Skip to main content

คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่ประการใดที่เราได้เห็นปัญญาชนสยาม ปัญญาชนสาธารณะอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ไปออกโทรทัศน์ของทาง ASTV “รายการรู้ทันประเทศไทย” ที่มีเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการผู้หากินกับวาทกรรม “ชาวบ้าน” มายาวนาน งนี้เพราะหลายคนซึ้งแน่แก่ใจแล้วว่าบั้นปลายชีวิตของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้หลงตนนั้นโน้มเอียงไปทางเผด็จการ หรือไปทางศักดินามากเสียยิ่งกว่าจะยืนข้างชาวบ้านอย่างที่เขาพร่ำพูดถึงเสมอ


แม้ไม่เป็นเรื่องน่าประหลาด แต่ก็น่าเศร้าใจ อดเสียดายไม่ได้ที่การเลือกข้างของปัญญาชนสยามรายนี้เป็นการทำลายคุณค่าของตนเอง ตอกย้ำให้เห็นถึงจริตจะก้านแบบศักดินาที่ถึงที่สุดแล้วก็ไม่มีทางจะเข้าใจและเห็นค่าของชาวบ้านอย่างตาสีตาสา คนแบบสุลักษณ์ ศิวรักษ์ มองเห็น “ชาวบ้าน” ในแบบที่เขาต้องการเห็นเท่านั้น


ชาวบ้าน” ในแบบของปัญญาชนศักดินาอย่างสุลักษ์ ศิวรักษ์ นั้น เป็นชาวบ้านบริสุทธิ์ ที่ต่อสู้กับทุนนิยมซึ่งรุกรานเข้ามาทำลายวัฒนธรรมอันดีงามเมื่อครั้งอดีต เป็นชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการซื้อเสียง มีคุณธรรม แต่อาจไม่ทันเล่ห์นักการเมือง ช่วยกันปกปักรักษาสิ่งแวดล้อม อยู่กับธรรมชาติ เป็นราษฎรที่ดีภายใต้พระบรมโพธิสมภาร

คนแบบสุลักษณ์ ศิวรักษ์จะไม่มีวันรู้จัก “ชาวบ้าน” ที่มีเลือดมีเนื้ออย่างแท้จริงได้เลย ไม่มีทางเข้าใจว่าทำไมชาวบ้านจึงผูกพันและสนับสนุนอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตรเสียเหลือเกินทั้งที่ชั่วช้าเลวทรามออกอย่างนั้นในสายตาของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (เขาอาจบอกว่าชาวบ้านถูกมอมเมา) ถ้าหากสุลักษณ์ ศิวรักษ์จะเข้าใจชาวบ้านจริง ๆ แล้วเขาคงยอมรับเสียงข้างมาก เลิกเห็นตนดีกว่าคนอื่น คัดค้านการรัฐประหารที่ทำลาย “เสียง” อันถือเป็นพลังอำนาจทางการเมืองของชาวบ้าน


ดังนั้นไม่ว่าจะแปลงรูป เปลี่ยนโฉมเป็นนักวิชาการฝั่งชาวบ้าน, นักการเมืองผู้จงรักภักดีหรือเอ็นจีโอผู้คัดค้านทุนนิยม พวกกากเดนศักดินาเหล่านี้ก็ยังเห็นว่า “ชาวบ้าน” ก็คือ “ชาวบ้าน” และไพร่ก็คือไพร่อยู่วันยังค่ำ


อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่อยากจะเขียนถึงในที่นี้ไม่ใช่เรื่อง “ชาวบ้าน” หากแต่เป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องมาจากการที่สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ไปออกรายการ “รู้ทันประเทศไทย” ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทองเพื่อพูดจากทับถมหลังจากความตายของอดีตนายกฯ สมัคร สุนทรเวช


หากจะบอกว่าสุลักษณ์ ศิวรักษ์ พูดจาทับถมคนตายก็คงไม่ผิดนัก สมควรหรือไม่ที่สุลักษณ์ ศิวรักษ์พูดประโยคเหล่านี้ออกมาหลังจากที่คนตายเพิ่งตายไม่นาน


