Skip to main content

  

๑.
ฉันรักฤดูร้อน
เช่นเดียวกับรักฤดูฝน และฤดูหนาว

การได้รอคอยชีวิตชีวาที่มากับความเปลี่ยนแปลง การได้เห็นดอกไม้ที่บานปีละครั้ง ได้ลิ้มรสพืชผักผลไม้ประจำฤดูกาล เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของชีวิต

สมัยเป็นเด็ก ฤดูร้อนของฉันคือการปั้นดินเหนียว ดีดลูกหิน ทอยตุ๊กตุ่น เป่ากบ เก็บฝักต้อยติ่งมาแช่น้ำให้แตกดังเปรี๊ยะๆ หรือเดินท่อมๆ ไปช้อนปลาตามท้องร่อง เด็ดใบเรียวของหญ้าคามาพุ่งแข่งกัน ตัดก้านกล้วยมาผ่าเป็นปืนยิงดังตั้บ ตั้บ เด็ดดอกหญ้าแพรกมาเล่นตีไก่ เก็บดอกตูมของหางนกยูงมาแหวกเอา
เกสรเกี่ยวกันเล่น หรือไม่ก็เด็ดก้านหญ้าแห้วหมูมาสานรังตั๊กแตน


วันดีคืนดี มีบ้านใครสักคนวิดบ่อ จะมีคนหิ้วปลาหมอปลากระดี่มาให้คุณยายทำปลาหมอต้มเค็มแสนอร่อย หรือไม่ก็ทำปลากระดี่ตากแดดไว้ทอดกินกับข้าวเหนียวนึ่ง

๒.

ชีวิตชีวาของฤดูร้อนแทรกอยู่ในสีฟ้าจัดของท้องฟ้า สีชมพูอ่อนหวานของชมพูพันธุ์ทิพย์ สีเหลืองจ้าของคูน สีส้มจัดของทองกวาว และสีแดงแจ๋ของแตงโมที่ผ่ากินกันในวันร้อนจัดๆ


คุณยายชอบเล่าถึงแตงโมบางเบิดขนาดมโหฬาร กรอบหอมหวานอย่างที่แตงพันธุ์ไหนก็เทียบไม่ได้ ฉันโตทันแค่แตงโมลูกกลมโตเปลือกดำ เนื้อทรายแดงฉ่ำ รสหวานชื่นกว่าแตงจินตหราหรือแตงกินรีที่คนสมัยนี้นิยมกัน


บ้านสี่ขาหน้านี้แล้งจัด น้ำในบ่อลดลงจนเกือบแห้ง แต่ก็ยังพอให้หมาได้ลงไปยืนแช่แก้ร้อน ควายพยายามเกลือกตัวเองอยู่ในปลักที่น้ำน้อยจนกลายเป็นบ่อโคลนหนืดข้น กบ อึ่งอ่างหายหน้าหายตาไป คงจะซุกอยู่ในไอเย็นของดิน นึกถึงตอนอยู่ชั้นประถม คุณครูเคยบอกว่า บางฤดูสัตว์จำพวกกบจะหลบไปจำศีล ยังอุตส่าห์ถามคุณครูด้วยความสงสัยว่า มันลืมศีลข้อไหนหรือคะ

 

๓.

งานหนักในฤดูร้อนคือการซ่อมรั้ว ก่อนฝนจะมา ฉันต้องรีบซ่อมรั้วบ้านที่กำลังผุได้ที่ ไม้รวกเป็นอาหารชั้นดีของฝูงปลวก ไม่เว้นแม้แต่ลำต้นตะโกที่เป็นเสาหลัก ผลักเบาๆ ก็อาจล้มครืนเพราะปลวกกินเนื้อในจนกลวง ซึ่งหมายถึงว่า หมู่หมาซ่าๆ กว่าสามสิบตัวจะมีโอกาสออกไปซ่านอกบ้าน


เพื่อนที่น่ารักคนหนึ่งอาสาอย่างมีน้ำใจว่าจะไปช่วยซ่อมรั้ว ฉันนึกถึงร่างเล็กๆ ที่ผอมบางแล้วจำต้องปฏิเสธน้ำใจของเพื่อน เธอบอกอย่างแน่ใจว่าไม่กลัวหมา ส่วนฉันแน่ใจ (ยิ่งกว่า) ว่าหมาๆ ก็ไม่กลัวเธอ

 

๔.

