Skip to main content
"หม้อนี้เอาไว้ทำอะไรเอ่ย"

ฉันถามเด็กหญิงมุสลิมตัวน้อย เธอเอียงคอ อมยิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้ากลมๆ นั้นล้อมกรอบด้วยฮิญาบสีขาว

"บอกหน่อยน่า อยากรู้" ฉันแกล้งเซ้าซี้

"เอาไว้จับแมลง" เธอตอบอุบอิบด้วยเสียงกระซิบ

"น่าสนใจจังเลย" ฉันทำเสียงตื่นเต้น ขณะก้มดูต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงในกระถางดินเผา

.......


แสงแดดยามสายปลายเดือนมกราคมกำลังอาบไล้ยอดหญ้าหน้าห้องสมุดหลังเล็กของโรงเรียนบ้านในไร่ มีกลิ่นน้ำเค็มเจือจางอยู่ในสายลม ต้นไม้อายุน้อยหลายต้นกำลังเติบโตงอกงาม อาคารเรียนและห้องสมุดดูมั่นคงแข็งแรง หนังสือนิทานเล่มใหม่วางรอเด็กๆ อย่างสดชื่นราวกับไม่เคยผ่านเหตุการณ์รุนแรงใดๆ มาก่อน


เด็กหญิงคนนี้ยังเล็กอยู่มาก เมื่อคลื่นมหาภัยซัดเข้าใส่ชุมชนบ้านเกิดของเธอบนฝั่งทะเลอันดามัน น้ำพัดพาทุกอย่างหายไป เหลือไว้แต่ความเจ็บปวดสูญเสียที่ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของคนจำนวนมากในอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา แต่ไม่ใช่ในแววตาสดใสของเธอ

.......


"แมลงมันจะตกลงไปในนั้น" เธอบอกและเผลอชะโงกเข้ามาดูด้วย ศีรษะกลมๆ ที่คลุมผ้าไว้เฉียดปลายคางของฉัน

"ในหม้อมันมีน้ำหวานล่อให้แมลงลงไป" เด็กชายผิวเข้มอีกคนเข้ามาช่วยตอบ ตาคมของเขามีแววกระตือรือร้น

"แล้วถ้าไม่มีแมลงตกลงไปล่ะคะ มันจะกินอะไร" ฉันลองภูมิ

"มันเก๊าะกินน้ำไง" เด็กชายตอบแล้วยิ้มโชว์ฟันขาว ฉันมารู้ภายหลังว่าเขาเป็นคนรดน้ำต้นไม้

.......


ปลายธันวาคม 2547 ชุมชนมุสลิมแห่งนี้แทบสิ้นเนื้อประดาตัว เมื่อเครื่องมือทำกินรวมทั้งเรือและบ้านเรือนสูญหายไปในพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนหายไป และเมื่อน้ำแห้ง หัวใจทุกคนกลับแห้งยิ่งกว่า เมื่อพบว่าผืนดินที่อยู่อาศัยมานานนับร้อยปีมีคนอ้างกรรมสิทธิ์


ความพยายามต่อสู้เพื่ออยู่อาศัยในแผ่นดินเกิดของชาวบ้านเป็นข่าวในสื่อหลายแขนง ฉันขออนุญาตไม่เล่าถึงช่วงเวลาอันขมขื่นเหล่านั้น เพราะวันนี้ มีแววตาสุกใสหลายคู่อยู่ตรงหน้า

 

"ชอบอ่านหนังสือหรือคะ" ฉันถาม มีรอยยิ้มร่าแทนคำตอบ ฉันรู้มาว่า ห้องสมุดฟื้นตัวพร้อมกับความสุขของเด็กๆ

"ชอบอ่านเรื่องอะไรเอ่ย"

พวกเขามองปราดไปที่ชั้นหนังสือเล็กๆ ข้างหน้าต่าง ภาพพ่อมดน้อยกับผ้าคลุมและไม้กายสิทธิ์โดดเด่นอยู่บนหน้าปก

