Skip to main content

จะฝังตรงไหนล่ะคราวนี้”
แม่ถาม ในขณะที่ฉันยืนถือเสียมอยู่ข้างบ่อน้ำ กวาดตาไปทั่วบริเวณบ้านสี่ขา หญ้าคาและวัชพืชหน้าฝนแข่งกันแทงยอดท่วมหัวเข่าจนยากที่จะเจาะจงชี้ชัดลงไปว่า ตรงไหนเป็น “ที่” ของใคร


นึกแล้วก็น่าที่จะปักป้ายไว้ให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมาเปลืองหัวคิด
แต่ถ้าปักป้ายชื่อไว้เหนือกองดินทุกกองที่เราเคยขุดและกลบฝัง บ้านสี่ขาคงดูคล้ายๆ ภาพประกอบการ์ตูนผีเล่มละบาทสมัยก่อน


เธอนอนอยู่กลางป่าช้าเลยนะนั่น” เพื่อนคนหนึ่งสรุปพลางทำท่าขนลุก ฉันหัวเราะขำคนกลัวผีสี่ขา
การอุปการะหมาแมวที่ถูกทอดทิ้งหรือถูกทำร้าย ย่อมมีจำนวนตัวที่เจ็บป่วยอ่อนแอสารพัดโรค มากกว่าตัวที่สมบูรณ์แข็งแรง บางต้วอดอยากตรากตรำอยู่นาน บางตัวพิการ บางตัวป่วยเรื้อรังทั้งกายใจ บางตัวมาด้วยหัวใจสลาย ฟื้นฟูอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิม เจ้าสี่ขาส่วนหนึ่งจึงอยู่กับเราไม่นานนัก


ครั้งนี้เป็นเต้าหู้


นึกถึงครั้งแรกที่พบมัน ฉันคิดว่าเป็นคางคกเสียอีก ที่ซุกอยู่ในรองเท้าผ้าใบเก่าๆ ข้างหนึ่ง ริมบึงสาธารณะชานเมืองขอนแก่น
(ราวๆ ปี 2546)

ก้มมองใกล้ๆ ถึงเห็นว่าเป็นลูกหมาตัวเท่ากำปั้น ผอมโซ หนังที่หุ้มกระดูกตะปุ่มตะป่ำพุพองเฉอะแฉะด้วยน้ำเหลืองน้ำหนอง กลิ่นเหม็นคลุ้ง

แถวนั้นแทบไม่มีบ้านเรือนผู้คนเพราะใกล้บ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล ไม่รู้ว่าลูกหมาเล็กๆ ตัวนี้มาจากไหน มันคงเดินโซซัดโซเซฝ่าแดดมาจนพบช่องเล็กๆ ของรองเท้าข้างหนึ่ง จึงตะกายเข้าไปซุก ปลอกคอเก่าๆ เส้นจิ๋วบอกว่ามันเคยมีเจ้าของ

แล้วเต้าหู้ก็มาอยู่บ้านสี่ขา รักษาอยู่นานกว่าขนจะขึ้นเต็มตัว ชอบเห่าเสียงแหลมเพื่อเรียกร้องความสนใจ ถ้าวันไหนอาบน้ำและแปรงขนให้ เต้าหู้จะมีความสุขมาก

ตอนที่เราหอบหิ้วหมาแมวทั้งหมดขึ้นรถบรรทุกย้ายจากอีสานมาบ้านสี่ขาหลังนี้ เต้าหู้เอาแต่ปีนป่ายเกาะไม้ระแนงด้านข้างรถ ตลอดเส้นทางที่ใช้เวลาเกือบ
10 ชั่วโมง