เสน่ห์ของค่ำคืนในฤดูร้อนคือสายลม

ลมแรงที่มักจะพัดมาเฉพาะยามดึก ทำให้นึกถึงวัยเยาว์ อาบน้ำเย็นจากโอ่งมังกรแล้วประแป้งดินสอพองของคุณยาย คว้าหมอนหนึ่งใบออกมานอนเขลงกลางชานเรือน มองดาวบนฟ้า มีเสียงเพลงขลุ่ยจากวิทยุทรานซิสเตอร์ยามดึกของคุณตาคอยกล่อม


บ้านสี่ขามีลานดินโล่งริมบ่อน้ำ ฉันเคยลากแคร่ไม้ไผ่ออกมา กะนอนดูดาวให้ลมรำเพยในค่ำคืนที่พระจันทร์เป็นใจ แต่ปรากฏว่า บรรดาหมาๆ ไม่เป็นใจ แห่กันขึ้นเต็มแคร่ เอาแต่แย่งกันเลียเนื้อตัวหัวหูของฉัน จนต้องจำยอมสละแคร่แล้วหนีเข้าบ้าน

 

๕.

ฉันไม่เคยอยู่กับพ่อแม่ในหน้าร้อน เพราะจะถูกพาขึ้นรถโดยสารสองแถวโขยกเขยกข้ามเมืองและแม่น้ำสายใหญ่มาอยู่กับตายายที่บ้านนอก ตั้งแต่วันแรกๆ ของปิดเทอมไปจนเกือบถึงวันสุดท้าย


ความทรงจำประจำฤดูของฉันจึงเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง เป็นเสียงเกวียนเอียดออดกับเสียงกระดึงคอวัวที่ผ่านหน้าบ้าน เสียงข่าวหกโมงเช้าของดุ่ย ณ บางน้อย เสียงเพลงโฆษณาถ่านไฟฉายตรากบ เสียงกึงกังของถังน้ำในบ่อลึกเวลาหมุนลูกรอก เสียงแตกเปรียะของนุ่นฝักแก่จัดที่คุณยายจะแกะเอาปุยออกมายัดที่นอนหลังใหม่ และกลิ่นหอมชื่นของดอกมะลิที่เก็บมาลอยน้ำไว้ทำขนม


รอบบ้านร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ ข้างชานเรือนที่คุณยายใช้เป็นที่กวนขนม ต้มน้ำปลา มีต้นมะม่วงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยรังมดแดงและเถาวัลย์สารพัดชนิด ฉันมักจะพาตัวเข้าไปให้มดแดงกัดเป็นประจำ ไม่ใช่เพราะสอยมะม่วง แต่เป็นการเก็บกระเช้าสีดา

 

๖.

หนังสือเรียนชั้นประถมล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็กสีฟ้าที่อยู่ริมน้ำ เรื่องของพ่อหลี พี่หนูหล่อ (พ่อชื่อหมอหลำ แม่ชื่อแม่หยา อยู่แพที่สำเหร่) เรื่องของแพะสามตัวที่เดินข้ามสะพาน เรื่องของนกกางเขนสี่พี่น้อง รวมทั้งเรื่องของเด็กหญิงขันทองกับนางพรายน้ำใจดี