"อ๋อ แฮรี่พอตเตอร์" ฉันพูด เด็กๆ ยิ้มพยักเพยิด

"เหรอๆ ดีจัง ชอบเหมือนกันเลย" ฉันดีใจที่รู้ว่าเด็กๆ มีหนังสือเล่มโปรด ในยุคสมัยที่เด็กรุ่นใหม่นิยมเกมคอมพิวเตอร์ เด็กของชุมชนบ้านในไร่ใช้เวลาในห้องสมุด


วรรณกรรมเรื่องดังของเจ.เค.โรวลิ่ง ครบชุด ๗ เล่ม ใหม่เอี่ยมด้วยเงินบริจาคของผู้ใหญ่ใจดีหลายคน เด็กชายเล่าด้วยท่าทีอายๆ ว่าเพิ่งอ่านไปถึงเล่มที่สอง เพราะอ่านหนังสือไม่เก่ง แต่ในท่าทีนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวตั้งใจจะอ่านให้ครบทุกเล่ม


เราแลกเปลี่ยนกันเรื่องตัวละครที่ชอบ ฉันเหมาสัตว์ทุกตัวในเรื่อง นับตั้งแต่ เฮ็ดวิก นกฮูกหิมะแสนสวย พิกวิดเจียน นกฮูกจิ๋วผู้กระตือรือร้น ไปจนถึงครุกแชงก์ แมวสีส้มขาโก่งที่มีหางเหมือนแปรงล้างขวด แต่หนุ่มน้อยฟันขาวชอบแฮรี่ เด็กชายผู้รอดชีวิต (จากคนที่คุณรู้ว่าใคร) และแน่นอน เด็กหญิงของฉันชอบเฮอร์ไมโอนี่ สาวน้อยแสนฉลาด


"เขาเก่ง" เธอบอกด้วยเสียงกระซิบ ในขณะที่เด็กชายมีสีหน้าสดใสเมื่อนึกถึงการแข่งขันกีฬาควิดดิชบนอากาศ และการเรียนวิชาที่น่าสนุกสนานในโรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์

"อยากเรียนวิชาคาถาแบบแฮรี่"

"ถ้าได้เรียนจริงๆ จะเสกอะไรเหรอ" ฉันสนใจอยากรู้ เด็กชายอมยิ้มแทนคำตอบ แววตาคมนั้นมีความลับ

.......


ในวันเวลาแห่งความตื่นตระหนกและเสียขวัญ จินตนาการอันสวยงามของนิทานและวรรณกรรมช่วยเด็กๆ เหล่านี้เอาไว้


ไม่ต่างจากผู้ใหญ่หลายคนที่แม้รู้ว่าดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์ เต็มไปด้วยหลุมบ่อขรุขระ ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง แต่เราก็ยังสมัครใจที่จะหลงไหลในนวลแสงจันทร์ รำพันบทกวี แทนที่จะฝันถึงนีล อาร์มสตรอง


บางครั้งคลื่นลมปรวนแปร มรสุมอาจซัดใส่ชีวิตของเรา และพัดพาทุกอย่างหายไป จินตนาการถึงวันที่สว่างไสวสวยงาม นำพาให้เราเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง


ฉันมองพ่อมดน้อยข้างหน้าต่างอีกครั้งหนึ่ง เวทมนตร์ไม่ได้มีอยู่เพียงในนิทาน ต้นไม้ที่กำลังโต อาคารเรียนและห้องสมุดหลังใหม่ หนังสือนิทานหลายร้อยเล่มที่กลับคืนมาหาเด็กๆ ราวเนรมิต เป็นเวทมนตร์จากน้ำใจของผู้ใหญ่มากมายที่ห่วงใยหัวใจเล็กๆ


จะกี่ครั้งที่พังทลาย แต่ทุกอย่างซ่อมแซม สร้างขึ้นใหม่ได้เสมอ เช่นเดียวกับแววตาสดใสของเด็กๆ และรอยยิ้มแห่งความหวังของคนบ้านในไร่


อย่างที่ไอสไตน์กล่าวไว้ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้

....................

