Skip to main content


การเคลื่อนพลของคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินน่าตื่นตาตื่นใจและอลังการสมการรอคอย แม้ว่าการมาทางเรือจะผิดจากความคาดหวังอยู่มากก็ตาม ผมยืนรอชมขบวนเรือของคนเสื้อแดงบนสะพานกรุงธนนานกว่า 3 ชั่วโมงพร้อมกับแดงคนอื่น ๆ เต็มสะพาน โบกไม้โบกมือ ไชโยโห่ร้องกับคนเสื้อแดงที่ขับรถผ่านไปมา


นักข่าวต่างชาติมารอเก็บภาพตั้งแต่ 9 โมงเช้า รอคอยด้วยความอดทน  คนเสื้อแดงยื่นน้ำ ยื่นข้าวให้นักข่าวต่างชาติเหล่านั้น ฆ่าเวลาด้วยการถ่ายรูป พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะทางการเมืองกัน  แม้จะรอคอยนานแต่ไม่มีใครมีอาการหงุดหงิดรำคาญแต่อย่างใด ทุกคนสนุกสนานที่ได้ผูกสัมพันธ์กับคนเสื้อแดงที่ไม่เคยเห็นหน้า


แดงที่ดูเหมือนเป็นแกนนำคนหนึ่งบอกว่า เรือของคนเสื้อแดงถูกทำให้เสียเวลาอยู่ที่ท่าน้ำนนท์กระทั่งถึงบ่ายโมงตรงขบวนเรือของคนเสื้อแดงก็ยังไม่มีวี่แววจะมา ผมมองดูนาฬิกาอีกครั้งคิดว่าจะรอคอยอีกสักหน่อย


สักประมาณบ่ายครึ่ง  ขบวนเรือก็โผล่มา ทุกคนโบกไม้โบกมือ ไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจที่ได้เห็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ มิตรร่วมรบ เดินทางมาถึง ความรู้สึกดีใจกระทั่งตื้นตันใจแบบนี้ไม่มีทางที่คนที่ดูอยู่ทางโทรทัศน์หรือพวกนักสังเกตการณ์ทั้งหลายจะเข้าใจ ความรู้สึกนึกคิดของคนเสื้อแดง มีแต่คนเสื้อแดงด้วยกันเท่านั้นที่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม จำนวนเรือที่ล่องมาตามลำน้ำเจ้าพระยามีน้อยกว่าที่บอกกันไว้ตอนแรกมาก


สำหรับการชุมนุม ในฐานะที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ ฯ ผมรู้ว่าตนเองเอาเปรียบคนเสื้อแดงต่างจังหวัดอยู่พอสมควรด้วยการไปร่วมชุมนุมในตอนเย็นที่แดดร่มลมตกแล้วเท่านั้น   ไปแล้วก็ไม่ค่อยได้ฟังปราศรัยมากนักเพราะมัวแต่เดินไปมา พลางคิดในใจว่าการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้ามีข้อดีประการหนึ่งคือมีถนนหลายสายให้วิ่งหนีหากมีการสลายการชุมนุมหรือมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้น


เมื่อเดินดูไปรอบ ๆ คนเสื้อแดงที่หนาแน่นแออัดอยู่ตามถนนสายต่าง ๆ ที่แยกออกไปจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กะประมาณด้วยสายตา ไม่มีกล้ายืนยันว่าถึงล้านหรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่ามีจำนวนหลายแสน


แม้จะมีคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก มาจากทุกทิศทุกทาง ด้วยจิตใจมุ่งมั่น แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้นายกรัฐมนตรียุบสภาตามข้อเรียกร้องซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด  ขบวนของคนเสื้อแดงจึงจำเป็นต้องเคลื่อนเพื่อแสดงพลัง


ผมตามติดขบวนแถวของคนเสื้อแดงไปกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ บอกกับตนเองว่าจะไม่ยอมพลาดโอกาสในการร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดง   คนเสื้อแดงที่มีจุดหมายแน่วแน่ คนเสื้อแดงที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน


กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เป็นสถานคุ้มภัยของนายกรัฐมนตรี ว่ากันว่าประธานองคมนตรีอยู่ที่นั่นด้วย การหนีไปซุกในรังทหารนั้นสะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีถึงอำนาจของทหารที่มีต่อการเมืองไทย มันยิ่งย้ำเตือนเราว่าตราบใดที่ทหารยังเป็นตัวแปรสำคัญของการเมืองไทย ตราบนั้นประชาธิปไตยก็ยากจะเติบโต


หัวขบวนของคนเสื้อแดงอยู่หน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ แกนนำกำลังปราศรัยดุเดือดแข่งกับเสียงของทหารที่พูดแทรกเป็นระยะ เสียงพูดแทรกของทหารบางครั้งฟังดูดี แต่บางครั้งน่ารำคาญเหมือนจงใจทำลายบรรยากาศ  ในขณะที่ท้ายขบวนคนเสื้อแดงอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขยับไปข้างหน้าได้ทีละน้อย 


อากาศตอนเที่ยงวันร้อนเหลือประมาณ หลายคนเป็นลม อย่างไรก็ตาม การเดินทางเต็มไปด้วยความสุขใจ ผู้คนสองข้างทางทั้งที่ใส่เสื้อแดงและสีอื่น ๆ โบกมือให้กำลังใจไปเกือบตลอดทาง คนเสื้อแดงบนรถก็ร้องรำทำเพลงโดยไม่แยแสกับอากาศร้อน 


ลุไปถึงกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ด้วยอาการเหนื่อยเพลียเต็มที ผมหลบร้อนเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง มองหาที่ร่มซึ่งมักจะมีคนเสื้อแดงจับจองอยู่ก่อนแล้ว ผมนั่งมองคนเสื้อแดงด้วยความชื่นชม คนเหล่านี้ดูออกง่าย ๆ ว่ามาจากต่างจังหวัด คงต้องมีจุดประสงค์ที่สำคัญมากจึงทำให้ทิ้งถิ่นฐานของตนเองมา


ผมขอเข้าห้องน้ำในบ้านหลังหนึ่งที่เปิดต้อนรับคนเสื้อแดง นั่งพักอยู่ชั่วครู่ แต่อากาศร้อนไม่ลดลงเลย จึงเดินออกไปฟังการปราศรัยของแกนนำแต่ไม่ค่อยได้ยิน จึงเดินไปพักที่ปั๊มน้ำมัน รับข้าวกล่องที่คนเสื้อแดงนำมาแจก

-2-


ข้อเสนอให้ยุบสภาของมหาชนคนเสื้อแดงเป็นข้อเสนอที่เบามาก เมื่อเทียบกับการลงทุนลงแรงของคนเสื้อแดงทั้งประเทศ เมื่อเทียบกับปัญหาที่พรรคประชาธิปัตย์ได้สร้างขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา การยุบสภาเป็นทางลงที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับรัฐบาลในการฝ่าออกจากวิกฤติเฉพาะหน้า มันจึงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่พิจารณาข้อเสนอนี้.

