Skip to main content
เราสามคน พ่อแม่ลูก กลายเป็นคนวัดไปแล้ว อ้อ บางวันมีน้านีมาจากสกลฯ ช่วยทำกับข้าวด้วย และยังผู้รู้เรื่องธรรมชาติบำบัดอีกหลายคน ที่มาช่วยแนะนำสิ่งที่ดีๆให้ แต่แม่ยังต้องเดินไปทำอาหารที่โรงครัวของวัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรานัก ที่นั่นสะอาดและกว้างโล่ง มีน้ำประปาภูเขาให้ใช้อย่างสะดวกสบายเหลือเฟือ อันที่จริงก็ใช้กันทุกมุมวัดอยู่แล้ว เพราะว่าน้ำประปาที่ว่านี้ คือน้ำที่ผุดขึ้นมาเป็นน้ำพุเล็กๆ ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของภู ความสูงของพื้นที่ซึ่งสูงกว่าที่วัด หลวงพ่อจึงสร้างประปาภูเขาขึ้นมาอย่างง่ายดาย มีถังน้ำพักน้ำ ณ จุดที่มีน้ำพุหนึ่งลูก แล้วใส่ท่อให้มันวิ่งมาตามท่อน้ำ มาพักที่ถังเก็บน้ำลูกใหญ่ๆหลายสิบลูกที่หน้าศาลาใหญ่ แล้วปล่อยให้ไหลรินไปตามท่อสู่กุฏิ สู่แปลงผัก สู่โรงครัว สู่ห้องน้ำที่เป็นห้องแถวยาว เราจึงไม่เคยขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ กันเลย


ที่พิเศษกว่านั้นเกี่ยวเรื่องน้ำใช้ในวัดนี้ เพราะนักวิชาการสาธารณะสุข ได้นำน้ำไปตรวจสอบสภาพความบริสุทธิ์ พบว่าในน้ำมีแร่ธาตุที่สามารถดื่มและรักษาโรคได้ด้วย พืชผักต่างๆที่ปลูกแล้วรดด้วยน้ำนี้ จะมีสรรพคุณทางยาสูง แม่จึงคิดว่าลูกโชคดีที่สุดแล้ว ที่ได้พบหลวงพ่อและมาอาศัยที่วัดของท่าน

 

ทุกๆเช้าพ่อจะลงไปรอรับหลวงพ่อที่เชิงภู เพื่อช่วยถืออาหารทั้งหลาย ที่ได้มาจากการออกไปบิณฑบาตรที่บ้านกกตูม (หลวงพ่อต้องนั่งรถปิคอัพของวัดไปทุกวัน เพราะเป็นชุมชนเดียวที่อยู่ใกล้ที่สุด ระยะทางประมาณ 8กิโลเมตร)

พ่อแทบจะไม่ได้ออกไปทำงานอีกเลย นานๆจะไปสักครั้งในกรณีที่จำเป็นจริงๆ โชคดีอีกอย่างหนึ่งของเราก็ได้ ที่งานของพ่อไม่ใช่งานราชการ เนื้อหางานที่ผ่อนปรนให้คนอื่นทำแทนกันได้ โดยที่ไม่เสียงาน เพื่อนร่วมงานต่างเข้าใจดี ก็งานในองค์กรพัฒนาเอกชน ที่พ่อเองกลายเป็นคนในชุมชนไปแล้ว ชีวิตกับงานกลมกลืนเป็นธรรมชาติ แม่ยิ่งสบายกว่าพ่อ บทบาทสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล สมัยแรกใหม่หมาด ไม่ได้ทำให้งานของส่วนรวมกระทบกระเทือน เมื่อถึงคราวประชุมแม่ก็ออกไปประชุม เสร็จงานก็กลับมาอยู่กับลูก พร้อมกับอาหารของลูก คือผักและผลไม้ที่ต้องหาบขึ้นวัด กับกระเป๋าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหารสะพายไว้ด้านหลัง แม่มีความสุขกับการที่ได้ทำให้ลูก

 

ทั้งพ่อทั้งแม่ สามารถบอกกับใครๆได้ว่า สำหรับลูกแล้ว เราไม่เคยมีคำว่า "รอก่อนนะลูก"

