Skip to main content

 

พักหลังๆนี้ลูกอ่านหนังสือเยอะมาก บางครั้งไม่มีหนังสือใหม่มาให้อ่าน ลูกจะเฝ้ารอคนที่รับปากว่าจะเอาหนังสือมาให้ หรือว่าเมื่อพ่อไปในเมือง ลูกก็รอว่าน่าจะมีหนังสือมาให้บ้าง

วันนี้พ่อต้องไปส่งปุ้ยที่มุกดาหารจะฝากให้พ่อหาไข่ไก่บ้าน ธัญพืชนิวทรี ปากกา พ่อต้องกลับมาก่อนบ่าย 3 โมงเพราะว่ายาบ่าย 3 โมงหมดแล้ว ขอให้ป้าอ้อยฝากหนังสือธิเบตมาให้ด้วยเถิด

 

การอ่านหนังสือที่มากและมีบางเล่มที่อ่านยาก ทำให้พ่อกับแม่ฉงนใจว่าทำไมลูกจึงเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ถ้าค้นกลับไปดูในหน้าบันทึกเก่าๆ จะเห็นชื่อหนังสือแปลกๆ ที่เกี่ยวกับธิเบต อินเดียอยู่หลายเล่ม หรือที่เป็นเรื่องเมืองไทย หนังสือนั้นมักจะเป็นหนังสือธรรมะ

 

รายชื่อหนังสือบางส่วน ที่ลูกอ่านผ่านมา ในช่วงสองเดือน

 

ธิเบต หลั่งเลือดบนหลังคาโลก

อุทยานธรรม ของท่านมิลาเรปะ

มิลากรูบัม

ชีวิตและคำสอนของซองคาปะ

ศิลปะแห่งความสุข

อนาคตอันเก่าแก่

พระราชวังกลางสายรุ้ง

รูป เงา ขุนเขา ทะเลสาป

ลมหายใจแห่งขุนเขา แชงกรีลา ลี่เจียง ย่าติง

หิมาลัยในความทรงจำ

ประวัติหลวงปู้มั่น

หลวงตาปล่อยเต่า

35 อุบาสก พุทธสาวก

รัตนนารี

เบอร์มิวดา สามเหลี่ยมอาถรรพ์

ฯลฯ

 

ที่ลูกชอบอ่านมาก คือ รัตนนารี อุทยานธรรม ของท่านมิลาเรปะ และ ประวัติหลวงปู่มั่น ลูกเขียนไว้ว่า

หลวงพ่อเอาหนังสือเรื่อง อุทยานธรรมของท่านมิลาเรปะ มาให้อ่าน อ่านแล้วลึกซึ้งดีมาก

ส่วนเล่มที่เกี่ยวกับประวัติหลวงปู่มั่น ลูกจะวางไว้ที่หัวเตียงตลอดเวลา

 

เหตุนี้กระมัง ที่ทำให้ลูกมีความฝันที่จะไปเรียนรู้ศาตร์ต่างๆที่ธิเบต

วันนี้อากาศดีมาก แต่ก็หนาวเย็นอยู่บ้าง กระปุกก็คงมีความสุขด้วย อ่านหนังสือ หิมาลัยในความทรงจำ อ่านแล้วยิ่งกระตุ้นให้อยากไปธิเบตมากขึ้น ไปศึกษาศิลปวัฒนธรรม พระพุทธศาสนาและเรื่องต่างๆ

 

ผู้ใหญ่ที่ชอบอ่านหนังสือแนวนี้ แม้จะอ่านมากและบ่อยเพียงใด ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่สำหรับลูก เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เคยชอบอ่านการ์ตูนหรือหนังสือประกอบละครโทรทัศน์ กลับหันมาอ่านหนังสือธรรมะที่มีเนื้อหาละเอียดลึกซึ้ง อย่างใจจดใจจ่อ หมายถึงสิ่งใดกัน

 

หากวัดความประณีตของจิตจากการเขียนบันทึกในแต่ละนาที นับว่าต้องมีจิตที่แน่วแน่ มีความสุขที่จะทำ เพื่อเชื่อมโยงไปถึงการดูแลร่างกายและจิตใจให้อยู่ในภาวะสมดุล แต่การอ่านหนังสือบางเล่ม ต้องใช้สมาธิจิตมากกว่าเช่น อุทยานธรรมของท่านมิลาเรปะ ผู้อ่านจะต้องอ่านด้วยใจที่สงบนิ่ง จดจ่ออยู่กับถ้อยคำ จนจินตนาการไปถึงน้ำเสียงแห่งองค์คุรุผู้จารจารึกถ้อยคำนั้นได้เลยทีเดียว