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ผมใส่เครื่องหมายไปยาลน้อยหลังคำว่า “ม็อบพันธมิตร ฯ” ด้วยละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าผู้อ่านแต่ละคนสามารถที่จะเลือกใส่คำต่อท้ายคำว่า “พันธมิตร” ลงไปได้ตามที่เห็นสมควร เพราะรู้สึกกระดากละอายเกินกว่าที่จะเรียกกลุ่มนี้ด้วยชื่อเต็ม ๆ ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ครั้งแล้ว ครั้งเล่าที่คนกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่ตรงกันข้ามกับคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” คือมีแต่ความใจแคบ เอาแต่ใจตนเอง ขาดความอดทนอดกลั้นทางการเมือง ความอดทนอดกลั้นทางการเมืองที่เป็นคุณลักษณะสำคัญของการอยู่ร่วมกัน (เพราะจะได้ไม่ต้องฆ่ากัน) นอกจากขาดความอดทนอดกลั้นแล้วกลุ่มพันธมิตร ฯ…
เมธัส บัวชุม
บทความที่แล้ว ผมเสนอว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “พันธมิตรประชาชนเพื่ออะไรก็ตามแต่” ไม่สามารถเรียกว่าด้วยคำหรูๆ เกินจริงอย่าง “อารยะขัดขืน” ได้ หากแต่ควรเรียกว่า “อารยะข่มขืน” น่าจะเหมาะกว่า และผมได้แปลคำว่า “อารยะข่มขืน” ว่าหมายถึงการ “ข่มขืนที่เนียนๆ” อันหมายถึงการละเมิดขืนใจทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมที่ดูเหมือนจะถูกกฎหมายและดูเหมือนจะมีอารยะ แต่ที่แท้แล้ว เลวร้ายไม่น้อยกว่าการใช้กำลังบังคับตรงๆ เพราะเป็นการใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมหรือกลวิธีที่แนบเนียนแยบคายในการเข้าไปมีสิทธิเหนือร่างกายและจิตใจของผู้อื่น ส่วนในระดับของสังคมการเมืองนั้น…
เมธัส บัวชุม
เพื่อให้เห็นภาพและเกิดความชัดเจน เป็นความเหมาะสมที่เราจะเทียบเคียงการทำรัฐประหารซึ่งทุกครั้งจะถูกอ้างในนามของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสามอย่าง (เขาพระวิหาร การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ปฏิญญาฟินแลนด์) เข้ากับการข่มขืน เพราะมันมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมาก ๆ ใช้เพียงสามัญสำนึกเราก็รู้ว่าการทำรัฐประหารและการข่มขืนคือการละเมิดเพิกถอนในสิทธิทุกด้านและทุก ๆ หลักการของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในร่างกาย จิตใจและสติปัญญาตลอดจนพฤติกรรมการแสดงออก สิ่งที่คนถูกข่มขืนได้สูญเสียไปคือคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ อันเป็นแก่นสาระของการมีชีวิตอยู่…
เมธัส บัวชุม
กล้องถ่ายรูป นอกจากจะเป็นเครื่องมือสำหรับเก็บภาพแล้วยังสามารถเป็นอาวุธไปได้พร้อมกัน  หลายคนที่สันหลังหวะและกำลังจะหวะจึงมักกลัวกล้องเพราะมันจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ฟ้องด้วยภาพ” ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าคำบรรยายเป็นไหน ๆ และในรายที่ความผิดปรากฏชัดแล้ว กล้องก็สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ “ประจานด้วยภาพ” ได้อีกด้วยนักการเมืองหรือดาราหรือกระทั่งคนธรรมดาเวลาทำผิดจึงมักจะหลบกล้อง เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ให้นักศึกษาอมนกเขาแลกเกรดก็พยายามเลี่ยงหลบกล้องโดยเอาปี๊บคลุมหัว หรือนักการเมืองบางรายลงทุนพรางตัวเพื่อไม่ให้กล้องจับภาพได้ขณะที่เข้าพบป๋าเป็นการส่วนตัว…