ภาระการออกไปหาอาหารที่จำเป็นสำหรับลูกเราต้องทำทันที เพราะผลไม้ต้องใหม่สดจริงๆ ดังนั้นเกือบทุกๆสองวันเราต้องลงไปหามา โชดดีที่พ่อได้ทำงานเครือข่ายอินแปงที่มุ่งส่งเสริมให้พี่น้องรอบป่าภูพานได้ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูพืชผักพื้นบ้านอาหารธรรมชาติตามแนวคิดอินแปง ยกป่าภูพานมาไว้สวน คือการนำพืชผักผลไม้จากป่าภูพานมาปลูก ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูกเราจึงมีแปลงเกษตรเช่นนี้มากมาย มีอาหารเหลือเฟือให้ลูก เช่น ที่สวนของแม่ชีวทัศน์ มี บวบ มะละกอก น้อยหน่า แก้วมังกร ผักหวานบ้าน มะรุม ไข่ไก่บ้าน พ่อหวัง พ่อชาดี มีกล้วยน้ำหว้า ฟักทอง แตงโมง กินอร่อย พี่น้องกินแปงที่สกลนคร มีหมากเม่า รดชาดดี หวานตามธรรมชาติ หมากเบ็น มะพร้าว ข้าวฮาวบ้านแป้น แชมพูมะกรูดกลิ่นหอมจากสวนชาวดินของน้องก้องกับตุ่งติ่งบัญฑิตคืนถิ่น เรามีอาหารมากมายสดๆดีๆไม่มีสารเคมีให้แม่ชีได้กิน แถมพี่น้องจากภาคตะวันออก/ภาคใต้น้องปุ้ย/อาจารย์อรุศรีก็ยังกรุณาส่งมังคุดปลอดสารมากินตลอด ที่ได้ซื้อตลาดก็มีบ้างเช่น ส้มเช้ง แก้วมังกร มะพร้าวน้ำหอม ก็ต้องดูว่าปลอดภัย เปลือกหนา เราจะต้องไปในเมือง ถ้าไม่ไปที่สกลนคร ก็ต้องไปที่มุกดาหาร ซึ่งอยู่ห่างจากวัดราว 100 กิโลมเมตรทั้งสองแห่ง แถมสุดยอดไปกว่านั้นที่วัดยังมีเห็ดป่าที่ออกตามฤดูกาลมากมายเช่นเห็ดละโงก เห็ดไค เห็ดดิน เห็ดปลวกโดยเฉพาะเห็ดตาโล่เป็นเห็ดก้อนกลมๆเป็นเมือก กินแล้วเย็นมาก กินดิบๆสดๆก็ได้หรือสุกก็ดีเป็นเห็ดป่าที่มีฤทธ์เย็น ทั้งที่เห็ดป่าโดยส่วนใหญ่มีฤทธิ์ร้อน และนับว่าโชคดีของลูกที่ได้กินเห็ดตาโล่ ตุ๋นใส่ผักรสอร่อยมาก ลูกชอบกินมากกินมื้อละถ้วยทุกมื้อที่นับว่าโชคอย่างมากคือเห็ดตาโล่จะไม่เกิดทุกที่ทั่วไป ที่วัดภูไม้ฮาวถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุด ชาวบ้านญาติโยมใกล้ไกลจะมากราบหลวงพ่อและขอเก็บเห็ดเป็นประจำจนมีชื่อเสียง

 

มาถึงวันนี้ ความวิตกกังวลจากคนรอบข้างที่ว่า ไม่มีหมอ ไม่มีเครื่องมือแพทย์ ลูกจะอยู่อย่างไร ค่อยๆเลือนหายไป โดยเฉพาะคุณย่าที่มาเห็นวัดครั้งแรกแล้วตีโพยตีพายต่อว่าพ่อกับแม่เสียมากมายว่า ทำไมพาหลานมาเสี่ยงชีวิตที่นี่ ตอนนี้มีความเข้าใจและยินดีที่จะมาอยู่ข้างๆลูกบ่อยๆเท่าที่ย่าจะทำได้

