“โชค ไปเที่ยวในป่ากันดีกว่า น้าได้กลิ่นดอกไม้หอม”
เขาพยักหน้า วางเครื่องมือทำงานไว้ในที่ร่มแล้วคว้าขวดน้ำดื่มติดมือมาแทน เจ้าหมาหนุ่มสองตัวรีบมุ่งหน้ามาสมทบโดยไม่ต้องส่งเสียงเรียก เพราะการเคลื่อนไหวของเราอยู่ในสายตาของมันเสมอ
แค่เอื้อมเท่านั้น...ที่ฉันจะหาความสุขอันลึกซึ้งได้ แต่บ่อยครั้งที่ฉันแข็งใจไม่แวะเข้าไปในป่า เนื่องจากงานในไร่กำลังเร่งรีบ และยามนี้เป็นเวลาปิดเทอมใหญ่ “โชค” จึงมีเวลามาช่วยงานได้เต็มวัน เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ขยัน เป็นครูสอนงานที่ดีให้แก่ฉันในบางกรณี และพร้อมที่จะเป็นผู้เรียนรู้งานได้อย่างน่าชื่นชม ฉันแอบดูเขาทำงาน มองร่างผ่ายผอมในวัยเพียงสิบห้าปี ที่ต้องตรากตรำงานกลางแจ้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อเก็บเงินไว้เรียนหนังสือหรือซื้อหาสิ่งที่ชอบของตนเองโดยไม่รบกวนผู้เป็นพ่อแม่
“ต้นไม้กำลังผลิใบอ่อนดูคล้ายงานเลี้ยงเพิ่งเริ่มต้น” ฉันคิด ขณะที่ย่ำเท้าไปบนยอดหญ้าอ่อนๆ พื้นดินเปียกชุ่มน้ำฝนที่หลั่งสายมาทุกค่ำคืน
“น้าศิลป์ดูนี่สิครับ นี่รอยของหนูที่มากินรากต้นเพ็ก หลายตัวเลย” โชคตื่นเต้นพลางชี้ให้ฉันดู คืนนี้เขาจะมาวางบ่วงดักหนู ฉันสงสัยว่ามันจะไม่เดินออกนอกเส้นทางบ้างเหรอ เขาบอกว่า “ไม่”
มิน่า จึงมีคติของคนภาคอีสานที่ว่า “ทางหนู หนูไต่ ทางไหน่ ไหน่เดิน”
เราเดินเลาะมาตามร่องน้ำ ซึ่งบัดนี้มีน้ำเต็มปริ่ม ทั้งที่เมื่อสิบกว่าวันก่อนบริเวณนี้คือความร้อนแล้งแห้งผาก ไม้ยืนต้นโกร๋นไร้ใบราวกับตายซากไปแล้ว แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ราวกับเนรมิต
ฉันตามหากลิ่นหอมของดอกไม้ป่า แต่สายตาของโชคกำลังเสาะส่ายหาของกิน เราต่างมีความสุข สนุกกับการค้นหาซอกมุมลี้ลับที่ตนต้องการ
“ระวังนะน้าศิลป์ ตรงนั้นเป็นเพิงถ้ำของงูจงอาง น้าไพเคยโดนมันไล่กวดมาแล้ว” โชคเตือนเบาๆแต่ก็ยังก้าวตามฉันมา หมาสองตัวกำลังเมามันกับการขุดคุ้ยอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น ฉันจุ๊ปากเรียกให้ถอยห่าง พวกมันทำท่าลังเล
ตรงนั้นคือลานหินก้อนใหญ่ขนาดเกือบเท่าบ้านหลังย่อมๆ ที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ มี “โสก” หรือแอ่งน้ำเล็กๆ เหมาะแก่การดักหาอาหารของสัตว์นักล่า หรือแม้กระทั่งคน ร่องรอยการขุดหาอาหารยังใหม่สด มีกบ เขียด อึ่งชุกชุม มีกระทั่งแมงดา
แต่สายตาของฉันกลับมองเห็นกล้วยไม้ป่าที่ตั้งช่อดอกตูม และเหนือขึ้นไป คือ ช่อดอกสีชมพูบอบบาง แซมด้วยกลีบใบสีแดงอมม่วง โชคเรียกมันว่า “ต้นติ้วป่า”
ระหว่างสีชมพูสะพรั่งพรึ่บยังแทรกด้วยสีเหลืองหอมกรุ่นของดอกช้างน้าว
และแล้วสิ่งที่ฉันตามหาก็เผยตัว มันคือ “ดอกสีดาป่า” ที่มีหน้าตาคล้ายดอกพุดใหญ่ มีกลิ่นหอมเย็นคล้ายดอกลั่นทม
“โอ้สวรรค์ ใครกันนะที่เห็นความลี้ลับของป่าไพรว่าป่าเถื่อน ฉันว่าเขามองข้ามบางสิ่งบางอย่างไปจริงๆ”