ในเมื่อเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว ตนจะพูดด้วยความเมตตา สงสาร หวังว่านายสมัคร คงจะไม่ลงไปสู่นรก เลยในทันที เพราะนายสมัคร เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก จนทำให้ปราศจากความอ่อนน้อมถ่อมตน ถือว่าอันตรายเหมือนกันหากไม่มีความอ่อนน้อม เพราะความอ่อนน้อมจะไปช่วยลดอัตตา และมักจะดูถูกคนอื่น ว่า โง่กว่าตน ทั้งที่ตัวเองเป็นคนโง่ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียใจ นายสมัคร เชื่อว่า วิธีหนีความจริง จะทำให้เขาเคลื่อนย้ายสถานะทางสังคมได้ และเป็นที่น่าเศร้าใจ สังคมไทยเองก็ เน่าเฟะ จนนายสมัคร สามารถเคลื่อนย้ายสถานะทางสังคม ได้เรื่อยๆ ด้วยความปลิ้นป้อน ด้วยวาจาอันเป็นอาสัตย์อาธรรม หลอกตัวเอง และหลอกคนอื่น...นายสมัครควบคุมอารมณ์ ไม่อยู่เลยแสดงความถ่อยออกมาเยอะ”

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000142862


คำพูดของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นั้นรายกาจมากเสียจนอาจทำให้ตนเองตกนรกได้ เขาไม่ได้คำนึงเลยว่าญาติพี่น้องของผู้ตายกำลังอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของผู้เป็นที่รัก ไม่ได้คิดเลยว่าประชาชนจำนวนมากอาลัยและสะเทือนใจต่อความตายในครั้งนี้ คำพูดในเชิงทับถม กระทั่งตัดสินพิพากษาผู้ที่ตายไปแล้วราวกับตนเองเป็นยมบาลนั้นเป็นสิ่งไม่เหมาะไม่ควรเลยแม้แต่น้อย


หลายครั้งที่เราได้เห็นสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ทำตัวเป็นผู้พิพากษา ตัดสินผิดถูกของคนอื่นไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า บางครั้งเขาทำตัวเป็นสังฆราชเที่ยวสั่งสอนพระรูปอื่นๆ เพราะหลงคิดว่าตนเองเชี่ยวชาญในเรื่องพุทธศาสนา ยิ่งอาการหนักมากขึ้นเมื่อเขาหันไปจับมือกับฝ่ายศักดินาทุนสามานย์ต่อต้าน “ชาวบ้าน”


แต่ก่อนเคยชื่นชมสุลักษณ์ ศิวรักษ์ มาก เฝ้าตาม เฝ้าอ่าน คิดไปว่าสังคมไทยควรจะมีคนที่กล้าหาญ กล้าพูดแบบสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เยอะ ๆ แต่ตอนนี้ไม่คิดเช่นนั้นอีกแล้ว ศาสดาผู้หลงตนอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ไม่สามารถเป็นอะไรได้มากกว่าศักดินาที่บูชาตนเองเท่านั้น