เมื่อถึงบ้าน มันก็ปีนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่สูงกว่าพื้นดินจนแม่บ่นว่ามันอาจเคยเป็นลิงก่อนมาเป็นหมา
แม้แต่เวลาอุ้ม เต้าหู้จะพยายามตะกายขึ้นบ่า เพื่อจะไปเกาะอยู่บนหัวของฉัน
ครั้งหนึ่งมันปีนขึ้นไปเกาะอยู่บนกำแพงได้อย่างไรไม่ทราบ แล้วก็ร้องโหยหวนเพราะลงไม่ได้ นึกถึงใบหน้ากลุ้มอกกลุ้มใจของมันแล้ว ต้องยิ้มทุกครั้ง


วันดีคืนดี หมาๆ ก็ยกพวกตะลุมบอนกัน เต้าหู้พลาดท่ากลิ้งหลุนๆ ตกลงไปในบ่อน้ำ มันแช่น้ำคร่ำครวญไม่ยอมขึ้นเอง เดือดร้อนคนต้องไต่ตลิ่งลงไปอุ้ม

ตั้งแต่วันนั้น เต้าหู้ไม่ยอมเหยียบพื้นดินอีกเลย มันตะกายขึ้นไปอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง กินนอนฉี่อึอยู่บนนั้นให้ฉันและแม่ค่อยเก็บล้างมาเกือบสามปี

แล้วอยู่ๆ เต้าหู้ก็เกิดอาการคอเอียง หันหัวตรงๆ ไม่ได้ และไม่กินอาหาร จับตัวก็สะดุ้งครางเหมือนเจ็บ แต่หาไม่เจอว่าเจ็บตรงไหน เหงือกสีชมพูกลายเป็นซีดขาว

รีบเหมารถรับจ้างพาไปหาสัตวแพทย์ในจังหวัด คุณหมอพบว่ามีแผลใหญ่ในลำคอ จึงฉีดยาแก้ไข้แก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาบำรุง ทั้งยังเจาะเลือดไปตรวจหาสาเหตุอาการซีด

กลับบ้านได้วันเดียว ยังไม่ทันรู้ผลเลือด เต้าหู้ก็ซึม ก่อนจะล้มลงชัก และหยุดหายใจไปโดยที่เราตั้งสติไม่ทัน ทั้งๆ ที่ฉันเพิ่งคุยกับมันว่า “เดี๋ยวก็หายนะเต้าหู้” มันยังอุตส่าห์กระดิกหางรับ

 


ภาพเดียวของเต้าหู้ (บนโต๊ะของมัน)


การจากไปของเพื่อนสี่ขาไม่ว่าหมาหรือแมว เป็นเรื่องเศร้าเสมอสำหรับแม่และฉัน และเมื่อระลึกถึงเรื่องราวของมันกับความผูกพันระหว่างเรา ก็เป็นความสุขปนเศร้าทุกครั้งไป


ตรงริมบ่อน้ำนั้น เป็นที่ของเจ้าวุ่น ดวงดี แตงไทย และเพื่อนๆ ที่ตายพร้อมกันจากการถูกวางยาเบื่อ ความจริงมีหมาถูกวางยาในครั้งนั้นนับสิบตัว แต่นาทีที่ทุกตัวชักกระตุกและล้มลง เรากระหืดกระหอบช่วยชีวิตพวกมันได้ทันเพียงสี่ตัว หลายตัวที่เหลือดิ้นพราดๆ ทุรนทุราย เราได้แต่วิ่งถลาไปเรียกตัวนั้นปลอบตัวนี้เหมือนคนบ้า และต้องดูมันสิ้นใจในเวลาไล่ๆ กันด้วยความเจ็บในอก ลำคอตีบตัน และน้ำตาเต็มตา

ที่ริมรั้วด้านโน้นเป็นที่ของโมเม หมาพิการผู้อาภัพ กับยุ่งยิ่ง หมาขี้เหงา ส่วนรั้วด้านนี้เป็นของติงลี่ อดีตหมาบ้านหลังใหญ่ที่ถูกเจ้าของทิ้งเพราะเป็นขี้เรื้อน