 

สะท้อนใจกับดวงตาในภาพนี้ เป็นภาพเด็กนักเรียนมุสลิมในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ดินแดนที่เด็กๆ ผ่านเรื่องราวเสียขวัญมามากมาย หนูน้อยคนนี้วัยเดียวกับสาวน้อยในเรื่องของฉัน แต่ประกายตาผิดกันมาก
(ขอบคุณภาพจาก http://www.flickr.com/)

 


ดูยิ้มของหนุ่มน้อยบ้าง ภาพนี้ที่ภูเก็ต งานรำลึกเหตุการณ์สึนามิ
(ขอบคุณภาพจาก
http://www.basuki.com/)

 

 

บล็อกของ มูน

มูน
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเพิ่งจากไปในเช้าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าของเดือนเมษายนแตะแต้มกลีบบางของดอกดาวกระจายสีชมพู ใกล้ๆ กันเป็นกระถางของเดซี่น้อย ที่กำลังแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา อวดเกสรสีเหลืองแจ่มใสกับกลีบเล็กสีขาวที่กระจายอยู่รายรอบ“ชอบดอกไม้ไหมจ๊ะ ขนดอกไม้ไปปลูกกันเถอะ” นึกถึงเสียงใสของเธอเมื่อสองเดือนก่อน ตามด้วยคำหยอกเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ “หรือชอบเลี้ยงแต่แมวๆ หมาๆ”เธอยิ้มแย้มอยู่ในกระโปรงยาวกรุยกราย เข้ากับผ้าคลุมไหล่สีสวยมีดอกไม้มากมายถูกทิ้งไว้หลังการจัดงานนิทรรศการแห่งหนึ่ง บางส่วนอยู่ในกระถาง บางส่วนอยู่ในถุงดำ คนงานกำลังรื้อถอนส่วนต่างๆ ของงาน บรรดาดอกไม้ประดับถูกขนมากองสุมไว้ด้านนอก“…
มูน
  ไม่สบายกายและใจอยู่หลายวัน พอเรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็คว้าจักรยานยนต์คันเก่า ขี่โกรกเกรกกึงกังไปตลาดใหญ่ที่ไกลจากบ้านราวสิบกิโลเมตร รู้สึกสังขารตัวเองใกล้เคียงกับรถ คือมีอะไรสักอย่าง (หรือหลายอย่าง) ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนักพอพ้นจากทางดินเป็นถนนลาดยาง รถก็แล่นฉิว ลมพัดพรูจนผมปลิวกระจาย (นึกไปเองว่า) คล้ายๆ โฆษณาแชมพูสระผม ฝนที่ตกหนักไปเมื่อคืนวานทำให้อากาศสดแจ่ม ฟ้าใสกระจ่าง แซงแซวหางปลาเกาะอยู่บนกิ่งประดู่ข้างทาง ในทุ่งที่น้ำเจิ่งนองมีนกกระยางเดินท่องน้ำจ๋อมๆ อยู่หลายตัวลมพัดเสื้อคลุมสะบัดพึ่บพั่บ ชายเสื้อปลิวอยู่ด้านหลัง รู้สึกเริงรื่นจนต้องร้องเพลงดังๆ ตามจังหวะกึงกังของรถ "…
มูน
ฉันกำลังแบกเป้เดินทางรับจ้างทำงานอยู่แถวภาคเหนือ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเริงรื่นยังคงรวยรินแม้จะเลยปีใหม่ไปแล้วหลายวัน คนที่ไม่มีงานประจำ แต่มีรายจ่ายเรียงรายรอคอยอยู่ทุกเดือนอย่างฉัน ไม่มีเวลานั่งอยู่เฉย (ถึงแม้จะอยากนั่ง) ใครจ้างมา ฉันก็ไป เหมือนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่เกี่ยงระยะทางและผู้โดยสารใกล้เที่ยงคืนที่วางเป้ลงอย่างอ่อนแรงในห้องพักเล็กๆ ควักสมุดบันทึกขึ้นมาคำนวณรายจ่ายและแผนการเดินทางในวันถัดไป ใจคิดล่วงหน้าถึงวันกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแผ่วๆ มาจากกระเป๋าข้างเตียง ............นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่เวลาของความบันเทิงใจ ปีใหม่ในวัยเยาว์ครั้งหนึ่ง…
มูน