เมธัส บัวชุม
"ขี้กะโหล่ย" เป็นศัพท์วัยรุ่นทั่วไป สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้ มักจะมีความหมายเชิงลบ ทำนองว่าไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่อง นิสัยไม่ดี พฤติกรรมแย่ เป็นที่รังเกียจ ไม่ควรเข้าใกล้ อย่าไปคบหา ชอบเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น "ไอ้ลองมันขี้กะโหล่ย หน้าพระใจมาร กูไม่อยากสุงสิงกับมันหรอก" หรือ "ไอ้ลิ้มขี้กะโหล่ยโดนตำรวจจับไปเมื่อวานฐานปากดี"  หรือ "ม็อบพันธมารขี้กะโหล่ย หลอกขายเสื้อยามเผาแผ่นดิน" ฯลฯ
เมธัส บัวชุม
ปฏิวัติ 14 ตุลา 2516 ประชาชนรวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการทหาร ดึงอำนาจจากมือของเหล่าขุนนางข้าราชการมาเป็นของประชาชน ซึ่งในขณะนั้นบรรดาขุนนางข้าราชการแห่งระบอบอมาตยาธิปไตยครอบครองเป็นใหญ่ในเวทีการเมืองของสภาผู้แทนราษฎรอยู่  แต่ปัจจุบันกลับตาลปัตร เมื่อประชาชนร่วมแรงร่วมใจกับรัฐบาลประชาธิปไตยต่อสู้กับซากเดนแห่งระบอบอมาตยาธิปไตย ซึ่งกลายเป็นกลุ่มพลังนอกเวทีรัฐสภา เป็นกลุ่มเผด็จการนอกรัฐธรรมนูญที่ต้องการบ่อนเซาะทำลายความเข้มแข็งของระบอบรัฐสภาการขยับตัวเคลื่อนไหวของ “ระบอบเก่า” เพื่อหวนกลับมามีบทบาทในเวทีการเมือง ทำให้ประชาชนเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้าน…
เมธัส บัวชุม
อาการตบะแตกกับนักข่าว/คอลัมนิสต์ ของนายก ฯ สมัคร  สุนทรเวช เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่ใช่อะไรที่น่าตื่นเต้นตกใจแต่อย่างใด  แต่บรรดานักข่าวและผู้อยู่ในแวดวงออกอาการตระหนกตกใจราวกับสาวแรกรุ่นที่กำลังจะโดนข่มขืนเป็นครั้งแรก โดยไม่ตระหนักเลยว่า ที่ผ่านมานักข่าว/คอลัมนิสต์ กระทำการข่มขืนคนอื่นอยู่ตลอดเวลา หรือในทางกลับกันก็ถูกอำนาจที่เหนือกว่าข่มขืนหลายครั้ง การคุกคามข่มขืนสื่อมวลชนในยุคเผด็จการทหารครองเมือง เทียบไม่ได้แม้แต่นิดเดียวกับปัจจุบัน สื่อบางแขนงชิงข่มขืนตัวเองเสียก่อนที่จะถูกเผด็จการทหารที่นำโดยพลเอกสนธิ  บุณยรัตนกลิน จัดการข่มขืน (เราควรย้ำถึงชื่อของพลเอกสนธิ …
เมธัส บัวชุม
เครือผู้จัดการมีสื่ออยู่ในมือหลากหลายครบครัน ทั้งเคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุและเวบไซต์ อันทำให้การโฆษณาชวนเชื่อที่เหลวไหลของพวกเขาเป็นไปอย่างครอบคลุมกว้างขวาง เกิดประสิทธิภาพไม่น้อยพวกเขา (เครือผู้จัดการ) สถาปนาตัวเองตามแต่ใจต้องการโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาเลือกตั้งหรือแต่งตั้งด้วยบทบาทหลากหลายเหลือเชื่อคือเป็นตั้งแต่ “ยาม” ไปจนถึง “ผู้จัดการ”“ยาม” และ “ผู้จัดการ” นั้นอยู่กันคนละชนชั้นหรือพูดด้วยภาษาแบบหมอประเวศ วะสี ก็คืออยู่กันคนละ “ภาคส่วน” แต่บทบาทหน้าที่ทั้งหมดนี้พุ่งไปที่จุดประสงค์เดียวกันสำหรับ “ยาม” ภาพลักษณ์ที่ตายตัวคือเป็นคนระดับล่างของสังคม เป็นผู้ใช้แรงงานหรือใช้กำลัง…
เมธัส บัวชุม