บางคืนที่แสงจันทร์กระจ่าง ท่ามกลางความเงียบสงัด ฉันเคยแอบคลานออกจากมุ้งไปที่นอกชาน หมอบเงียบเหมือนแมวอยู่ในความมืด มองเงาตะคุ่มของต้นมะม่วงใหญ่ หวังเหลือเกินที่จะได้เห็นเหล่าพรายน้ำและพรายไม้ตัวจิ๋วๆ ออกมาเต้นรำใต้แสงจันทร์ หากฉันเป็นเด็กดีมีน้ำใจ อาจมองเห็นภูตที่งดงามเหล่านั้นได้เหมือนหนูขันทอง และได้รับกระเช้าสีดาใบน้อยเป็นรางวัลแห่งความดี


ฉันเฝ้ารอนางพรายน้ำ แต่ก็รอเก้อ จนฤดูร้อนหนึ่งจึงได้พบกระเช้าสีดาแขวนอยู่บนต้นมะม่วง


กระเช้าสีดาเป็นพืชพันธุ์แสนพิเศษ ผลแก่ของมันจะกลายเป็นสีน้ำตาลแยกออกเป็นหกกลีบ แล้วก้านผลก็จะแตกกระจายกลายเป็นสาแหรกหิ้วกลีบไว้เหมือนกระเช้าใบกระจิริด จำได้ว่าเป็นฤดูร้อนที่หัวใจเล็กๆ เบ่งบานอย่างภาคภูมิ


ฉันคงจะเป็นเด็กดีอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะแม้ภูตทั้งหลายจะไม่เคยปรากฏให้เห็น แต่ฉันก็ยังได้รับรางวัล

 

๗.

ฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่าแดดแผดเผารุนแรงยิ่งกว่าปีกลาย

ใต้ร่มประดู่ใหญ่ริมบ่อน้ำเป็นลานสบายยามบ่ายของเหล่าสี่ขา แต่ไม่นานมานี้ มีนกไปกินลูกกาฝากจากไหนไม่รู้ บินมาถ่ายเมล็ดไว้บนต้นประดู่ กาฝากงอกงามจนประดู่เริ่มโทรม เพื่อนบ้านบอกว่า กาฝากทำให้ต้นไม้ใหญ่ตายได้ ถ้าจะรักษาประดู่ไว้ ต้องปีนขึ้นไปตัดกาฝากทิ้งให้หมด


ยามลูกกาฝากสุก สารพัดนกจะบินมากินเลี้ยงเสียงจ้อกแจ้กร่าเริง ฉันกำลังไตร่ตรองว่าควรปล่อยให้ธรรมชาติตัดสินหรือไม่ หากยอมให้กาฝากงอกงามตามใจ นั่นย่อมหมายความว่า นกเล็กๆ หลายชนิดจะมีแหล่งอาหารเพิ่มขึ้น แต่ประดู่อาจยืนต้นตาย และสิ่งที่หายไปคือความร่มครึ้มที่หมู่หมาได้อาศัยนอนกันเป็นประจำ

 

๘.

เสียงเพลงลูกทุ่งดังแหวกแสงแดดเจิดจ้ามาแต่ไกล

ใกล้เข้ามาคือรถกระบะขายน้ำแข็งใส่น้ำสารพัดชนิด โอเลี้ยงดำขมอมหวาน กาแฟเย็นหอมมัน ซาสี่รสซ่า ชาเย็นสีส้มใส่นม มีกระติกสารพัดสีแขวนราวเต้นระบำอยู่เต็มข้างรถ หมู่หมาทำท่าตื่นเต้น พากันยืดคอรอเห่า ฉันวิ่งเข้าบ้านไปคว้ากระติกใบเก่าและควานเศษสตางค์ในกระป๋อง ใจนึกถึงนมเย็นสีหวานเหมือนดอกชมพูพันธุ์ทิพย์

 

๙.