 

ด้วยตัวลูกเองที่แสดงออกให้เห็นถึงความเข้มแข็ง แม้จะไม่ใช่ทุกเรื่องที่ลูกบันทึกไว้ แต่ด้วยความทรงจำของแม่ แม่จำได้ถึงคำพูดของใครหลายคนที่บอกกับแม่ว่าลูกช่างเป็นเด็กมหัศจรรย์ ทุกครั้งที่ลุงๆป้าๆขึ้นมาเยี่ยม พวกเขาบอกว่าเหมือนไม่ได้มาเยี่ยมคนป่วย แค่มาพบปะพูดคุยกับคนปกติคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าไม่ดูที่รูปร่างซึ่งผอมบางลงทุกวัน

 

"ขอป้าจับมือหน่อยนะลูก ขอพลังด้วย" ป้าเฒ่ามักจะทำอย่างนั้นทุกครั้ง เพราะความเหนื่อยหอบจากการเดินขึ้นภูแล้วลูกก็ยื่นมือบางๆให้ป้าเฒ่าจับ พร้อมยิ้มอย่างมีความสุข ป้าหลานคุยกันกระหนุง

กระหนิง แม่จึงได้ออกไปทำกับข้าว ส่วนพ่อกับลุงเปี๊ยกก็คุยกันเหมือนเดิม

 

ป้าเฒ่ากับลุงเปี๊ยก กลายเป็นญาติผู้ใหญ่ของลูกที่เราขาดไม่ได้เสียแล้ว และทั้งป้ากับลุงก็ขาดลูกไม่ได้ ถ้าไม่มีงานเร่งด่วน หรือต้องเดินทางไปทำงานไกลๆ ป้าเฒ่าจะขับรถมานอนค้างกับลูกที่วัด ตื่นเช้า รีบไปทำงานที่โรงพยาบาลเขาวง ป้าเฒ่าลุงเปี๊ยก อยู่กับลูกจนกระทั่งนาทีสุดท้ายของลูกจริงๆ

 

ลูกรู้ไหม หลังจากที่ลูกไม่อยู่แล้ว ลุงเปี๊ยกบอกว่า ทั้งหมดที่ลูกฝากไว้ให้ คือเครื่องเตือนใจผู้ใหญ่อย่างลุงเปี๊ยกว่า เราที่เป็นผู้ใหญ่ ที่น่าจะเป็นฝ่ายไปก่อน ได้เตรียมตัวที่จะไปอย่างสงบสันติหรือยัง

 

บันทึกที่แม่ได้อ่าน หลังจากที่ไร้ร่างลูกแล้วนั้น ทำให้แม่เห็นความอดทนข่มใจต่อความอยากในสิ่งที่ลูกชอบ

แม่อ่านแล้วรู้สึกสงสารลูกมาก

 

11/6/51

ตื่น 05.00 . ...........(เนื้อหาส่วนนี้ เหมือนทั่วๆไป เกี่ยวกับการกิน นวด ถ่าย ฉี่)

ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะไม่กินขนม แต่ขาไก่ไม่มั่นใจ

พ่อไปสกลนคร ไปเอายาธิเบต

 

หลวงพ่อมาเทศน์เรื่องจิต .....

อากาศร้อนอบอ้าว สงสัยฝนจะตก......

ลุกนั่งเอง อ่านละคร ใส่แว่นตา ดู CD ละคร....

พ่อยังไม่มาเลย บอกว่าจะซื้อหนังสือ กระเป๋าสตังค์คิดตี้มาฝาก (เรื่องกิน อาบน้ำ สระผม อื่นๆ)

ดู CD พุทธทาส บทสุดท้าย ลึกซึ้งมาก (กินข้าว กินน้ำ กินยา)

พ่อมา ซื้อ(หนังสือประกอบ)ละคร 2 เล่ม กระจก สี(วาดรูป) กระเป๋าตังค์คิดตี้

ลุงยุทธฝากบอกให้เช็คอาหารตลอด อย่ากินปลากับข้าวเหนียวมากลุงยุทธยังบวมไม่หาย

รอกินข้าว คงกินกับนึ่งปลา ต้มจืดผัก (ได้กินจริงๆ)