สายหมอกสีขาวนุ่มห่มคลุมยอดดอย ในเช้าที่ฉันนั่งรถเข้าหมู่บ้าน ไร่ยาสูบและไร่ข้าวโพดสองข้างทางดูเลือนลางอยู่ในแสงสลัวของดวงตะวัน ที่พยายามแทรกผ่านลมหนาวอย่างสุดความสามารถ“หนาวไหม หนาวเนาะ” พ่อเฒ่าสวมหมวกไหมพรมสีแดงทักถาม ฉันกอดอกแน่น ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เพราะหนาวจนพูดไม่ออก ควันกรุ่นสีขาวพรูออกทางจมูกเหมือนลมหายใจมังกรไฟในนิทาน คนที่เคยชวนฉันมาเมืองพร้าวไม่เคยเล่าว่าบ้านเกิดของเธอหนาวขนาดนี้สำหรับบางคน ความทรงจำอาจอบอุ่นตลอดกาล แมวลายสามตัวที่นอนอาบแดดกลางลานบ้านวิ่งกันกระจายเมื่อเห็นคนแปลกหน้า เหลือแมวอ้วนสีส้มหมอบอยู่บนอานรถเครื่องคันเก่า “ขอถ่ายรูปหน่อย อยู่นิ่งๆ นะ มือใหม่หัดถ่ายนะ…
มูน
สีสันสดใสในเทศกาลส่งท้ายปี เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งติดกระดาษริ้วสีทอง เขียนว่า HAPPY NEW YEAR 2008 ไว้เหนือประตูบ้าน อีกหลังติดไฟกระพริบ สลับกันวิบวับตรงนั้นตรงนี้ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งยื่นเค้กช็อคโกแลตให้ แล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่ คิดอะไรขอให้สมปรารถนาฉันยิ้มกับคำอวยพร ถามตัวเองเล่นๆ ในใจว่าปรารถนาอะไรบ้าง โอ้ ช่างมากมายจนน่าอายตัวเอง หนึ่งในความปรารถนาที่ฉันคิดเสมอมาเมื่อถึงวันปีใหม่ คือขอให้ยายได้พบกับป่องหยอด................ความจริงยายไม่ได้เป็นแค่ยาย ยายเคยเป็นแม่ แต่เมื่อลูกสาวคนเดียวของยายตายไป และยายไม่มีญาติที่ไหนอีก…
มูน
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน โต๋เต๋ชันคอขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน มันลุกพรวดพราดไปดู สักพักก็เดินหูลู่หางตก กลับมานอนหมอบเป็นรูปปั้นหมาตรงที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นหงอยเหงาราวกับคนอมทุกข์ฉันไม่รู้จะช่วยมันได้อย่างไร บางทีก็ไม่อาจมีใครแทนใครได้นึกย้อนไปถึงค่ำวันหนึ่งที่ฉันลงรถประจำทางใกล้แยกบางใหญ่ กำลังสำรวจสภาพกระดูกกระเดี้ยวที่ถูกเบียดเสียดบนรถมานานนับชั่วโมง หางตาก็เห็นอะไรแวบๆ จุดดำๆ เคลื่อนมาตามแนวถนน รถยนต์ก็ไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่เชิง ใกล้เข้ามาถึงเห็นเป็นหมาสีเข้มๆ ตัวหนึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าแทบจะแข่งกับรถที่แล่นอยู่บนถนนฉันพยายามมองว่ามันวิ่งตามอะไร เพราะวิ่งแบบนี้ไม่ใช่วิ่งเล่นแน่ๆ…
มูน
แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมาหลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ…
มูน
“ชีวิตดังตัวคนเดียว ท่ามกลางทะเลเปลี่ยว ต้องลอยคว้างกลางลมคลื่นหลับใหลไม่เคยเต็มตื่น ข้าวกลืนไม่เคยอิ่ม โอ้ รอยยิ้มไม่เคยได้” เสียงเพลง “ชีวิตคนเศร้า” ของทูล ทองใจ ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ และท่อนหนึ่งของเพลงที่พ่อมักร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยจบสักทีพ่อหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ทิ้งผืนนาไปตามหาความฝันของวัยหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อใช้เวลาตามหาตลอดชีวิต และพบเพียงความฝันที่แหว่งวิ่น ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับพ่อ เหมือนชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย แต่ทุกชิ้นชัดเจน และไม่เคยสักครั้งที่ฉันคิดจะลืมตอนที่ฉันอายุราวๆ ห้าหกขวบ พ่อพาไปดูหนังอินเดียเรื่อง “โชเล่ย์” ที่โรงหนังประชาบดี…
