อาการป่วยของแม่ทุเลาลง แต่ยังไม่หายเป็นปกติเพราะโรคฉวยโอกาสบางชนิดที่ยังทำให้แม่อ่อนเพลีย คุณหมอมาดูแลอาการของแม่บ่อยครั้ง คุณหมอจะยิ้มอย่างปลอดโปร่งใจทุกครั้งเมื่อตรวจดูอาการของแม่เสร็จ
สายรุ้งไม่แน่ใจว่ารอยยิ้มของคุณหมอมีความหมายว่าอะไร อาจหมายถึงว่าแม่จะกลับมามีสุขภาพแข็งแรงดังเดิมหรือเพื่อปลอบใจสายรุ้งกันแน่ หรือว่าคุณหมอที่ไหน ๆ ต่างก็มีรอยยิ้มลักษณะเช่นนี้
“แม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ”
คุณหมอทำท่าตรึกตรองราวกับกำลังหาคำอธิบายที่เหมาะ ๆ นั่นยิ่งทำให้สายรุ้งรู้สึกกังวลหนักขึ้น
“หนูต้องดูแลแม่ดี ๆ นะ” คุณหมอตอบ “หนูรู้ไหมว่าหนูมีส่วนอย่างมากในการทำให้คุณแม่หายจากอาการป่วยไว ๆ”
“แล้วแม่ผมจะหายเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ”
“ขึ้นอยู่กับอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น การดูแลเอาใจใส่ของคนรอบข้าง ความเข้มแข็งของผู้ป่วยและสภาพแวดล้อม เอ่อ อากาศ อาหารการกินและอะไรต่าง ๆ อีกหลายปัจจัย”
“แม่ผมเป็นโรคอะไรครับ”
“อือ คือแม่ของหนูไม่สบายเพราะร่างกายอ่อนแอ ได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจนร่างกายต้านทานไม่ไหว”
“ทำไมร่างกายจึงอ่อนแอได้”
“เข้าใจถามแฮะ” คุณหมอทำท่าครุ่นคิด “ร่ายกายอ่อนแอก็มีหลายสาเหตุ บางคนอาจเป็นเพราะภูมิแพ้ แพ้แดด แพ้อากาศ บางคนนอนน้อยเกินไป บางคนก็ไม่ได้ทานอาหาร เหล่านี้ก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ทั้งนั้น”
“แล้วความอ่อนแอของแม่เกิดจากอะไร ทั้งที่แม่ไม่ได้นอนน้อย แม่ทานอาหารที่อร่อยและมีประโยชน์เสมอ”
“ยังไงดีล่ะ” หมอตอบ “ขอหมอกลับไปคิดหาสาเหตุก่อนก็แล้วกัน”
สายรุ้งคิดทบทวนถึงคำพูดของคุณหมอ จริง ๆ แล้วคุณหมอไม่เคยพูดยืนยันสักครั้งเดียวเลยว่าแม่จะหายดีเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม สายรุ้งจะพูดกับแม่ว่า “คุณหมอบอกว่าแม่ไม่เป็นอะไรมาก และต้องพักผ่อนเยอะ ๆ แล้วแม่จะหายเหมือนเดิม”
แม่ยิ้มแล้วพูดว่า “พักผ่อนเยอะ ๆ ก็ดีนะ แต่ดูสิ งานการไม่ได้ทำ แล้วยังต้องเป็นภาระให้ลูกอีก แม่รับสภาพตัวเองแบบนี้ไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นภาระหรอกครับ” สายรุ้งโต้ เขาอยากจะบอกว่าเขามีความสุขที่ได้ปรนนิบัติแม่ ได้ทำอะไรตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เขากลัวว่าหากพูดแบบนี้มันจะกลายเป็นการแสดงความอ่อนแอมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงเงียบไว้ เขามีหลายอย่างที่อยากบอกแม่ แต่บางเรื่องเขาคิดว่ายังไม่ถึงเวลาและยังไม่พร้อม
“สายรุ้ง ลูกช่วยอะไรแม่หน่อยสิ ช่วยส่งงานให้แม่ส่งหน่อย เอ่อ งานที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ แม่เขียนเสร็จตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ได้ส่ง” แม่บอกชื่อไฟล์ของงานและอีเมล์แอดเดรสสำหรับที่จะส่งงาน
สายรุ้งใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตได้คล่องแคล่วแล้ว แม่ได้สอนให้เขารู้จักใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชนิดนี้
แม่เคยบอกว่า “เทคโนโลยีเหมือนดาบสองคมที่มีทั้งคุณและโทษขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะใช้มันอย่างไร”
สายรุ้งเข้าใจคำเปรียบเทียบของแม่และรู้ว่าควรจะใช้คอมพิวเตอร์อย่างไร เขาจัดการทำงานให้แม่อย่างว่องไว
“แม่มีอะไรก็บอกผมได้ทุกเวลานะครับ ผมสามารถทำงานแทนแม่ได้” สายรุ้งพูดอย่างเชื่อมั่น
แม่หัวเราะกับคำพูดของสายรุ้ง เขาเป็นเพียงเด็กนักเรียนชั้นประถม จะมาทำงานเขียนหนังสือแทนแม่ได้อย่างไร
“ไม่ต้องหรอก สายรุ้งตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอแล้ว”
“ที่จริงผมก็ชอบเขียนหนังสือเหมือนกัน” สายรุ้งตอบ “แต่ตอนนี้ผมต้องอ่านก่อน แม่แนะนำให้ผมอ่านบ้างสิครับ”
“ลูกก็อ่านแฮรี่ พ็อตเตอร์ หามรุ่งหามค่ำอยู่แล้วนี่ หนังสือเรียนก็มี จริงสิลูกไม่ไปโรงเรียนหลายวันแล้ว”
สายรุ้งเป็นห่วงแม่จนไม่อยากไปโรงเรียน เขาไม่อยากจากแม่ไปไหน เขากังวลว่าแม่อาจจะมีอาการทรุดหนักตอนที่เขาไม่อยู่
“ความคิดแบบนี้ไม่เข้าท่า” เขาบอกตนเอง
“ลูกไม่ไปโรงเรียนหลายวันแล้ว เดี๋ยวครูกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนจะคิดถึง แม่มีคุณตากับน้ามลคอยดูแลอยู่แล้ว เพื่อนแม่ก็แวะมาเยียมบ่อย ๆ ลูกไม่ต้องเป็นห่วงแม่มากนักหรอก แม่รู้แล้วว่าลูกรักแม่”
“ครับ”
เขาหลับตา ซบหน้าลงบนเตียงใกล้แม่ แม่ลูบศีรษะเขาเบา ๆ ดังที่เคยทำอยู่เสมอตอนที่เขายังเด็กกว่านี้ ความรัก ความอบอุ่นอบอวลอยู่ในห้องนั้น แม้จะมีโรคภัยไข้เจ็บแต่พลังแห่งความห่วงหาอาทรจะบรรเทามันให้เบาบางลงได้