 

แม่รู้ว่าลูกต้องอดทนต่อความอยากในของต้องห้ามทั้งหลาย ทั้งที่เคยเป็นอาหารประจำของลูก และเรื่องความหิวที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็เป็นเรื่องน่าเห็นใจไม่น้อย

 

กินกล้วยตอนดึก กินข้าวกับปลานึ่ง ตอนตี 1

ฟังเสียงบันทึกที่หลวงพ่อเทศน์ พ่อนวดให้ ถ่ายตอนตี 3 กินมังคุด นอนหลับสบายดี ฝนตก

 

มาถึงวันนี้ แม้ลูกกินมากแค่ไหน แต่ร่างกายของลูกก็ยังผอมบาง บางเฉียบราวกับเปลือกแตงกวาแห้ง

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
  ภูเขาหัวโล้นลูกนี้ อยู่ในเทือกเดียวกับภูหลวง จังหวัดเลย "ถามจริงๆ เถอะ คนแบบเราๆ นี่ ถ้าไปเป็นคนทำสวนจะหาเลี้ยงตัวเองได้จริงหรือ"เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งถามฉัน ในวันที่ฉันยังไม่ได้มีอาชีพทำสวน คงเป็นคำถามเพื่อนำไปสู่การสนทนาเชิงวิเคราะห์ว่าความคิดที่จะพึ่งตนเองจากอาชีพนี้เป็นไปได้จริงหรือ และฉันจำได้ว่าคำตอบของตัวเอง คือ"ไม่ได้" "ไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าการพึ่งตนเองหมายถึงการตัดเส้นเลือดทางการเงินจากอาชีพอื่นโดยสิ้นเชิง สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นปลูกต้นไม้ในปีแรกๆ และไม่มีเงินเก็บ หรือไม่มีคนสนับสนุนทางการเงิน คงไปไม่รอด"ฉันตอบจากประสบการณ์ที่เห็นปัญญาชนหลายคนอยากจะเป็นชาวไร่…
เงาศิลป์
ยามค่ำคืนที่เหน็บหนาวออกปานนี้ หนาวจนต้องสวมเสื้อกันหนาวหนาๆ ถึงสองชั้น หวังทนทานต่อความแหลมคมของไอหนาวที่แทรกซอนเข้ามาบาดเนื้อ เสื้อผ้าอาจปกป้องร่างกายไว้ได้บ้าง แต่บางความหนาวที่แทรกซึมเข้ามาได้กลับกระพือความร้อนรุ่มภายในให้ลุกโชน  ภาพถ่ายสุดท้ายของเจ้าเก๋า ในวันก่อนจะจากไปเพียงไม่กี่วัน สิ้นสุดเสียทีอีกหนึ่งชีวิต ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป เพราะพิษของสารเคมีที่เข้าไปทำลายตับไตไส้พุงจนหมดสิ้น ในเวลาสี่วัน วันสุดท้ายของมันกับความรู้สึกห่วงใยของฉัน มันคงรับรู้ได้ นาทีสุดท้าย มันจึงสะท้อนลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงทิ้งตัวลงบนตักฉัน แล้วจากไปนิรันดร์
เงาศิลป์