ใต้ต้นโมกเป็นบรรดาแมวๆ สิบเอ็ดตัวที่จากไปเมื่อคราวไข้หัดระบาด อีกหลายตัวอยู่ใต้ต้นประดู่ ข้างๆ ต้นยอป่า ใต้เงาหางนกยูง ใต้กอบานชื่น ข้างต้นพริก ใต้ต้นชะอม ตรงนี้ ตรงนั้น ตรงโน้น นับคร่าวๆ ได้ว่า มีหมาแมวนอนอยู่ใต้ดินทั่วบ้านสี่ขากว่าสี่สิบตัว

วันนี้คงเป็นวันแรกในรอบสองปี ที่เต้าหู้จะได้ลงไปสัมผัสพื้นดินอีกครั้ง


ฉันกะขนาดหลุมที่เต้าหู้จะนอนหลับได้ในท่าสบายๆ ของมัน คาดว่าคงขุดเสร็จก่อนฝ่ามือจะพอง ถ้าเป็นอย่างเจ้ามะม่วงที่จากไปก่อนหน้านี้ ฉันต้องขุดไปหอบไป ขุดๆ พักๆ หลายรอบ กว่าจะได้หลุมที่กว้างและลึกสำหรับหมาน้ำหนักกว่าสามสิบกิโล เล่นเอาเอวเคล็ด หลังยอก มือแตกพองถูกน้ำไม่ได้อยู่หลายวัน

เคยคิดว่าการขุดหลุมแมวจะง่ายกว่าหมา แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกว่า จมูกหมาเหนือกว่าคนร้อยเท่า โดยเฉพาะหมาบ้านสี่ขาที่นิยมขุดดินเล่นกันเป็นงานอดิเรก จะฝังอะไรต้องฝังให้ลึก กลบให้มิด ชนิดที่กลิ่นแทรกเนื้อดินขึ้นมาไม่ได้เด็ดขาด

ไม่อย่างนั้นอาจจะพบว่า กองดินที่บรรจงกลบฝังอย่างดี มีดอกไม้ปลูกประดับ ถูกขุดใหม่กระจุยกระจาย ด้วยฝีมือ
(ความจริงฝีตีน) ของหมาตัวใดตัวหนึ่ง และร่างแมวน่ารักที่เพิ่งฝังไปเมื่อสามวันก่อน ก็กลายเป็นของเล่นรุ่งริ่งที่บรรดาหมาจอมซนดึงทึ้งกลิ้งเกลือกกันอย่างสนุกสนาน

นอกจากจะต้องตั้งสติตามเก็บรวบรวมเศษชิ้นส่วนของแมวน้อยที่น่าสงสารมาฝังใหม่
(ให้ลึกกว่าเดิม) แล้ว ยังต้องไล่จับหมาตัวดีทั้งฝูงมาอาบน้ำอีกด้วย

ในวันข้างหน้า เจ้าสี่ขากว่าเจ็ดสิบตัวที่เหลือก็จะได้ลงไปนอนในดินเช่นกัน ก่อนถึงตอนนั้นฉันอาจจะต้องปักป้ายเหมือนป่าช้าเข้าจริงๆ เพื่อเตือนความจำไม่ให้ขุดซ้ำที่เดิม


ระวังขุดโดนกระดูกตัวไหนเข้านะ” แม่ตะโกนจากโต๊ะเต้าหู้ ขณะฉันปักเสียมลงไปข้างๆ ต้นชบาดอกแดง
ตรงนี้ไม่มีกระดูกหรอก แต่อาจจะมีไหทองคำ” ฉันพูดขำๆ เมื่อออกแรงจนหัวสั่นหัวคลอน งัดก้อนดินแข็งโป๊กขึ้นมา นึกเล่นๆ ว่าจะเป็นยังไงถ้าขุดได้ไหทองคำเข้าจริงๆ สงสัยต้องรีบแจ้งกรมศิลปากร

ถ้ามีโอกาสเกิดใหม่ก็มาเจอกันอีกนะลูกนะ”
เสียงแม่นัดแนะกับเต้าหู้อยู่แว่วๆ

 