เช่นเดียวกับที่รักฤดูฝน และฤดูหนาว

ฉันรักฤดูร้อน

 

บล็อกของ มูน

มูน
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเพิ่งจากไปในเช้าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าของเดือนเมษายนแตะแต้มกลีบบางของดอกดาวกระจายสีชมพู ใกล้ๆ กันเป็นกระถางของเดซี่น้อย ที่กำลังแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา อวดเกสรสีเหลืองแจ่มใสกับกลีบเล็กสีขาวที่กระจายอยู่รายรอบ“ชอบดอกไม้ไหมจ๊ะ ขนดอกไม้ไปปลูกกันเถอะ” นึกถึงเสียงใสของเธอเมื่อสองเดือนก่อน ตามด้วยคำหยอกเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ “หรือชอบเลี้ยงแต่แมวๆ หมาๆ”เธอยิ้มแย้มอยู่ในกระโปรงยาวกรุยกราย เข้ากับผ้าคลุมไหล่สีสวยมีดอกไม้มากมายถูกทิ้งไว้หลังการจัดงานนิทรรศการแห่งหนึ่ง บางส่วนอยู่ในกระถาง บางส่วนอยู่ในถุงดำ คนงานกำลังรื้อถอนส่วนต่างๆ ของงาน บรรดาดอกไม้ประดับถูกขนมากองสุมไว้ด้านนอก“…
มูน
  ไม่สบายกายและใจอยู่หลายวัน พอเรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็คว้าจักรยานยนต์คันเก่า ขี่โกรกเกรกกึงกังไปตลาดใหญ่ที่ไกลจากบ้านราวสิบกิโลเมตร รู้สึกสังขารตัวเองใกล้เคียงกับรถ คือมีอะไรสักอย่าง (หรือหลายอย่าง) ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนักพอพ้นจากทางดินเป็นถนนลาดยาง รถก็แล่นฉิว ลมพัดพรูจนผมปลิวกระจาย (นึกไปเองว่า) คล้ายๆ โฆษณาแชมพูสระผม ฝนที่ตกหนักไปเมื่อคืนวานทำให้อากาศสดแจ่ม ฟ้าใสกระจ่าง แซงแซวหางปลาเกาะอยู่บนกิ่งประดู่ข้างทาง ในทุ่งที่น้ำเจิ่งนองมีนกกระยางเดินท่องน้ำจ๋อมๆ อยู่หลายตัวลมพัดเสื้อคลุมสะบัดพึ่บพั่บ ชายเสื้อปลิวอยู่ด้านหลัง รู้สึกเริงรื่นจนต้องร้องเพลงดังๆ ตามจังหวะกึงกังของรถ "…
มูน
ฉันกำลังแบกเป้เดินทางรับจ้างทำงานอยู่แถวภาคเหนือ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเริงรื่นยังคงรวยรินแม้จะเลยปีใหม่ไปแล้วหลายวัน คนที่ไม่มีงานประจำ แต่มีรายจ่ายเรียงรายรอคอยอยู่ทุกเดือนอย่างฉัน ไม่มีเวลานั่งอยู่เฉย (ถึงแม้จะอยากนั่ง) ใครจ้างมา ฉันก็ไป เหมือนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่เกี่ยงระยะทางและผู้โดยสารใกล้เที่ยงคืนที่วางเป้ลงอย่างอ่อนแรงในห้องพักเล็กๆ ควักสมุดบันทึกขึ้นมาคำนวณรายจ่ายและแผนการเดินทางในวันถัดไป ใจคิดล่วงหน้าถึงวันกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแผ่วๆ มาจากกระเป๋าข้างเตียง ............นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่เวลาของความบันเทิงใจ ปีใหม่ในวัยเยาว์ครั้งหนึ่ง…
มูน
สายหมอกสีขาวนุ่มห่มคลุมยอดดอย ในเช้าที่ฉันนั่งรถเข้าหมู่บ้าน ไร่ยาสูบและไร่ข้าวโพดสองข้างทางดูเลือนลางอยู่ในแสงสลัวของดวงตะวัน ที่พยายามแทรกผ่านลมหนาวอย่างสุดความสามารถ“หนาวไหม หนาวเนาะ” พ่อเฒ่าสวมหมวกไหมพรมสีแดงทักถาม ฉันกอดอกแน่น ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เพราะหนาวจนพูดไม่ออก ควันกรุ่นสีขาวพรูออกทางจมูกเหมือนลมหายใจมังกรไฟในนิทาน คนที่เคยชวนฉันมาเมืองพร้าวไม่เคยเล่าว่าบ้านเกิดของเธอหนาวขนาดนี้สำหรับบางคน ความทรงจำอาจอบอุ่นตลอดกาล แมวลายสามตัวที่นอนอาบแดดกลางลานบ้านวิ่งกันกระจายเมื่อเห็นคนแปลกหน้า เหลือแมวอ้วนสีส้มหมอบอยู่บนอานรถเครื่องคันเก่า “ขอถ่ายรูปหน่อย อยู่นิ่งๆ นะ มือใหม่หัดถ่ายนะ…