พวกมันพากันเลื้อยไปบนผิวดิน ในสภาวะอากาศอุ่นๆ คล้ายทุรนทุรายรีบร้อนที่จะไปที่ไหนสักที่ แต่กลับหลงทางวกวนจนขาดใจตายไปในที่สุด เพียงชั่วเวลาไม่ถึงชั่วโมงยามนี้ ไอแดดไม่ผ่าวร้อนอีกต่อไป ละไอหมอกที่ห่อหุ้มรอบๆตัว สร้างความมัวซัวทั้งแนวป่า มันจึงปกป้องผิวดินให้เย็นฉ่ำ และเก็บความชุ่มชื้นไว้ด้วยหยาดน้ำค้าง แต่ทำไมไส้เดือนผู้รักดินจึงคิดทิ้งถิ่นอาศัย ดิ้นรนไปสู่ความตายเช่นนี้ด้วยเล่าสำหรับฉัน รอยต่อของฤดูฝนชนฤดูหนาว ธรรมชาติมีของกำนัลที่น่ารักมามอบให้มากมาย โดยเฉพาะแม่นกทั้งหลายที่มีลูกน้อยและสั่งสอนลูกๆให้หัดบิน มีมาให้เห็นใกล้ๆอยู่บ่อยครั้ง เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ดี สำหรับการหาอาหาร…
เงาศิลป์
ละไอหมอกลอยเรี่ยอาบยอดไม้ ยามแสงเช้าสาดส่องทั่วลานไร่ รอบๆ กายคล้ายความฝัน นานนับปีแล้ว ที่ฉันไม่ได้เดินทางไกล ฤดูกาลเช่นนี้ มักกระซิบเรียกหาให้โลดแล่นออกไปตามใจตน แต่คราวนี้งานหนักในไร่ยังคงเร่งเร้าอยู่ตรงหน้า ยิ่งยามต้นไม้โบกไหว สบัดเรียวใบชุ่มเขียวให้คลายสี แล้วปล่อยให้ลมแล้งแต้มสีเหลืองจางๆ ลงแทน ฉันยิ่งต้องเร่งทำงาน หยิบสมุดบันทึกออกมาอ่านอย่างไม่ตั้งใจ กลับพบบางอย่างที่ชวนขำ ฤดูหนาวของปีนั้น ฉันได้เร่ร่อนท่องเที่ยวไปท่ามกลางความขัดแย้งที่บานปลายไปจนถึงขั้นสู้รบฆ่าฟันกันรายวัน และได้เห็นภาพการประท้วงที่วุ่นวายบนท้องถนน เกือบทั่วทั้งประเทศ บนรถไฟ จากเมืองแคนดี้…
เงาศิลป์
“ทำไมพี่ไม่ใช้ตัวพ่วงท้ายที่ไถพรวนไปพร้อมๆ กับตัดหญ้าล่ะครับ ดินจะได้ไม่แข็ง” เป็นคำแนะนำของยุทธ ซึ่งแวะมาที่ไร่แต่เช้า เพื่อขอยืมพลั่วไปตักปุ๋ยขี้ไก่ ไว้หยอดใส่หลุมแตงโมที่เถาว์เริ่มเลื้อยยาว ขณะที่ฉันขับรถแทรกเตอร์ตัดหญ้าในสวน เจตนารมณ์ของการทำสวนที่คิดว่าจะเบียดเบียนชีวิตอื่นให้น้อยที่สุด และเพื่อประโยชน์ตนอันสูงสุด เท่าที่จะทำได้ ฉันจึงตั้งใจว่าจะไม่ไถพรวน แม้บางทฤษฎีของบางนักวิชาการจะบอกว่า ดินทรายต้องไถพรวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายฤดูฝน เพราะการไถพรวนพลิกหน้าดิน จะช่วยลดการสูญเสียน้ำใต้ดินจากการดูดซึมของต้นหญ้า ใช่สิ ในภาคอีสานฉันเห็นการไถพรวนในเกือบทุกแปลงการเกษตร…
เงาศิลป์
นานๆ จึงจะมีเพื่อนบ้านแวะมาเยี่ยม ยิ่งยามนี้ยิ่งยากที่จะได้พบเจอคนผ่านทาง เพราะเส้นทางรถอีแต๊กถูกกระแสน้ำเชี่ยวลากพาดินทรายพัดหายไปทางลำธารข้างล่างโน่น จนกลายเป็นร่องน้ำลึกมีรากไม้ขนาดเล็กใหญ่พาดพันกันยุ่งเหยิง ส่วนพื้นที่ในไร่ ต้นไม้ยังเล็กนัก ร่องน้ำเล็กใหญ่เกิดขึ้นมากมาย แต่ที่ดินไม่พังทลายลงไปมาก เพราะผิวดินยังมีรากกอหญ้าสูงยึดดึงเอาไว้ ฉันหวังว่าปีต่อๆไป ผิวดินจะปลอดภัยมากกว่านี้ ถนนทางทิศตะวันออกของไร่กลายเป็นลำธาร จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เป็นสิ่งเกินจำเป็นไปในทันที ไม่ต้องพูดถึงรถยนต์ที่ฉันไม่มีใช้ รถอีแต๊กที่เคยผ่านเส้นทางนี้ทุกเช้า…