 

 

บล็อกของ มูน

มูน
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเพิ่งจากไปในเช้าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าของเดือนเมษายนแตะแต้มกลีบบางของดอกดาวกระจายสีชมพู ใกล้ๆ กันเป็นกระถางของเดซี่น้อย ที่กำลังแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา อวดเกสรสีเหลืองแจ่มใสกับกลีบเล็กสีขาวที่กระจายอยู่รายรอบ“ชอบดอกไม้ไหมจ๊ะ ขนดอกไม้ไปปลูกกันเถอะ” นึกถึงเสียงใสของเธอเมื่อสองเดือนก่อน ตามด้วยคำหยอกเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ “หรือชอบเลี้ยงแต่แมวๆ หมาๆ”เธอยิ้มแย้มอยู่ในกระโปรงยาวกรุยกราย เข้ากับผ้าคลุมไหล่สีสวยมีดอกไม้มากมายถูกทิ้งไว้หลังการจัดงานนิทรรศการแห่งหนึ่ง บางส่วนอยู่ในกระถาง บางส่วนอยู่ในถุงดำ คนงานกำลังรื้อถอนส่วนต่างๆ ของงาน บรรดาดอกไม้ประดับถูกขนมากองสุมไว้ด้านนอก“…
มูน
  ไม่สบายกายและใจอยู่หลายวัน พอเรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็คว้าจักรยานยนต์คันเก่า ขี่โกรกเกรกกึงกังไปตลาดใหญ่ที่ไกลจากบ้านราวสิบกิโลเมตร รู้สึกสังขารตัวเองใกล้เคียงกับรถ คือมีอะไรสักอย่าง (หรือหลายอย่าง) ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนักพอพ้นจากทางดินเป็นถนนลาดยาง รถก็แล่นฉิว ลมพัดพรูจนผมปลิวกระจาย (นึกไปเองว่า) คล้ายๆ โฆษณาแชมพูสระผม ฝนที่ตกหนักไปเมื่อคืนวานทำให้อากาศสดแจ่ม ฟ้าใสกระจ่าง แซงแซวหางปลาเกาะอยู่บนกิ่งประดู่ข้างทาง ในทุ่งที่น้ำเจิ่งนองมีนกกระยางเดินท่องน้ำจ๋อมๆ อยู่หลายตัวลมพัดเสื้อคลุมสะบัดพึ่บพั่บ ชายเสื้อปลิวอยู่ด้านหลัง รู้สึกเริงรื่นจนต้องร้องเพลงดังๆ ตามจังหวะกึงกังของรถ "…
มูน
ฉันกำลังแบกเป้เดินทางรับจ้างทำงานอยู่แถวภาคเหนือ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเริงรื่นยังคงรวยรินแม้จะเลยปีใหม่ไปแล้วหลายวัน คนที่ไม่มีงานประจำ แต่มีรายจ่ายเรียงรายรอคอยอยู่ทุกเดือนอย่างฉัน ไม่มีเวลานั่งอยู่เฉย (ถึงแม้จะอยากนั่ง) ใครจ้างมา ฉันก็ไป เหมือนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่เกี่ยงระยะทางและผู้โดยสารใกล้เที่ยงคืนที่วางเป้ลงอย่างอ่อนแรงในห้องพักเล็กๆ ควักสมุดบันทึกขึ้นมาคำนวณรายจ่ายและแผนการเดินทางในวันถัดไป ใจคิดล่วงหน้าถึงวันกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแผ่วๆ มาจากกระเป๋าข้างเตียง ............นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่เวลาของความบันเทิงใจ ปีใหม่ในวัยเยาว์ครั้งหนึ่ง…
มูน
สายหมอกสีขาวนุ่มห่มคลุมยอดดอย ในเช้าที่ฉันนั่งรถเข้าหมู่บ้าน ไร่ยาสูบและไร่ข้าวโพดสองข้างทางดูเลือนลางอยู่ในแสงสลัวของดวงตะวัน ที่พยายามแทรกผ่านลมหนาวอย่างสุดความสามารถ“หนาวไหม หนาวเนาะ” พ่อเฒ่าสวมหมวกไหมพรมสีแดงทักถาม ฉันกอดอกแน่น ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เพราะหนาวจนพูดไม่ออก ควันกรุ่นสีขาวพรูออกทางจมูกเหมือนลมหายใจมังกรไฟในนิทาน คนที่เคยชวนฉันมาเมืองพร้าวไม่เคยเล่าว่าบ้านเกิดของเธอหนาวขนาดนี้สำหรับบางคน ความทรงจำอาจอบอุ่นตลอดกาล แมวลายสามตัวที่นอนอาบแดดกลางลานบ้านวิ่งกันกระจายเมื่อเห็นคนแปลกหน้า เหลือแมวอ้วนสีส้มหมอบอยู่บนอานรถเครื่องคันเก่า “ขอถ่ายรูปหน่อย อยู่นิ่งๆ นะ มือใหม่หัดถ่ายนะ…