มูน
สีสันสดใสในเทศกาลส่งท้ายปี เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งติดกระดาษริ้วสีทอง เขียนว่า HAPPY NEW YEAR 2008 ไว้เหนือประตูบ้าน อีกหลังติดไฟกระพริบ สลับกันวิบวับตรงนั้นตรงนี้ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งยื่นเค้กช็อคโกแลตให้ แล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่ คิดอะไรขอให้สมปรารถนาฉันยิ้มกับคำอวยพร ถามตัวเองเล่นๆ ในใจว่าปรารถนาอะไรบ้าง โอ้ ช่างมากมายจนน่าอายตัวเอง หนึ่งในความปรารถนาที่ฉันคิดเสมอมาเมื่อถึงวันปีใหม่ คือขอให้ยายได้พบกับป่องหยอด................ความจริงยายไม่ได้เป็นแค่ยาย ยายเคยเป็นแม่ แต่เมื่อลูกสาวคนเดียวของยายตายไป และยายไม่มีญาติที่ไหนอีก…
มูน
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน โต๋เต๋ชันคอขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน มันลุกพรวดพราดไปดู สักพักก็เดินหูลู่หางตก กลับมานอนหมอบเป็นรูปปั้นหมาตรงที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นหงอยเหงาราวกับคนอมทุกข์ฉันไม่รู้จะช่วยมันได้อย่างไร บางทีก็ไม่อาจมีใครแทนใครได้นึกย้อนไปถึงค่ำวันหนึ่งที่ฉันลงรถประจำทางใกล้แยกบางใหญ่ กำลังสำรวจสภาพกระดูกกระเดี้ยวที่ถูกเบียดเสียดบนรถมานานนับชั่วโมง หางตาก็เห็นอะไรแวบๆ จุดดำๆ เคลื่อนมาตามแนวถนน รถยนต์ก็ไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่เชิง ใกล้เข้ามาถึงเห็นเป็นหมาสีเข้มๆ ตัวหนึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าแทบจะแข่งกับรถที่แล่นอยู่บนถนนฉันพยายามมองว่ามันวิ่งตามอะไร เพราะวิ่งแบบนี้ไม่ใช่วิ่งเล่นแน่ๆ…
มูน
แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมาหลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ…
มูน
“ชีวิตดังตัวคนเดียว ท่ามกลางทะเลเปลี่ยว ต้องลอยคว้างกลางลมคลื่นหลับใหลไม่เคยเต็มตื่น ข้าวกลืนไม่เคยอิ่ม โอ้ รอยยิ้มไม่เคยได้” เสียงเพลง “ชีวิตคนเศร้า” ของทูล ทองใจ ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ และท่อนหนึ่งของเพลงที่พ่อมักร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยจบสักทีพ่อหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ทิ้งผืนนาไปตามหาความฝันของวัยหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อใช้เวลาตามหาตลอดชีวิต และพบเพียงความฝันที่แหว่งวิ่น ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับพ่อ เหมือนชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย แต่ทุกชิ้นชัดเจน และไม่เคยสักครั้งที่ฉันคิดจะลืมตอนที่ฉันอายุราวๆ ห้าหกขวบ พ่อพาไปดูหนังอินเดียเรื่อง “โชเล่ย์” ที่โรงหนังประชาบดี…
