอบเก่า” เพื่อหวนกลับมามีบทบาทในเวทีการเมือง ทำให้ประชาชนเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้าน…
เมธัส บัวชุม
อาการตบะแตกกับนักข่าว/คอลัมนิสต์ ของนายก ฯ สมัคร  สุนทรเวช เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่ใช่อะไรที่น่าตื่นเต้นตกใจแต่อย่างใด  แต่บรรดานักข่าวและผู้อยู่ในแวดวงออกอาการตระหนกตกใจราวกับสาวแรกรุ่นที่กำลังจะโดนข่มขืนเป็นครั้งแรก โดยไม่ตระหนักเลยว่า ที่ผ่านมานักข่าว/คอลัมนิสต์ กระทำการข่มขืนคนอื่นอยู่ตลอดเวลา หรือในทางกลับกันก็ถูกอำนาจที่เหนือกว่าข่มขืนหลายครั้ง การคุกคามข่มขืนสื่อมวลชนในยุคเผด็จการทหารครองเมือง เทียบไม่ได้แม้แต่นิดเดียวกับปัจจุบัน สื่อบางแขนงชิงข่มขืนตัวเองเสียก่อนที่จะถูกเผด็จการทหารที่นำโดยพลเอกสนธิ  บุณยรัตนกลิน จัดการข่มขืน (เราควรย้ำถึงชื่อของพลเอกสนธิ …
เมธัส บัวชุม
เครือผู้จัดการมีสื่ออยู่ในมือหลากหลายครบครัน ทั้งเคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุและเวบไซต์ อันทำให้การโฆษณาชวนเชื่อที่เหลวไหลของพวกเขาเป็นไปอย่างครอบคลุมกว้างขวาง เกิดประสิทธิภาพไม่น้อยพวกเขา (เครือผู้จัดการ) สถาปนาตัวเองตามแต่ใจต้องการโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาเลือกตั้งหรือแต่งตั้งด้วยบทบาทหลากหลายเหลือเชื่อคือเป็นตั้งแต่ “ยาม” ไปจนถึง “ผู้จัดการ”“ยาม” และ “ผู้จัดการ” นั้นอยู่กันคนละชนชั้นหรือพูดด้วยภาษาแบบหมอประเวศ วะสี ก็คืออยู่กันคนละ “ภาคส่วน” แต่บทบาทหน้าที่ทั้งหมดนี้พุ่งไปที่จุดประสงค์เดียวกันสำหรับ “ยาม” ภาพลักษณ์ที่ตายตัวคือเป็นคนระดับล่างของสังคม เป็นผู้ใช้แรงงานหรือใช้กำลัง…
เมธัส บัวชุม
เหตุการณ์ทางการเมืองช่วงก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อล้มรัฐบาลประชาธิปไตยกระทั่งถึงยุคเผด็จการคมช. ครองเมืองซึ่งได้สร้างเครื่องมือต่างๆ (รวมทั้งรัดทำมะนวยฉบับหัวคูน) เพื่อสืบทอดอำนาจและทำการถอนรากถอนโคนรากฐานอุดมการณ์ประชาธิปไตยนั้น มีอะไรที่น่าสนใจมากมายจนผมคิดว่าน่าจะมีนักเขียนมือดีสักคนนำเอาเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ บวกกับจินตนาการบรรเจิดมาผูกร้อยเข้าเป็นนวนิยายชั้นเยี่ยมได้สักหลายเรื่อง การเมืองช่วงก่อนและหลังรัฐประหารนั้น “เป็นนิยายยิ่งกว่านิยาย” เสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการกลับตาลปัตรกลายเป็น “ฮีโร่” อย่างช่วยไม่ได้ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ  ชินวัตร ความพ่ายแพ้ยกแรกของเผด็จการทหาร…
เมธัส บัวชุม
-1-ปกติแล้ว ผมจะไม่หยิบนิตยสาร “เนชั่นสุดสัปดาห์” ขึ้นมาเปิดดูเพราะไม่คิดว่ามีคอลัมน์อะไรที่ดึงดูดใจเพียงพอ นอกจากก่อนหน้านี้ที่พลิกเปิดไปดู “เรื่องสั้น” เพื่อตรวจดูว่าเรื่องสั้นของตัวเองได้รับการพิจารณาหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมหมดปัญญาและพลังที่จะเขียนเรื่องสั้นแล้ว  ดังนั้นเวลาหยุดดูที่แผงหนังสือผมเพียงแต่กวาดสายตาดูนิตยสารรายสัปดาห์ยี่ห้อนี้เพียงผ่าน ๆ เท่านั้นแต่ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ล่าสุดที่หน้าปกเป็นรูป “ธีรยุทธ  บุญมี” นักคิดวิธีสร้างข่าวให้ตนเองนั้นสะกดให้ต้องหยิบขึ้นมาเปิดดู ที่น่าสนใจไม่ใช่รูป “ธีรยุทธ  บุญมี” แต่เป็น “คำ” ที่พาดผ่านหน้าปกซึ่งเขียนว่า “ตุลาตอแหล ?” พาดหัว…
เมธัส บัวชุม
-1-การได้รับรู้ข้อมูลจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ตลอดจนเข้าไปข้องเกี่ยวกับวงการตำรวจ-ยาบ้าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับผม ไม่คิดฝันว่าชีวิตที่หมกมุ่นอยู่แต่กับหนังสือและการคิดประเด็นทางนามธรรมอะไรไปเรื่อยเปื่อยจะได้พบพานประสบการณ์ชีวิตอีกด้านหนึ่ง ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ผมก็เช่นเดียวกับหลาย ๆ คนที่มองเรื่องยาเสพติดด้วยสายตาวิตกกังวล แลเห็นมันเป็นปิศาจที่นำความเลวร้ายเดือดร้อนมาสู่ชีวิต เป็นเหมือนมะเร็งที่คอยบั่นทอนสภาพร่างกายและจิตใจของคนที่ตกเป็นเหยื่อ (มันชวนให้นึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณเสียจริง ๆ!) ต่างไปจากเมื่อก่อนที่มองเรื่องนี้อีกแบบหนึ่ง…
เมธัส บัวชุม
  หนุ่มคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าวันดีคืนดีเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาตอนประมาณตีสาม เพราะเพื่อนของหลานมาเคาะประตูเรียก"มีอะไร" เขาถาม"งานเข้า!" เพื่อนของหลานบอก ก่อนที่จะขยายความว่าหลานของเขาถูกจับยาบ้า ตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจแล้วเขารีบไปที่สถานีตำรวจทันที อกสั่นขวัญแขวนเพราะเป็นห่วงหลาน พบหลานนั่งก้มหน้า น้ำตาคลอ และถูกใส่กุญแจมือ"ไม่ทัน!" หลานบอกทันทีที่เจอหน้า เขาไม่แน่ใจว่าคำว่า "ไม่ทัน" ของหลานนั้นหมายถึงอะไร มันอาจหมายถึงว่า "หนีตำรวจไม่ทัน" หรืออาจหมายถึงว่า "ทิ้งยาบ้าที่ติดตัวอยู่ไม่ทัน" เขาถามหลานสองสามคำและถามตำรวจอีกสองสามคำ ได้ความว่าหลานมียาบ้าติดตัวอยู่ 20 เม็ด พร้อมกับเงิน 4 พันกว่าบาท…