เหตุการณ์ทางการเมืองช่วงก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อล้มรัฐบาลประชาธิปไตยกระทั่งถึงยุคเผด็จการคมช. ครองเมืองซึ่งได้สร้างเครื่องมือต่างๆ (รวมทั้งรัดทำมะนวยฉบับหัวคูน) เพื่อสืบทอดอำนาจและทำการถอนรากถอนโคนรากฐานอุดมการณ์ประชาธิปไตยนั้น มีอะไรที่น่าสนใจมากมายจนผมคิดว่าน่าจะมีนักเขียนมือดีสักคนนำเอาเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ บวกกับจินตนาการบรรเจิดมาผูกร้อยเข้าเป็นนวนิยายชั้นเยี่ยมได้สักหลายเรื่อง การเมืองช่วงก่อนและหลังรัฐประหารนั้น “เป็นนิยายยิ่งกว่านิยาย” เสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการกลับตาลปัตรกลายเป็น “ฮีโร่” อย่างช่วยไม่ได้ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ  ชินวัตร ความพ่ายแพ้ยกแรกของเผด็จการทหาร…
เมธัส บัวชุม
-1-ปกติแล้ว ผมจะไม่หยิบนิตยสาร “เนชั่นสุดสัปดาห์” ขึ้นมาเปิดดูเพราะไม่คิดว่ามีคอลัมน์อะไรที่ดึงดูดใจเพียงพอ นอกจากก่อนหน้านี้ที่พลิกเปิดไปดู “เรื่องสั้น” เพื่อตรวจดูว่าเรื่องสั้นของตัวเองได้รับการพิจารณาหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมหมดปัญญาและพลังที่จะเขียนเรื่องสั้นแล้ว  ดังนั้นเวลาหยุดดูที่แผงหนังสือผมเพียงแต่กวาดสายตาดูนิตยสารรายสัปดาห์ยี่ห้อนี้เพียงผ่าน ๆ เท่านั้นแต่ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ล่าสุดที่หน้าปกเป็นรูป “ธีรยุทธ  บุญมี” นักคิดวิธีสร้างข่าวให้ตนเองนั้นสะกดให้ต้องหยิบขึ้นมาเปิดดู ที่น่าสนใจไม่ใช่รูป “ธีรยุทธ  บุญมี” แต่เป็น “คำ” ที่พาดผ่านหน้าปกซึ่งเขียนว่า “ตุลาตอแหล ?” พาดหัว…
เมธัส บัวชุม
-1-การได้รับรู้ข้อมูลจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ตลอดจนเข้าไปข้องเกี่ยวกับวงการตำรวจ-ยาบ้าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับผม ไม่คิดฝันว่าชีวิตที่หมกมุ่นอยู่แต่กับหนังสือและการคิดประเด็นทางนามธรรมอะไรไปเรื่อยเปื่อยจะได้พบพานประสบการณ์ชีวิตอีกด้านหนึ่ง ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ผมก็เช่นเดียวกับหลาย ๆ คนที่มองเรื่องยาเสพติดด้วยสายตาวิตกกังวล แลเห็นมันเป็นปิศาจที่นำความเลวร้ายเดือดร้อนมาสู่ชีวิต เป็นเหมือนมะเร็งที่คอยบั่นทอนสภาพร่างกายและจิตใจของคนที่ตกเป็นเหยื่อ (มันชวนให้นึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณเสียจริง ๆ!) ต่างไปจากเมื่อก่อนที่มองเรื่องนี้อีกแบบหนึ่ง…
เมธัส บัวชุม
  หนุ่มคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าวันดีคืนดีเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาตอนประมาณตีสาม เพราะเพื่อนของหลานมาเคาะประตูเรียก"มีอะไร" เขาถาม"งานเข้า!" เพื่อนของหลานบอก ก่อนที่จะขยายความว่าหลานของเขาถูกจับยาบ้า ตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจแล้วเขารีบไปที่สถานีตำรวจทันที อกสั่นขวัญแขวนเพราะเป็นห่วงหลาน พบหลานนั่งก้มหน้า น้ำตาคลอ และถูกใส่กุญแจมือ"ไม่ทัน!" หลานบอกทันทีที่เจอหน้า เขาไม่แน่ใจว่าคำว่า "ไม่ทัน" ของหลานนั้นหมายถึงอะไร มันอาจหมายถึงว่า "หนีตำรวจไม่ทัน" หรืออาจหมายถึงว่า "ทิ้งยาบ้าที่ติดตัวอยู่ไม่ทัน" เขาถามหลานสองสามคำและถามตำรวจอีกสองสามคำ ได้ความว่าหลานมียาบ้าติดตัวอยู่ 20 เม็ด พร้อมกับเงิน 4 พันกว่าบาท…