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ผมเฝ้ารอคอยดูผลสำเร็จ (หรือไม่สำเร็จ) ของนโยบาย "5 รั้ว" ซึ่งเป็นนโยบายทางด้านยาเสพติดของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด ทำให้ยาเสพติดลดลงได้จริงหรือไม่ "5 รั้ว" ที่ว่าคือ รั้วชายแดน รั้วชุมชน รั้วสังคม รั้วโรงเรียน และรั้วครอบครัว ทั้ง "5 รั้ว" จะช่วยเป็นเกราะป้องกันต้านทานการทะลักเข้ามาของยาเสพติด พร้อมไปกับการปราบปรามอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม
เมธัส บัวชุม
ผมเคยตั้งข้อสังเกตไปแล้วว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีความสามารถในการทำให้การเมืองกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นมีแต่ถ้อยคำลวงโลกว่างเปล่า รัฐมนตรีทำงานแบบขอไปที เอาตัวรอดไปวัน ๆ ทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจง่าย ๆ และรับปากว่าจะดำเนินการ ทาสีให้พรรคพวกที่ทำผิดกฏหมายกลายเป็นบริสุทธิ์ นโยบายไม่มีอะไรใหญ่และไม่มีอะไรใหม่ ฯลฯ ขณะเดียวกันคนเสื้อแดงก็ฝ่อลง เหมือนหมดมุกจะเล่น เหมือนหมดทางจะไปต่อ เหมือนยอมรับสภาพ
เมธัส บัวชุม
บางครั้งผมถามตัวเองว่าทำไมรู้สึกแย่ถึงขั้นขยะแขยงทุกครั้งที่เห็นหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางจอโทรทัศน์ บางทีฝืนใจดูเพราะอยากรู้ว่านายกรัฐมนตรีคนนี้จะพูดอะไรแต่ก็ต้องเปลี่ยนช่องทันทีที่ได้ฟังประโยคแรก เพราะเพียง "อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่" ผมได้คำตอบเบื้องต้นว่าเหตุที่ไม่ชอบนายกรัฐมนตรีคนนี้อย่างรุนแรงนั้นมีหลายสาเหตุ เป็นต้นว่าการไม่เป็นสุภาพบุรุษ (แพ้ก็ไม่ยอมรับว่าแพ้) ชอบเล่นนอกกติกา (บอยคอตเลือกตั้ง) ขาดความเป็นผู้นำ (ตัดสินใจอะไรไม่ได้) พูดจ้าอ้อมค้อมวกวน (ตอบไม่ได้เรื่องหนีทหาร) เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น (โทษคนอื่นตลอด) ทำหน้าซึ้งๆ เศร้าๆ (คิดว่าตนเองเป็นนางเอก) ท่าดีทีเหลว (…
เมธัส บัวชุม
หากให้ลองเอ่ยชื่อปัญญาชนที่เป็นเสาหลักของสังคมไทย แน่นอนต้องมี ส.ศิวรักษ์ รวมอยู่ด้วย จากผลงานมากมายและหลากหลายในอดีตคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธคุณูปการของ ส. ศิวรักษ์ ที่มีต่อสังคมไทยไปได้ ย้อนหลังไปก่อนการเมืองยุคทักษิณ ผมเฝ้าติดตามและชื่นชมผลงานของส.ศิวรักษ์อยู่ห่าง ๆ ชื่อของเขาในฐานะวิทยากรตามงานสัมมนาเป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ต้องเข้าไปนั่งฟังทัศนะอันกล้าหาญแหลมคม อาจกล่าวได้ว่าเขาคือแรงดลใจและเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าในการต่อสู้กับความ อยุติธรรม
เมธัส บัวชุม
การเมืองไร้หลักการหลังรัฐประหาร ปี 49 นำมาซึ่งเรื่องชวนหัว ขำ ฮา ตลกร้าย ตลกแต่หัวเราะไม่ออก ตลกจนอยากจะร้องไห้ ฯลฯ หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน ในที่นี้อยากจะหยิบยกมาพูดคุยสัก 4 เรื่อง เรื่องแรก ไม่เป็นเหลือง การปลดคุณเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการคู่บุญของเครือมติชนด้วยข้อหาไม่เป็นกลางนั้นฮาครับ แต่หัวเราะไม่ออก การไม่เป็นกลางนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงนี่สิเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ (แต่คนเสื้อแดงหลายคนก็บอกว่าไม่เห็นคุณเสถียรจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงเลย) ในทางกลับกัน รายของ "นงนุช สิงหเดชะ" ซึ่งเขียนด่า (ใช้คำว่าด่า) คนเสื้อแดงและทักษิณมายาวนาน ด่าเอา…
เมธัส บัวชุม
  Iภาพที่ผู้ชายจิกหัวผู้หญิงเสื้อแดง แล้วลากถูลู่ถูกังไปกับถนนด้วยความอาฆาตมาดร้ายท่ามกลางการยืนดูเฉย ๆ ของทหาร นักข่าวและสาธาณชนนั้นน่าสะเทือนใจ ไม่ต่างอะไรกับการมุงดูผู้หญิงที่ถูกข่มขืนในที่สาธารณะ นอกจากไม่คิดจะช่วยแล้ว บางคนอาจจะลุ้นเอาใจช่วยฝ่ายชายอีกต่างหาก
เมธัส บัวชุม