 

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
ฉันสังเกตดูรอบๆ บ้านหลังน้อยของลุงลี แทบไม่มีพืชผักที่พอจะเก็บกินได้ สงสัยอยู่ครามครันว่า ทำไมไม่ปลูก ในเมื่อแกเป็นคนเก่าแก่และเป็นคนเดียวที่อยู่ในป่านี้มานานถึง 20 กว่าปี ตอนที่ฉันได้หน่อกล้วยหอมพันธุ์ดีมาจากหนองคาย แกก็ยังอุตส่าห์เอาปุ๋ยขี้ควายมาให้ตั้งสามกระสอบ แถมยังสอนวิธีปลูกให้อีกด้วย เมื่อเห็นฉันลงมือขุดหลุมห่างๆ เพราะคิดว่าในอนาคตมันต้องแตกหน่อมาชนกันเอง แกกลับบอกว่าให้ชิดๆกันหน่อยจะดีกว่า เป็นแรงดึงดูดให้กล้วยโตเร็วขึ้น ฉันก็เอาตามนั้น ก้นหลุมกว้างลึกรองด้วยปุ๋ยมูลสัตว์สลับหญ้าแห้ง ดูเป็นวิชาการมากๆ ตามคำแนะนำของแกถามแกว่าจะเอาไปปลูกเองสักต้นไหม…
เงาศิลป์
ฟืนท่อนใหญ่ถูกซุนเพิ่มเข้าไปอีกท่อน มันเป็นไม้ส้มเสี้ยวที่ถูกโค่นล้มลงเพราะขวางทางรถยนต์คันใหญ่ คนตัดบอกว่าไม้ชนิดนี้ยากที่จะแปรรูปเพราะเนื้อไม้บิดเป็นเกลียว ฉันจึงขอให้เขาตัดเป็นท่อนสั้นๆ เพื่อจะใช้ประโยชน์ตามแต่จะคิดได้ แต่พอลมหนาวทายทักแข็งขันมากขึ้น ฉันต้องตัดใจตัวเองจนเลือดซิบ ขณะที่ก้มลงลากมันมาใส่ไฟอย่างยากเย็น เพราะทั้งหนักและเสียดาย และรู้สึกผิดต่อตัวเองหมาน้อยสองตัวต้องการความอบอุ่นตลอดคืน ฉันเองก็ต้องการ แม้จะมีผ้าห่มแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะกันหนาวได้ การใช้ฟืนดุ้นเล็กๆ คือภาระที่ต้องลุกขึ้นมาใส่ไฟเกือบตลอดเวลา ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือไว้ทำงานในไร่ยามกลางวันอีกเป็นแน่…
เงาศิลป์
สวัสดีค่ะ ขาดหายไปนานสำหรับเรื่องของชะตากรรมคนขาหัก ขอสารภาพว่าที่ทิ้งช่วงห่างหายไปนานขนาดนี้ เพราะว่าขาดความเชื่อมั่นที่จะเขียน (อย่างรุนแรง) เนื่องจากรู้สึกว่าท่านผู้อ่านประชาไท ค่อนข้างมีภูมิปัญญาสูง แต่คนเขียนปัญญาต่ำ ครุ่นคิดอยู่นานว่าจะจบเรื่องนี้อย่างไรดี ในท่ามกลางสภาพปัญหาการดิ้นรนรักษาตนเองและบางครั้งได้รับการดูแลอย่างไม่คาดคิด ค่ะ...ตอนนี้ขอสรุปรวบรัดเล่าให้ฟังว่า เกิดอะไรขึ้นในที่สุด.....หลายครั้งที่ได้พบและเรียนรู้เรื่องการดูแลสุขภาพจากผู้รู้ แต่ครั้งที่เป็นประสบการณ์ตรงที่สุดก็คือ การฝังเข็มจากพี่อ้อย (กัลยา ใหญ่ประสาน) รุ่นพี่ที่เคารพรัก เจ้าของร้านอาหารสุขภาพโขง-สาละวิน…
เงาศิลป์
วันเวลาที่ผ่านไป ฉันค่อยๆ คลายความกังวล แม้ว่าความรู้สึกเจ็บปวดจะมาอยู่เป็นเพื่อนเกือบตลอดเวลา แต่วิชาเกลือจิ้มเกลือ เจ็บแก้เจ็บ ยังใช้ได้เสมอ (โปรดใช้วิจารณญาณในการนำไปทดลอง)และแล้วเหมือนกรรมบันดาล (อีกแล้ว) วันหนึ่ง ฉันได้เรียนรู้ว่า คนเราได้ใช้ศักยภาพของตัวเองเพียงแค่ 60 – 70 % เท่านั้น ส่วนที่เหลือยังไม่เคยรู้จักมัน และปล่อยให้มายาคติบางอย่างครอบงำ โดยเฉพาะคำว่า “อย่าทำ” .... “ไม่ควรทำ”.....หรือ “ไม่เหมาะสมที่จะทำ” และอะไรอีกหลายความคิดที่ปิดกั้นโอกาสของตัวเองกลางเดือนตุลาคมของปีหนึ่ง ฉันเร่ร่อนลงเรือไปที่หาดไร่เล ตอนนั้นแทบว่าไม่มีคนไทยรู้จักหาดไร่เล นอกจากฮิปปี้และนักปีนผา (…