มูน
ใกล้บ้านเช่าหลังเก่าของฉันที่ขอนแก่น มีวัดป่าแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ฉันชอบไปเดินเล่นดูโบสถ์เก่าแก่คร่ำคร่าเต็มไปด้วยรอยตะไคร่ ไปนั่งฟังเสียงลมพัดใบไม้ และนั่งเล่นริมบึงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา เป็นวัดที่ให้บรรยากาศสงบงามสมกับเป็นสถานที่สำหรับ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จริงๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นวัดไหนเต็มไปด้วยไก่เท่าวัดนี้ ไก่หลากสีหลายขนาดเดินกันขวักไขว่ นับคร่าวๆ ได้สักหกหรือเจ็ดสิบตัว หลายตัวบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ ของต้นก้ามปูใหญ่ เจ้าอาวาสบอกว่า คนแถบนี้นิยมปล่อยไก่เป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง"สมัยก่อนเขาต้องตัดหางด้วยนะ ที่เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดไงล่ะ" ฉันถามถึงจำนวนไก่…
มูน
ลมหนาวพัดฟางหลังเก็บเกี่ยวปลิวว่อนกลางทุ่ง หลายบ้านเตรียมโกยฟางมัดเป็นท่อนเก็บไว้ให้วัวควายในหน้าแล้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าคนเรากินแค่หญ้าก็คงจะดี ไม่ต้องมีกิเลสอยากกินนั่นนี่ให้เดือดร้อนไปถึงพืชและสัตว์อีกมากมาย ที่ต้องถูกไล่ล่าบ้าง ถูกบังคับให้โตผิดธรรมชาติบ้าง ถูกเปลี่ยนนั่นแปลงนี่ให้ถูกใจคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก เข้าทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (ว่าเข้าไปนั่น)คิดจนหิว จึงหันไปเปิดตู้กับข้าว อะไรกันนี่ ช่างโล่งดีแท้ๆ มีแต่ถ้วยน้ำปลาพริกขี้หนู อ้อ มีปลาทู(แย่งแมวมา)หนึ่งตัว ทำปลาทูต้มน้ำปลาดีกว่า ทำง้ายง่าย แล้วก็อร้อย อร่อย ตั้งน้ำให้เดือดพลั่กๆ ใส่ปลาทู เหยาะน้ำปลาพริกขี้หนู บีบมะนาว…
มูน
หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่งคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่  เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน…
มูน
จับเจ่ารอรถอยู่ที่สถานีขนส่งเมืองอุบลฯ ลมปลายเดือนตุลาคมพัดมาในช่วงค่ำทำให้ต้องนั่งกอดอก กำลังเกือบสัปหงกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนเกือบชิดหัวเข่าโงหัวขึ้นเจอกับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างคาดหวังเรามองตากันอยู่เงียบๆ ฉันพินิจลักษณะของเธอแล้วเดาว่า น่าจะกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ด้วยว่าเต้านมที่หย่อนยานนั้นดูอวบเต่ง แต่รูปร่างที่ผอมเกร็งก็บอกว่า อาการการกินคงไม่บริบูรณ์เท่าไร อาจจะถึงขั้นขาดแคลนเสียด้วยซ้ำ “หิวเหรอจ๊ะ” ฉันถามเบาๆ ไม่มีเสียงจากเธอ แต่มีคำตอบอยู่ในแววตาละห้อยคู่นั้นฉันเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วท่ารถที่ค่อนข้างเงียบเหงา รถโดยสารที่แล่นระหว่างอำเภอหมดไปนานแล้ว…