คุณวีระ มุสิกะพงศ์ ไม่เหมาะที่จะเป็นแกนนำคนเสื้อแดงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์สู้รบ การประกาศมอบตัวอุปมาเหมือนแม่ทัพที่ทิ้งทัพกลางศึกด้วยเหตุที่ว่ากลัวไพร่พลและทหารแดงที่เข้าร่วมสงครามจะบาดเจ็บล้มตาย! -------------
เมธัส บัวชุม
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล  นักวิชาการขาประจำผู้ซึ่งเคยเสนอมาตรา 7 เช่น อธิการบดีธรรมศาสตร์ ให้ทัศนะในรายการหนึ่งทางโทรทัศน์ว่าการโฟนอินของทักษิณจะทำให้แนวร่วมเสื้อแดงบางส่วนหายไป จะเหลือก็แต่คนเสื้อแดงแท้ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านต่างจังหวัดเท่านั้นผมได้ฟังแล้วงง มันมี "เสื้อแดงแท้ ๆ" กับ "เสื้อแดงไม่แท้" ด้วยเหรอ ? แล้วคน "เสื้อแดงแท้ ๆ"  ในความหมายของนักวิชาการรายนี้หมายถึงใคร
เมธัส บัวชุม
ถือเป็นความคืบหน้าทางการเมืองอีกขั้น ที่ประชาชนแห่งกองทัพแดงสามารถ "ลาก" เอาประธานองคมนตรีออกมาชันสูตรกันในที่แจ้ง จับแก้ผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าสาธารณชน เปลื้องเปลือยรอยตำหนิและแผลเป็นน่าเกลียดไม่เคยมียุคสมัยใดของการเมืองไทยที่ประธานองคมนตรี และองคมนตรีจะโดนเล่นงานขนาดนี้  แต่ปรากฏการณ์การณ์นี้มีที่มาที่ไป ประชาชนตระหนักชัดแล้วว่าทางเดินของระบอบประชาธิปไตยถูกขวางด้วยอำนาจนอกรัฐธรรมนูญมาตลอด โดยที่ครั้งนี้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ โดดเข้ามาเล่นชัดเจน แม้จะเคยบอกว่า "ผมพอแล้ว" แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ดังนั้น "หากองคมนตรีมายุ่งการเมือง…
เมธัส บัวชุม
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลผ่านพ้นไปแล้วหลายวัน โพลล์บางสำนัก นักวิชาการบางราย สื่อบางเจ้า ทำการสำรวจประเมินความคิดเห็นของประชาชนต่อการอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากผลจะออกมาเป็นบวกต่อรัฐบาล ทั้งที่ข้อมูลของคุณเฉลิม อยู่บำรุง นั้นถือเป็นข้อมูลลึกและน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง ผมติดตามการอภิปรายอยู่ห่างๆ หมายถึงดูบ้าง ไม่ได้ดูบ้าง สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากคำอธิบาย คำชี้แจงของรัฐบาลคือแทบทุกคนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเลย การให้เหตุผลเป็นแบบ "เอาสีข้างเข้าถู" "แก้ตัวแบบน้ำขุ่น ๆ" หรือชี้แจงไม่ตรงกับสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปราย
เมธัส บัวชุม
เป้าหมายของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกับเป้าหมายของคนเสื้อแดงนั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าเหมือนกันเสียทีเดียวหากแต่มีความเหลื่อมล้ำกันอยู่มาก หมายถึงว่ามีทั้งส่วนที่เหมือนกันและแตกต่างกัน แต่ก่อนจะพูดถึงส่วนที่เหมือนและต่างนั้นต้องทำความเข้าใจเป็นเบื้องต้นกันก่อนว่า คนเสื้อแดงมีหลายประเภท หลายเฉด คนเสื้อแดงมีตั้งแต่กลุ่มฮาร์ดคอร์แบบอาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์, จักรภพ เพ็ญแข และสีแดงอ่อนๆ ประเภท "แดงสมานฉันท์" สีแดงมีหลายดีกรีคือมีทั้งพวกอนุรักษ์นิยมอ่อนๆ ,เสรีนิยม ไปจนถึงกลุ่มถอนราก ถอนโคน (radical)
เมธัส บัวชุม
ผมเคยดูวงดนตรีเพื่อชีวิตที่ชื่อ "แฮมเมอร์" แสดงสดหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ ดูครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ยอมรับว่าประทับใจมาก ครั้งต่อ ๆ มาก็ยังประทับใจ ทุกคนในวงตั้งใจเล่น ตั้งใจร้อง นักดนตรีหลายคนสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชิ้น เดี๋ยวขลุ่ย เดี๋ยวไวโอลิน ดูแล้วเพลิดเพลินนัก แตกต่างจากวงดนตรี "เพื่อชีวิต" ทั่ว  ๆ ไป แม้จะมีหนวดเครายาวรุงรัง แต่แฮมเมอร์ดูสะอาด ไม่มีลีลาหรือพิธีรีตองอะไรมาก ไม่ต้องเก๊กหน้าให้ดูเหมือนกับคนมีความคิดลึกซึ้งหรือดัดเสียงให้ฟังซึ้งเศร้าหรือด่านักการเมืองก่อนเข้าเพลง  วงดนตรีแฮมเมอร์เป็นอะไรที่น่าจดจำอย่างไรก็ตาม…