มูน
สีสันสดใสในเทศกาลส่งท้ายปี เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งติดกระดาษริ้วสีทอง เขียนว่า HAPPY NEW YEAR 2008 ไว้เหนือประตูบ้าน อีกหลังติดไฟกระพริบ สลับกันวิบวับตรงนั้นตรงนี้ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งยื่นเค้กช็อคโกแลตให้ แล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่ คิดอะไรขอให้สมปรารถนาฉันยิ้มกับคำอวยพร ถามตัวเองเล่นๆ ในใจว่าปรารถนาอะไรบ้าง โอ้ ช่างมากมายจนน่าอายตัวเอง หนึ่งในความปรารถนาที่ฉันคิดเสมอมาเมื่อถึงวันปีใหม่ คือขอให้ยายได้พบกับป่องหยอด................ความจริงยายไม่ได้เป็นแค่ยาย ยายเคยเป็นแม่ แต่เมื่อลูกสาวคนเดียวของยายตายไป และยายไม่มีญาติที่ไหนอีก…
มูน
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน โต๋เต๋ชันคอขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน มันลุกพรวดพราดไปดู สักพักก็เดินหูลู่หางตก กลับมานอนหมอบเป็นรูปปั้นหมาตรงที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นหงอยเหงาราวกับคนอมทุกข์ฉันไม่รู้จะช่วยมันได้อย่างไร บางทีก็ไม่อาจมีใครแทนใครได้นึกย้อนไปถึงค่ำวันหนึ่งที่ฉันลงรถประจำทางใกล้แยกบางใหญ่ กำลังสำรวจสภาพกระดูกกระเดี้ยวที่ถูกเบียดเสียดบนรถมานานนับชั่วโมง หางตาก็เห็นอะไรแวบๆ จุดดำๆ เคลื่อนมาตามแนวถนน รถยนต์ก็ไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่เชิง ใกล้เข้ามาถึงเห็นเป็นหมาสีเข้มๆ ตัวหนึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าแทบจะแข่งกับรถที่แล่นอยู่บนถนนฉันพยายามมองว่ามันวิ่งตามอะไร เพราะวิ่งแบบนี้ไม่ใช่วิ่งเล่นแน่ๆ…
มูน
แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมาหลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ…
มูน
“ชีวิตดังตัวคนเดียว ท่ามกลางทะเลเปลี่ยว ต้องลอยคว้างกลางลมคลื่นหลับใหลไม่เคยเต็มตื่น ข้าวกลืนไม่เคยอิ่ม โอ้ รอยยิ้มไม่เคยได้” เสียงเพลง “ชีวิตคนเศร้า” ของทูล ทองใจ ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ และท่อนหนึ่งของเพลงที่พ่อมักร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยจบสักทีพ่อหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ทิ้งผืนนาไปตามหาความฝันของวัยหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อใช้เวลาตามหาตลอดชีวิต และพบเพียงความฝันที่แหว่งวิ่น ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับพ่อ เหมือนชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย แต่ทุกชิ้นชัดเจน และไม่เคยสักครั้งที่ฉันคิดจะลืมตอนที่ฉันอายุราวๆ ห้าหกขวบ พ่อพาไปดูหนังอินเดียเรื่อง “โชเล่ย์” ที่โรงหนังประชาบดี…