เงาศิลป์
การขึ้นภูกระดึงอย่างไร้ความพร้อม กลับทำให้ฉันได้สิ่งดีๆมากมายคุณนิมิตร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว ได้เขียนจดหมายน้อยอย่างไม่เป็นทางการ ให้ฉันถือไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่บนภู ที่เป็นเพื่อนกัน ในจดหมายเขียนว่า “ช่วยดูแลคนที่ถือจดหมายฉบับนี้ด้วย ตามสมควร” ที่อาคารลงทะเบียนบนภู ฉันยื่นจดหมายให้กับเจ้าหน้าที่ คะเนจากหน้าตา เขาคนนั้นคงมีอายุพอๆกับฉัน เมื่ออ่านจบเขามองหน้าฉันอย่างเฉยเมย บอกว่าบ้านพักเต็มหมดแล้ว เหลือแต่เต๊นท์  ฉันบอกว่าฉันตั้งใจจะพักเต๊นท์อยู่แล้ว“มากันกี่คน” น้ำเสียงห้วนๆ  ไม่รู้ทำไม“คุณเห็นกี่คนล่ะคะ คุณเห็นแค่ไหนก็แค่นั้นล่ะค่ะ” ฉันตอบกึ่งยียวน…
เงาศิลป์
เช้าวันนี้….ใบไม้สีเหลืองเกลื่อนพื้น ดูสวยงาม แต่ไม่นานมันจะถูกเรียกว่า “ขยะ” ด้วยเรียวไม้กวาดก้านมะพร้าว ค่อยๆลากให้มันมากองรวมกัน ทีละนิดรอยทรายเป็นเส้นลดเลี้ยวตามแนวกวาด ลีลาคล้ายบทกวีร้อยบท ที่มีเนื้อหาเดียว คือความสงบทุกเช้า ฉันจะอยู่กับมัน ทั้งไม้กวาด พื้นทรายและใบไม้ร่วงสายตาจับอยู่ที่พื้น..แต่ด้วยหางตา เห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บนถนนหน้าบ้าน  จากที่ยืนอยู่ ระยะทางราวร้อยก้าว เงาร่างเดินโยกเยก บดบังด้วยแนวพุ่มไม้เตี้ยๆ จึงมุ่งมองอย่างตั้งใจ เห็นใครบางคนเคลื่อนไหวอย่างช้าๆจึงเดินออกไปดูร่างล่ำสันค่อยๆ เคลื่อนไปอย่างลำบาก เขาใช้ไม้ยาวๆ ค้ำถ่อ ประคองร่างกายให้ขาตวัดสลับกันไป …
เงาศิลป์
“ฉันจะต้องไม่พิการ”ฉันคำรามหนักแน่นอยู่ในใจ ในคืนวันหนึ่ง เมื่อนอนอยู่ในท่าทีเอาขาขวาพาดไว้บนกำแพง เพื่อดัดขาไล่ความเมื่อยล้า จากงานหนักจากวันนั้น อะไรก็ตามที่ทำให้เข่าของฉันเจ็บน้อยลง ฉันจะทำทันที เริ่มจากการค้นหาวิธีแก้ไข ควบคู่ไปกับการยอมรับความเจ็บปวดของขาข้างขวาว่าเป็นคู่แท้ของชีวิตปีแรก ฉันเดินกะเผลกแบบคนขาเป๋ เพราะขาขวาสั้นกว่าขาซ้าย และยังไม่มีพละกำลัง เวลาเดินจึงเห็นว่าตัวเอียงมาก เป็นที่เวทนาตัวเองยามคนจ้องมอง ทำให้ฉันเข้าใจหัวอกคนพิการมากขึ้นแต่แล้ววันหนึ่ง เหมือนพระมาโปรด ฉันกลับมากรุงเทพฯ แล้วไปเยี่ยมเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัย ขณะนั่งอยู่ริมสนามฟุตบอล มองคนอื่นๆเล่นกิฬา อย่างเสียดาย…