เงาศิลป์
ทุกชีวิตย่อมมีศักยภาพในการใช้ชีวิต หากยอมรับว่า “เกมการล่า” ว่าเป็นวิถีทางที่มีอยู่จริง และเราสามารถยอมรับความเจ็บปวดได้เมื่อตนเองถูกล่า ชีวิตฉันมักจะเป็นดั่งนี้… สิบกว่าปีที่แล้ว ณ ริมธาร “ห้วยแก้ว” เชียงใหม่ สายฝนที่ตกลงมาอย่างหน่วงหนักตลอดคืน ทำให้หลังคากระท่อมที่มุงด้วยใบหญ้าคา ทรุดฮวบลงมากองทับตัวฉันและกองหนังสือของฉันจนเปียกปอน ฉันได้แต่หัวเราะอย่างขำขื่น สาสมใจ วันนี้...ในหุบเขากว้าง บนแผ่นดินที่ราบสูง หลังจากฟ้าฝนกระหน่ำสายติดต่อกันหลายวันหลายคืน ฟ้าจึงบรรณาการแสงแดดอันอุ่นเอื้อมาให้ ต้นไม้ของฉันจึงได้หายใจบ้าง ต้นไม้ใหญ่ อาจพอมีเวลาต่อรอง…
เงาศิลป์
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นตื่นตระหนกเบิกโพลงอยู่ในความมืดสลัวของกระสอบปุ๋ย ทันทีที่ฉันเปิดปากถุงพวกมันต่างเงยหน้าจ้องมองมาที่ฉัน ดวงตาอีกสี่คู่เป็นสีน้ำตาลกลมกลืนกับความมืดจึงไม่สะดุดใจเท่าดวงตาคู่ที่เป็นสีน้ำทะเลกระจ่างจ้าคู่นั้น“โถ ลูกหนอลูก” ฉันร้องครางอยู่ในใจ นั่นคือเหตุการณ์ในเวลาเช้าตรู่ ที่ฟ้าฝนกระหน่ำสายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กาลเช่นนี้ได้ลักพาความสดชื่นแห่งวันใหม่ไปซุกซ่อนไว้ในม่านเมฆฝนหนาทึบริมฟ้า ราวกับมันเป็นจำเลยที่ต้องโทษหนัก และเช่นกัน ฉันผู้เคยเสพสุขจึงต้องร่วมรับโทษทัณฑ์นั้นไปด้วย เพราะเวลาที่อึมครึมในแต่ละนาทีดูเหมือนเนิ่นช้าและหน่วงทับอารมณ์มากขึ้นและมากขึ้นทุกขณะ  …
เงาศิลป์
ฉันสำเหนียกถึงแรงสะเทือนที่ดิ้นสะท้านอยู่ภายในอก ยามที่เผลอใจไปยึดมั่นกับเรื่องราวความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราขณะนี้ ทั้งที่ฉันตั้งใจวางตัวเองไว้ตรงชายขอบของสังคม... ไม่ได้ตั้งใจปิดหูปิดตาตัวเอง แต่เพราะการสื่อสารทั้งหลายที่ไม่สะดวก ฉันจึงหลุดออกมานอกวงสนทนาของความขัดแย้งเกลียดชัง เพราะ...ถูกและผิด ใช่และไม่ใช่เป็นเรื่องซับซ้อน วันวาน...สภาพชีวิตของฉันเป็นเสมือนวัชพืชของสังคมวันนี้...ฉันเป็นผู้แผ้วถางวัชพืชตัวจริงอย่างสำนึกรู้ผิดบาป แม้จะเลือกใช้เครื่องมือที่ปลอดภัยที่สุดแล้วต่อชีวิตเล็กๆ แต่กระนั้นฉันก็ยังทำลายชีวิตบางชีวิตอยู่ดี
