Skip to main content

บทความนี้เขียนเร็วๆ จากบทสนทนาในไลน์กลุ่มที่ผู้เขียนเป็นสมาชิก เพื่อตอบคำถามสองส่วน ส่วนแรกคือเสถียรภาพทางการเมืองขึ้นอยู่กับความได้สัดส่วนระหว่างขีดความสามารถของรัฐกับความคาดหวังจากสังคม ส่วนที่สองคือรัฐกำลังทำผิดรัฐธรรมนูญขึ้นเรื่อยๆ

 

ปรากฎการณ์โรคระบาดรอบนี้ส่งผลสะเทือนทั้งโลก โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายมากๆ นี่ขนาดเรามีเวลาตั้งหลักปีกว่าๆ แล้ว ยังพบว่ามันมาพลิกแทรกเราอยู่ตลอด เสียดายที่โครงสร้าง (backbone) ของประเทศ เช่น รัฐธรรมนูญและกลไกการตรวจสอบอ่อนแอมากๆ ถ้าไม่หลอกตัวเองจนเกินไป ยังไม่ว่ารู้ว่ากว่าจะฟื้นตัวได้จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ยังไม่เห็นสัญญาณ ไม่นับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ยังพบกับความผิดหวังซ้ำซาก มันควรมี prediction ใน scenarios ต่างๆ เช่น ถ้าฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้ร้อยละ เท่าไหร่ จึงจะกลับมาสามารถดำเนินชีวิตปกติได้ หรือการ cut loss ประชากร ที่ต้องปล่อยให้ตายไปเรื่อยๆ จะทรงอยู่อีกกี่สัปดาห์

ภาวะสิ้นหวัง ปั่นป่วนพอมันก่อตัวแล้ว จะสร้างความพังทลายของความหวังมากขึ้น หากสถาบันการเมืองและการศึกษา ไม่มีปัญญาชี้นำแล้ว จะสั่นสะเทือนมากกว่า the Great Depression ซึ่งส่งผลสะเทือนมาถึงประเทศสยามก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475

สูตรง่ายๆ ที่จะทำความเข้าใจตรงนี้คือ

Stability = state capacity/expectation

หรือ เสถียรภาพของรัฐบาล = ขีดความสามารถของรัฐในการสนองตอบต่อวิกฤต ต่อ ขีดความคาดหวังของสาธารณชน

หากขาดความสมดุลนี้ก็ยากจะธำรงเสถียรภาพเอาไว้ได้

 

ส่วนที่สองก็คือประเด็นที่ว่า รัฐบาลประยุทธ์กำลังทำผิดรัฐธรรมนูญขึ้นเรื่อยๆ

ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา  47 ระบุว่า

"บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ

บุคคลยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติ

บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย" 

ความในวรรคสามนี้เองที่ทำให้เห็นว่าการวางมาตรการใดๆ ของรัฐที่ สุ่มเสี่ยงและเล็งเห็นได้ว่าเป็นการสร้างเครื่องกีดขวางกางกั้น (barrier) หรือกีดกันการเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ในเวลาที่เหมาะสม อันจะป้องกันภยันอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตของประชาชนแล้ว ย่อมถือได้ว่ารัฐล้มเหลว และบกพร่องในการคุ้มครองสิทธิของประชาชนตามความในมาตรา 47 นี้

 

ยิ่งมีความพยายามรุกรี้รุกรนในการตราพระราชกำหนดนิรโทษกรรม ยิ่งสะท้อนให้ว่าพวกเขาเล็งเห็นและรับรู้ถึงความเสี่ยงนี้มาโดยตลอด

จากข่าวของบีบีซีไทยระบุว่านายแพทย์ธเรศเปิดเผยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ก. ว่า ผู้ที่จะได้รับความคุ้มครองโดยไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมความผิดทางแพ่ง ทางอาญา ความรับผิดชอบทางวินัย และความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย 

1. บุคลากรทางด้านสาธารณสุข ทั้งผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบโรคศิลปะในแขนงต่าง ๆ 

2. อาสาสมัครสาธารณสุข และอาสาสมัครต่าง ๆ

3. บุคคลหรือคณะบุคคลที่มีส่วนในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมไปถึงยารักษาโรคและวัคซีน

 

(https://www.bbc.com/thai/thailand-58145395)

 

ใจความสำคัญของร่าง พ.ร.ก. อยู่ที่ข้อสุดท้ายนี้เองว่าเพื่อคุ้มครองบุคคลหรือคณะบุคคลที่มีส่วนในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมไปถึงยารักษาโรคและวัคซีน

รอดูภัยพิบัติรอบนี้ว่าจะจบลงอย่างไร 

 

 

 

บล็อกของ บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ

บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
 ผมไม่คิดว่าจะได้ดูละคร "คือผู้อภิวัฒน์" เพราะผมเข้าเรียนธรรมศาสตร์ ปี 2531 ขณะที่ "คือผู้อภิวัฒน์" แสดงเป็นครั้งแรกในปี 2530 แต่ผมเข้าเรียนธรรมศาสตร์ ปี พ.ศ. 2531
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ประการที่สอง เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องกระบวนการทางการเมืองควรได้พิจารณาจากบทเรียนความรุนแรงทางการเมืองและความพยายามแสวงหาทางออก ซึ่งมีบทเรียนสำคัญจากสองกรณี ได้แก่
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ในสถานการณ์ที่เยาวชนลุกขึ้นเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชน ยุบสภาและร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ในหลายแห่งและขยายตัวไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศนั้น หลายคนมองว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์ของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ บ้างก็หมิ่นแคลนว่าไม่เคยช่วยพ่อแม่ล้างจานจะมาแก้ปัญหาประเทศได้อย่างไร หรือหางานและจ่ายภาษีได้แล้วค
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
คนสามรุ่น
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
 
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
หากมองคลื่นความขัดแย้งทางการเมืองไทยใน
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เรื่องเล่าวันนี้
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ถึงแม้ว่าจะมีเหล้า ยาเสพติดมาเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุที่มีคนเจ็บตายกันทุกๆ ปี ช่วงปีใหม่ สงกรานต์และเทศกาลสำคัญ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
 คำเตือน: เปิดเผยเนื้อหาบางตอน และอยากชวนไปดูหนังเรื่องนี้กันเยอะๆ ครับ บอกตรงๆ ว่าสะเทือนใจมากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ เพราะมันมีเรื่องราวหลายอย่างที่ทับซ้อนอยู่ในเรื่อง เป็นธรรมดาที่เราอาจจะคิดไปเองว่าบทสนทนาในเรื่องคล้ายคลึงกับเรื่องของเราเอง