มูน
ใกล้บ้านเช่าหลังเก่าของฉันที่ขอนแก่น มีวัดป่าแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ฉันชอบไปเดินเล่นดูโบสถ์เก่าแก่คร่ำคร่าเต็มไปด้วยรอยตะไคร่ ไปนั่งฟังเสียงลมพัดใบไม้ และนั่งเล่นริมบึงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา เป็นวัดที่ให้บรรยากาศสงบงามสมกับเป็นสถานที่สำหรับ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จริงๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นวัดไหนเต็มไปด้วยไก่เท่าวัดนี้ ไก่หลากสีหลายขนาดเดินกันขวักไขว่ นับคร่าวๆ ได้สักหกหรือเจ็ดสิบตัว หลายตัวบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ ของต้นก้ามปูใหญ่ เจ้าอาวาสบอกว่า คนแถบนี้นิยมปล่อยไก่เป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง"สมัยก่อนเขาต้องตัดหางด้วยนะ ที่เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดไงล่ะ" ฉันถามถึงจำนวนไก่…
มูน
ลมหนาวพัดฟางหลังเก็บเกี่ยวปลิวว่อนกลางทุ่ง หลายบ้านเตรียมโกยฟางมัดเป็นท่อนเก็บไว้ให้วัวควายในหน้าแล้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าคนเรากินแค่หญ้าก็คงจะดี ไม่ต้องมีกิเลสอยากกินนั่นนี่ให้เดือดร้อนไปถึงพืชและสัตว์อีกมากมาย ที่ต้องถูกไล่ล่าบ้าง ถูกบังคับให้โตผิดธรรมชาติบ้าง ถูกเปลี่ยนนั่นแปลงนี่ให้ถูกใจคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก เข้าทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (ว่าเข้าไปนั่น)คิดจนหิว จึงหันไปเปิดตู้กับข้าว อะไรกันนี่ ช่างโล่งดีแท้ๆ มีแต่ถ้วยน้ำปลาพริกขี้หนู อ้อ มีปลาทู(แย่งแมวมา)หนึ่งตัว ทำปลาทูต้มน้ำปลาดีกว่า ทำง้ายง่าย แล้วก็อร้อย อร่อย ตั้งน้ำให้เดือดพลั่กๆ ใส่ปลาทู เหยาะน้ำปลาพริกขี้หนู บีบมะนาว…
มูน
หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่งคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่  เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน…
มูน
จับเจ่ารอรถอยู่ที่สถานีขนส่งเมืองอุบลฯ ลมปลายเดือนตุลาคมพัดมาในช่วงค่ำทำให้ต้องนั่งกอดอก กำลังเกือบสัปหงกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนเกือบชิดหัวเข่าโงหัวขึ้นเจอกับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างคาดหวังเรามองตากันอยู่เงียบๆ ฉันพินิจลักษณะของเธอแล้วเดาว่า น่าจะกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ด้วยว่าเต้านมที่หย่อนยานนั้นดูอวบเต่ง แต่รูปร่างที่ผอมเกร็งก็บอกว่า อาการการกินคงไม่บริบูรณ์เท่าไร อาจจะถึงขั้นขาดแคลนเสียด้วยซ้ำ “หิวเหรอจ๊ะ” ฉันถามเบาๆ ไม่มีเสียงจากเธอ แต่มีคำตอบอยู่ในแววตาละห้อยคู่นั้นฉันเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วท่ารถที่ค่อนข้างเงียบเหงา รถโดยสารที่แล่นระหว่างอำเภอหมดไปนานแล้ว…