เงาศิลป์
“เมื่อวานนี้คนในหมู่บ้านถูกหวยกันหลายคน”ยายแดงเริ่มเรื่อง ขณะที่นั่งจุมปุ๊กบนพื้นหญ้าหน้าบ้าน พลางเอาเสียมปากแบนแซะหญ้าเล่น ใบหน้ายังแดงก่ำ หยาดเหงื่อยังเปียกชื้นที่ไรผม เพราะงานดายหญ้า“แล้วยายแดงไม่ถูกกะเขาด้วยเหรอ” ฉันนั่งบนที่พักเชิงบันได หลังจากจัดเรียงกล้าไม้ใกล้โอ่งน้ำเสร็จไปแล้วหนึ่งชุด“ไม่ได้ซื้อกับเขาหรอก ไม่ค่อยได้ซื้อหวย” นับว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง ฉันชื่นชมในใจ“แล้วชาวบ้านได้เลขมาจากไหนกันละยายแดง”“เขาว่าเป็นเลขผีบอก ผีจากวัดป่าบอกผ่านเจ้าอาวาสอีกที”“อืม....ไม่เลวแฮะ แสดงว่าผีมีจริง”....ฉันนึกถึงกุศโลบายของตัวเอง ที่บอกกับใครๆว่าทุกวันนี้อาศัยอยู่กับ “ผีโนนบ้านคึม…
เงาศิลป์
นั่งบนตอไม้เล็กๆ หลังพิงโอ่งน้ำขนาดเท่าช้างพังตั้งท้อง ในปากกำลังเคี้ยวมะม่วงแก้วที่สุกพอห่ามๆ รสชาดกำลังดีมีความเปรี้ยวนิดๆ ทั้ง “เจ้าเสือ” หมาหนุ่มคู่บารมี ยังนอนหมอบราบคาบแก้ว ทำท่าขอแบ่งกินอยู่ตรงเท้า ดูสิ..ฉันใช้ชีวิตราวกับพระราชาในเทพนิยาย  เพราะเบื้องหน้าไกลโพ้นโน่น ตรงขอบฟ้าเหนือดงไม้นั่น คือการแสดงพลังพิเศษของเหล่าสามัญมนุษย์ เพื่อสื่อสารกับเทวดาพญาแถน จนท้องฟ้าสั่นสะเทือน ม่านเมฆเคลื่อนอยู่ไปมาเนื่องจากบ้านไร่เป็นที่ๆ ห่างไกลชุมชนทั้งในระยะทาง และด้วยสายตา แต่ฉันก็สามารถมองเห็นที่ตั้งของทุกหมู่บ้านรายรอบได้เป็นอย่างดี ในวันเวลาเช่นนี้ ทุกทิศทางจะมีเสียงดังฟู่ยาวๆ…
เงาศิลป์
มันคงเป็นเรื่องเล่าที่ชวนพิศวง ฉันคงสงสัยว่ามันมีความจริงปนอยู่สักเท่าใด หากไม่ได้ถูกบันทึกไว้ด้วยมือของฉันเองภาพในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้วฉันเห็นตัวเองเกาะแน่นอยู่บนอานรถมอเตอร์ไซค์ที่ไต่ไปตามคันนาเล็กๆ คนขับชำนาญทางเป็นอย่างดี เพราะไม่เช่นนั้นอาจได้ลงไปนอนแช่น้ำในผืนนากันทั้งคู่“พี่หวาด” เป็นหมอยาพื้นบ้านและเป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน แกทำหน้าที่เป็นสารถีรวมทั้งเป็นเนวิเกเตอร์ในการไปพบเจอกับแหล่งข้อมูล และนั่นคือที่มาของเรื่องราวที่เหลือเชื่อ ที่หลงเหลือไว้ให้ฉันหยิบจับขึ้นมาอ่านซ้ำอย่างประหลาดใจไม่น่าเชื่อว่าฉันจะเคยพบเจอกับบุคคลที่มีบุคลิกพิเศษมากมาย ปัจจุบันเขาเหล่านั้นลาจากโลกนี้ไปแล้ว…