มูน
ใกล้บ้านเช่าหลังเก่าของฉันที่ขอนแก่น มีวัดป่าแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ฉันชอบไปเดินเล่นดูโบสถ์เก่าแก่คร่ำคร่าเต็มไปด้วยรอยตะไคร่ ไปนั่งฟังเสียงลมพัดใบไม้ และนั่งเล่นริมบึงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา เป็นวัดที่ให้บรรยากาศสงบงามสมกับเป็นสถานที่สำหรับ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จริงๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นวัดไหนเต็มไปด้วยไก่เท่าวัดนี้ ไก่หลากสีหลายขนาดเดินกันขวักไขว่ นับคร่าวๆ ได้สักหกหรือเจ็ดสิบตัว หลายตัวบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ ของต้นก้ามปูใหญ่ เจ้าอาวาสบอกว่า คนแถบนี้นิยมปล่อยไก่เป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง"สมัยก่อนเขาต้องตัดหางด้วยนะ ที่เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดไงล่ะ" ฉันถามถึงจำนวนไก่…
มูน
ลมหนาวพัดฟางหลังเก็บเกี่ยวปลิวว่อนกลางทุ่ง หลายบ้านเตรียมโกยฟางมัดเป็นท่อนเก็บไว้ให้วัวควายในหน้าแล้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าคนเรากินแค่หญ้าก็คงจะดี ไม่ต้องมีกิเลสอยากกินนั่นนี่ให้เดือดร้อนไปถึงพืชและสัตว์อีกมากมาย ที่ต้องถูกไล่ล่าบ้าง ถูกบังคับให้โตผิดธรรมชาติบ้าง ถูกเปลี่ยนนั่นแปลงนี่ให้ถูกใจคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก เข้าทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (ว่าเข้าไปนั่น)คิดจนหิว จึงหันไปเปิดตู้กับข้าว อะไรกันนี่ ช่างโล่งดีแท้ๆ มีแต่ถ้วยน้ำปลาพริกขี้หนู อ้อ มีปลาทู(แย่งแมวมา)หนึ่งตัว ทำปลาทูต้มน้ำปลาดีกว่า ทำง้ายง่าย แล้วก็อร้อย อร่อย ตั้งน้ำให้เดือดพลั่กๆ ใส่ปลาทู เหยาะน้ำปลาพริกขี้หนู บีบมะนาว…
มูน
หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่งคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่  เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน…
มูน
จับเจ่ารอรถอยู่ที่สถานีขนส่งเมืองอุบลฯ ลมปลายเดือนตุลาคมพัดมาในช่วงค่ำทำให้ต้องนั่งกอดอก กำลังเกือบสัปหงกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนเกือบชิดหัวเข่าโงหัวขึ้นเจอกับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างคาดหวังเรามองตากันอยู่เงียบๆ ฉันพินิจลักษณะของเธอแล้วเดาว่า น่าจะกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ด้วยว่าเต้านมที่หย่อนยานนั้นดูอวบเต่ง แต่รูปร่างที่ผอมเกร็งก็บอกว่า อาการการกินคงไม่บริบูรณ์เท่าไร อาจจะถึงขั้นขาดแคลนเสียด้วยซ้ำ “หิวเหรอจ๊ะ” ฉันถามเบาๆ ไม่มีเสียงจากเธอ แต่มีคำตอบอยู่ในแววตาละห้อยคู่นั้นฉันเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วท่ารถที่ค่อนข้างเงียบเหงา รถโดยสารที่แล่นระหว่างอำเภอหมดไปนานแล้ว…